‘เพื่อไทย’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ยอมรับเป็นนักการเมืองเพราะจำนนด้วยหลักฐาน

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยและส.ส. บัญชีรายชื่อ เปิดเผยถึงประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียอมรับว่าตนไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร โดยนายชวลิตกล่าวว่า การยอมรับดังกล่าว เพราะจำนนด้วยหลักฐานหรือไม่? จะเห็นได้ว่า การลงพื้นที่ การนัดพบกลุ่มนักการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์  สอดคล้องกับข่าวการตั้งพรรคที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนนอก ประกอบกับเมื่อมีคำสั่ง คสช. ล่าสุดที่รีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมืองและอดีต ส.ส. โดยอ้างว่าเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันเลยสงสัยว่า เป็นกลยุทธ์ที่จะเอาเปรียบทางการเมืองหรือไม่? จึงอาจจะเพิ่มน้ำหนักว่า เป็นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
นายชวลิต กล่าวต่อว่าผู้ที่ร้องขอให้แก้ไข พรป.พรรคการเมืองเป็นกลุ่มการเมืองที่ประกาศว่าจะสนับสนุนผู้ใดเป็นนายกรัฐมนตรี จึงทำให้เห็นภาพการเตรียมการอย่างเป็นกระบวนการ ตั้งแต่การกำหนดกติกาในกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เอื้อให้นายกรัฐมนตรีมาจากคนนอก มาจนถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองสนับสนุนตนและพวกพ้อง และการเดินล็อบบี้กลุ่มการเมืองต่างๆ ทั้งโดยเปิดเผยและทางลับดังกล่าวข้างต้น ยิ่งเมื่อติดตามเหตุการณ์ย้อนหลัง จะเห็นว่าฟากฝั่งประชาธิปไตยถูกดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียว ในขณะที่กลุ่มการเมืองที่ไม่ยอมรับกติกายังอยู่ดีและมีอำนาจต่อรองสูงในการรีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมืองโดยอ้อมดังกล่าว”
นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมว่าวัตถุประสงค์ในการรัฐประหารเมื่อปี 2557 เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ปฏิรูปประเทศ และปราบทุจริตสรุปก็คือ เข้ามาเป็น “คนกลาง”แต่เมื่อตัวตนได้เปิดเผยออกมา จึงน่าจะมิใช่ “คนกลาง” ดังที่ประชาชนคาดหวัง ประกอบกับเมื่อมีคำกล่าวสำคัญที่ว่า “ได้ใช้กองหนุนเกือบจะหมดแล้ว” น่าจะเป็นสัญญาณว่า เวลาในการทำหน้าที่ที่เคยอ้างว่าเป็น “คนกลาง” ได้จบลงหรือไม่?
นายชวลิต กล่าวในที่สุดว่า เมื่อนายกรัฐมนตรียอมรับว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัว และประกาศต่อสาธารณะว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน พ.ย. 2561 นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ท่านเปิดตัวเป็นทางเลือกของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนนอก หรือเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีเอง ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะท่านเคยปฏิเสธตลอดมาว่าไม่ใช่นักการเมือง แต่วันนี้ยอมรับแล้วว่าเป็นนักการเมือง ดังนั้น อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ แต่จะได้รับความเชื่อมั่นหรือไม่ เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
อดีตรองเลขาฯ ทิ้งท้ายว่า เมื่อรับว่าเป็นนักการเมืองและอยู่ในอำนาจในฝ่ายบริหาร จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคุณธรรมจริยธรรมไม่เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ใช่พวกพ้องของตน รวมทั้งต้องจัดการเลือกตั้งด้วยความเป็นกลาง บริสุทธิ์ยุติธรรม ถึงจะนำพาประเทศให้ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาคมโลกและนักลงทุน แต่ถ้าทำตรงข้าม ก็จะทำลายความเชื่อมั่นประเทศเสียเอง จึงขอให้กำลังใจในการทำหน้าที่ฝ่ายบริหารอย่างมีคุณธรรม และจริยธรรมด้วยความยินดีอย่างยิ่ง

‘ปปช’ ชี้แจงสื่อมวลชน นาฬึกา ‘บิ๊กป้อม’ 5 ม.ค.

นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 มกราคม นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช. ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ทําหนังสือชี้แจง ประเด็นทีมาของนาฬิกาหรูแล้ว หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนของการนัดวันและเวลาสอบพยานทีเกี่ยวข้องต่อไป

นายปรีชา กล่าวว่านาฬึกาจะเป็นของเพื่อนหรือไม่ ไม่ทราบ ซึงรายละเอียด นายวรวิทย์ จะชี้แจงกับสื่อมวลชนในวันที่ 5 มกราคม หลังจากผู้สื่อข่าวถามในส่วนของรายละเอียดในหนังสือที รองนายกฯ ชี้แจงนั้น ระบุว่านาฬิกาเป็นของบุคคลที่ 3 ใช่หรือไม่

คปภ. สั่งเชือด 51 นายหน้าประกันภัย พร้อมเพิ่มความเข้มข้น

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า สำหรับการเพิกถอนใบอนุญาตของคนกลางประกันภัยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2560 มีการเพิกถอนใบอนุญาตตัวแทน/นายหน้าประกันภัยประเภทบุคคลธรรมดาไปแล้วทั้งสิ้น 50 ราย โดยมีสาเหตุจากการรับชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัย แต่ไม่นำส่งบริษัทประกันภัย การกระทำการทุจริตการสอบการชักชวน/ชี้ช่องให้ทำสัญญาประกันภัย โดยไม่อธิบายเงื่อนไข การยินยอมให้ผู้อื่นเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัย โดยไม่มีใบอนุญาต และการปลอมรายมือในใบรับมอบกรมธรรม์ประกันภัย และมีการเพิกถอนใบอนุญาตนายหน้าประกันภัยประเภทนิติบุคคล จำนวน 1 บริษัท เนื่องจากมีนายหน้ากระทำการแทนน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด ไม่ยื่นรายงานงบการเงิน/งบรายไตรมาส และไม่ยื่นรายงานผลของการประกอบธุรกิจและเงินกองทุนตามแบบ รปว.

“ในปี 2561 สำนักงาน คปภ. มีนโยบายจะเพิ่มความเข้มข้นในการกำกับดูแลคนกลางประกันภัยซึ่งเป็นช่องทางที่สำคัญในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันภัยโดยจะมีการปรับปรุงกติกาในการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยตลอดจนระบบตรวจสอบการปฏิบัติงานของคนกลางประกันภัยเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในกระบวนการขายและการดูแลกรณีเกิดปัญหาเรื่องประกันภัย ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบและออกสุ่มตรวจสำนักงานตัวแทนและสำนักงานนายหน้าประกันภัย โดยจะมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้สายตรวจสอบคนกลางประกันภัยได้เสนอแผนการตรวจประจำปี 2561 มาให้พิจารณาและได้เห็นชอบแล้ว” เลขาธิการ กล่าวในตอนท้าย

รูปใหม่ปลิวว่อน! ‘ปู’ โผล่อังกฤษ

นักข่าวชื่อดังชาวอังกฤษใช้เฟสบุ๊คส่วนตัว Andrew MacGregor Marshall เผยแพร่ภาพของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี ถ่ายรูปกับหญิงสาวคนหนึ่ง หน้าห้างหรูชื่อดัง ‘แฮร์รอดส์’ ใจกลางกรุงลอนดอน ณ ประเทศอังกฤษ โดย นายแอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชล ได้เขียนข้อความในโพสต์เฟสบุ๊คว่า “นางสาวยิ่งลักษณ์ถูกถ่ายรูปนอกห้างแฮร์รอดส์ในกรุงลอนดอน หลังจากที่นักท่องเที่ยวชาวไทยไปเห็นและจำได้ และอย่างที่ผมกล่าวไว้เมื่อเดือนก่อน นางสาวยิ่งลักษณ์ได้ใช้ชีวิตในกรุงลอนดอนนับตั้งแต่ที่หนีออกจากประเทศไทยผ่านออกไปทางกัมพูชา เมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา”

จากภาพจะพบว่า นางสาวยิ่งลักษ์ (ด้านขวา) อยู่ในชุดสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีครีม ผูกผ้าพันคอสีฟ้า และถือกระเป๋ายี่ห้อแอร์เมส (Hermes) โดยคาดว่าราคากระเป๋าอยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นปอนด์ (ประมาณ 2 ล้านบาท)

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก และได้หลบหนีไป โดยถูกระบุว่าอยู่ในประเทศอังกฤษ หลังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่านคำพิพากษาความผิดของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโคงการรับจำนำข้าว โดยที่คำพิพากษาให้จำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา

Yingluck


 

‘วัฒนา’ โวยทหาร ‘ริดรอน’ เสรีภาพ

นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และแกนนำพรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อความเฟสบุ๊คได้ใจความว่า วันที่ 4 ม.ค. 2560 เวลาประมาณ 14.00 น. คุณเอกชัย หงส์กังวาน ถูกชาย 3 คนอ้างตัวเป็นทหารลากตัวลงจากรถเมล์สาย 2 ที่ซอยดำเนินกลางใต้ เพื่อขัดขวางไม่ให้เดินทางไปพบพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่กระทรวงกลาโหมเพื่อมอบนาฬิกา จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาร่วมต่อรองไม่ให้คุณเอกชัยเดินทางและจบลงโดยตำรวจพาคุณเอกชัยกลับมาส่งที่บ้าน ตามโพสต์ของคุณเอกชัยท้ายบทความนี้

การที่คุณเอกชัยจะเดินทางไปที่กระทรวงกลาโหมถือเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ส่วนพลเอกประวิตรจะให้พบหรือยอมรับนาฬิกาไว้หรือไม่ก็ถือเป็นเสรีภาพของพลเอกประวิตร แต่การที่ชาย 3 คน ซึ่งหนึ่งในสามคือบุคคลตามภาพถ่ายที่แชร์มา ร่วมกันใช้กำลังข่มขืนใจเอาตัวคุณเอกชัยลงมาจากรถเมล์ ถือเป็นการกระทำความผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 ชายทั้งสามคนอ้างเป็นทหารแต่พฤติกรรมที่ทำกับคุณเอกชัยซึ่งเป็นประชาชนมือเปล่าไม่ต่างจากโจร กล่าวโดย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

นายวัฒนากล่าวต่อว่าจะไม่เรียกร้องความรับผิดชอบจากนักการเมืองอย่างพลเอกประยุทธ์เพราะเป็นคนพูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่ต้องการเห็นความรับผิดชอบจาก ผบ. ทบ. ที่เพิ่งให้สัมภาษณ์ไปว่าในยุคของท่านไม่มีทหารมาเฟีย พร้อมทั้งเรียกร้องมายัง ผบ. ตร. ที่เพิ่งเอาหน่วยอรินทราชไปล้อมจับเสก โลโซ ที่บังอาจยิงปืนขึ้นฟ้าถึงบ้านพัก โดยเฉพาะคดีนี้เป็นกระทำการอย่างอุกอาจกลางกรุงเทพมหานคร มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายผู้ที่ถูกคุณเอกชัยกล่าวหาอย่างชัดเจน ความรุนแรงของโทษที่กระทำหนักกว่าความผิดของเสกเกินกว่า 100 เท่า ผมเชื่อว่าประชาชนอยากเห็นการปฏิบัติอย่างเสมอภาค พร้อมทั้งขอเตือนเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนด้วยความหวังดีว่า เผด็จการอีกไม่นานก็ไปแต่ความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีอายุความถึง 15 ปี


 

‘เดอะอ๋อย’ ติง ‘บิ๊กตู่’ ยอมรับเป็นนักการเมืองเพราะอยากอยู่ต่อ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทยได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก เรื่อง “พลเอกประยุทธ์ : เป็นนักการเมืองจริงหรือ ?” โดยโพสต์ข้อความมีใจความว่า นายกรัฐมนตรีถือเป็นข้าราชการการเมือง เมื่อเป็นผู้มีอำนาจและใช้อำนาจทางการเมืองในการบริหารประเทศ ไม่ว่าจะสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ ก็ถือได้ว่าเป็นนักการเมืองในความหมายหนึ่งแต่ที่พลเอกประยุทธ์ยืนยันมาตลอดว่า ตนเองไม่ใช่นักการเมือง ก็เพราะพลเอกประยุทธ์ต้องการเหยียดหยามประณามนักการเมืองว่า เป็นคนเลวและเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหลายทั้งปวง พร้อมกันนั้นก็ยืนยันว่า ตนเองไม่ใช่นักการเมือง และดังนั้น จึงเป็นคนดีแต่พอมีคนเสนอให้หาทางป้องกันไม่ให้รัฐบาลทหารครองอำนาจต่อไปอีกนานๆ พลเอกประยุทธ์ก็รู้สึกเดือดร้อน ต้องออกมาปฏิเสธว่า ตนไม่ใช่รัฐบาลทหาร แต่เป็นนักการเมือง

อดีตรองนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ที่พูดอย่างนี้เพราะเพียงต้องการที่จะไม่ให้ตนเองต้องตกเป็นเป้าและลดแรงต่อต้านที่มีต่อรัฐบาลทหาร เพื่อให้ตนเองอยู่นานๆและสามารถกลับเข้าสู่อำนาจได้อีกครั้งหลังการเลือกตั้ง รัฐบาลทหารหรือรัฐบาลนักการเมืองความจริง เวลาที่เขาพูดถึงรัฐบาลทหารกันนั้น มักหมายถึงรัฐบาลที่มาจากการใช้กำลังทหารหรือกองทัพเข้ายึดอำนาจ ซึ่งมีอยู่ในประเทศไม่กี่ประเทศในโลกและถือเป็นเรื่องน่ารังเกียจ จนพลเอกประยุทธ์ต้องพยายามชิ่งหลบว่า ตนเองเป็นนักการเมือง แต่พลเอกประยุทธ์ได้อำนาจมาในขณะที่ตนเองเป็นผู้บัญชาการทหารบกและใช้กำลังทหารหรือกำลังของกองทัพเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง นับแต่นั้นมาพลเอกประยุทธ์จึงเป็นหัวหน้ารัฐบาลทหารตลอดมา

แม้ต่อมาพลเอกประยุทธ์จะพ้นจากความเป็นผบ.ทบ.แล้ว แต่ก็ยังมีอำนาจทางทหารจากมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวในฐานะที่เป็นหัวหน้าคสช. ที่มีผบ.ทบ.เป็นเลขาธิการ ในขณะนี้พลเอกประยุทธ์จึงยังคงเป็นหัวหน้ารัฐบาลทหารอยู่ หากหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าพลเอกประยุทธ์ใช้ระบบกลไกที่ได้สร้างไว้ รวมถึงฐานสนับสนุนจากกองทัพทำให้เป็นรัฐบาลต่อไปได้อีก รัฐบาลนั้นก็หนีไม่พ้นที่จะต้องถูกเรียกว่ารัฐบาลทหารอยู่นั่นเองนอกจากนั้นใน 3-4 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์บอกมาตลอดว่ารัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งนั้นไม่สามารถทำให้บ้านเมืองสงบได้ มีแต่ความวุ่นวาย ความรุนแรง ต้องให้รัฐบาลของตนเข้ามาควบคุมอำนาจ จึงจะทำให้บ้านเมืองสงบนั่น ก็คือ การสร้างหลักเหตุผลค่านิยมที่เกื้อกูลต่อการดำรงอยู่ของรัฐบาลทหารกล่าวโดยอดีตรองนายกรัฐมนตรี

อดีตรองนายกรัฐมนตรีทิ้งท้ายว่าพลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้ารัฐบาลทหารมาตั้งแต่หลังรัฐประหาร ยังเป็นอยู่ และต้องการเป็นไปอีกนาน ดังนั้น การที่พลเอกประยุทธ์ออกมาบอกว่า ตนเองเป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหารจึงไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ายินดีอะไร หากแต่เป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมที่พลเอกประยุทธ์ต้องการใช้เพื่อลดกระแสคัดค้านรัฐบาลทหารและเพื่อให้ตนเองอยู่ในอำนาจต่อไปอีกนานๆเท่านั้นเอง


 

‘องอาจ’ ตอบ ‘ปู่พิชัย’ แน่ใจไม่ร่วมมือ ‘เพื่อไทย’

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอของนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้พรรคประชาธิปัตย์จับมือกับพรรคเพื่อไทยว่า การที่พรรคการเมืองใดจะจับมือทำงานอะไรก็ตามร่วมกันนั้น ควรเป็นพรรคที่มีจุดยืน อุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกัน มีแนวทางการทำงานที่คล้ายคลึงกัน มีวิธีการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆไปในทิศทางเดียวกัน แต่ตลอดเวลาสิบ กว่าปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยมี จุดยืนอุดมการณ์ทางการเมือง มีแนวทางการทำงาน และวิธีการทำงานเพื่อแก้ปัญหาต่างๆของประชาชนแตกต่างกัน โอกาสที่จะจับมือทำงานร่วมกันจึงเป็นไปไม่ได้

ส่วนข้อแนะนำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายองอาจ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ส่อแสดงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคฯ สมาชิกส่วนมากในพรรคยังให้การสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าพรรคฯ เพื่อนำพาพรรคเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง พร้อมกับนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประชาชนขณะนี้ คือปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ

“ขณะนี้ในพรรคประชาธิปัตย์คิดถึงการแก้ไขปัญหาของประชาชนโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนตกต่ำมาเกือบสี่ปีแล้วมากกว่าที่จะไปคิดถึงการต่อสู้กับทหาร หรือ ต่อสู้กับใครที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนแต่อย่างใด” นายองอาจ กล่าว

ทหารสั่งยกระดับความปลอดภัย หลังพบแผนคนร้ายเตรียมก่อเหตุใหญ่

หน่วยงานด้านความมั่นคง ประจำด่านตรวจสะเตง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา โดยการนำของ ร.ต.อ.อุดม หลวงเทพ หัวหน้าชุด มว.ฉก.นปพ.ยะลา 11 ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ บุคคล ยานพาหนะ ต้องสงสัย เป้าหมาย ที่จะใช้เส้นทางสัญจรเข้าไปยังเขตย่านชุมชนเมืองยะลา โดยเน้น บุคคลมีพิรุธ วัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องสงสัยพกพากระเป๋า สิ่งของภายในรถจักรยานยนต์ บุคคลขับขี่รถยนต์ รวมทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เป้าหมายแจ้งเตือนก่อเหตุ เพื่อป้องกัน สกัดกั้น กลุ่มคนร้ายที่จะลักลอบเข้ามาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่เขตเมืองยะลา

ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการเน้นย้ำให้ทุกหน่วยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มความระมัดระวัง หลังพบกลุ่มคนร้ายเตรียมแผนก่อเหตุใหญ่ วันที่ 6 ม.ค. 61 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมุ่งหวังทำลายเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงหัวเมืองหลักตามแผนเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเน้นพื้นที่เฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษ ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร โชว์รูมรถยนต์ รถประจำทางในเส้นทางเมืองเศรษฐกิจ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ แหล่งชุมชน การค้า ร้านทอง รวมถึงให้เพิ่มปฎิบัติการเชิงรุก ทำลายการรวมตัวการก่อเหตุ เพิ่มมาตรการทางการข่าว พร้อมสนธิกำลัง 3 ฝ่าย และภาคประชาชนเข้าร่วมดูแล ประสานการปฎิบัติกับสถานประกอบการ ร้านค้า ให้มีมาตรการในการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดในห้วงนี้

‘นพดล’ ชี้ดีแล้ว นายกฯ ยอมรับเป็นนักการเมือง

จากประเด็นที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวยอมรับว่าตนเองเป็นนั้นนักการเมือง นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นต่อกรณีนี้ว่าเป็นการยอมรับความจริง เพราะพรรคเพื่อไทย เน้นย้ำเรื่องนี้มาตลอดว่าพลเอก ประยุทธ์ นั้นไม่ต่างจากการเป็นนักการเมือง การทำตัวไม่ฝืนธรรมชาติเป็นเรื่องดี นอกจากนี้ ปีใหม่นี้คงจะเป็นปีสุดท้ายก่อนเข้าสู่การเลือกตั้ง รัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  ควรประมวลปัญหาของประเทศ และประชาชน แล้วบริหารจัดการเรียงลำดับความสำคัญในการแก้ปัญหาให้แล้วเสร็จภายใต้กรอบเวลาที่กำหนดไว้ โดยอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแนะนำให้เอาปัญหาของบ้านเมืองมาก่อน อย่าสร้างปัญหาการเมืองเพิ่ม และจะแก้ปัญหาสำเร็จได้ต้องลดเงื่อนไขแห่งความไม่ไว้วางใจให้น้อยลง เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมมือกับรัฐบาลมากขึ้น เช่น ชัดเจนในการจัดการเลือกตั้ง โดยที่ทุกฝ่ายไม่ควรต้องมาตั้งคำถามสงสัยว่าปี 2561 จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ ควรเน้นสร้างบรรยากาศให้บ้านเมืองเป็นปกติ โดยการเปิดพื้นที่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ การปล่อยให้ทุกฝ่ายเดินตามโรดแมปอย่างเป็นธรรมชาติ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย และต่างชาติ รวมทั้ง จะช่วยให้การทำงานของรัฐบาลราบรื่นมากขึ้น

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเปิดเผยต่อว่า ช่วงเวลาที่เหลือ ทุกเรื่องอาจจะไม่ได้ทำจนสำเร็จ รวมถึงงานเร่งด่วนอื่นๆอีก จึงอยากฝากรัฐบาลทั้งหมด 7 เรื่อง คือ 1.แก้เศรษฐกิจปากท้อง 2.ยกระดับราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยาง ปาล์ม มันให้สูงขึ้น 3.กระจายความมั่งคั่ง และโอกาสให้คนยากคนจนอย่างเป็นรูปธรรม 4.เร่งยกระดับคุณภาพการศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถให้ประเทศก่อนแก้ปัญหาโครงสร้างอำนาจของหน่วยงาน 5.สร้างสังคมที่เคารพกฏหมาย และยึดมั่นในหลักนิติธรรม 6.หยุดยั้งการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และการตัดไม้ทำลายป่าให้ได้ และ 7.สร้างความปรองดองอย่างเป็นรูปธรรม


 

เลขาฯ พรรคประชาธิปปัตย์ ประกาศรับซื้อสุนัขบางแก้วต่อจาก ‘บิ๊กตู่’

นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าในฐานะที่เป็นคนรักหมา และเลี้ยงหมา เมื่อทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศขาย หมาบางแก้ว ในฐานะที่เป็นคนรักหมาอยากจะขอซื้อหมาบางแก้ว ซึ่งมาจากจังหวัดพิษณุโลก และอยากขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ช่วยโปรโมทสุนัขพันธุ์บางแก้ว เพราะเป็นพันธุ์ไทยที่มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเป็นที่สุด อยู่บ้านใครขโมยไม่ขึ้น

“เพราะสุนัขพันธุ์บางแก้วที่บ้านผมเพิ่งตายหมดคอกไปแล้ว ฉะนั้นถ้าท่านนายกฯ พร้อมจะขาย ผมยินดีที่จะซื้อต่อและขอขอบพระคุณแทนคนที่เลี้ยงสุนัขบางแก้วทั้งจังหวัดพิษณุโลกว่าทำให้พันธุ์นี้ ดังเป็นที่รู้จักขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง” นายจุติ ไกรฤกษ์ กล่าว

เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์บอกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองแต่เป็นเรื่องคนรักหมาล้วนๆ ตอนที่เห็นข่าวเรื่องการรักสุนัขบางแก้วก็รู้สึกชื่นใจแต่เมื่อมีการประกาศขายก็รู้สึกสนใจยืนยันว่าเรื่องนี้จริงจังในแบบของคนรักสุนัข