‘มาร์ค’ จวกนโยบายปัจจุบัน รวยเฉพาะกลุ่ม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจปีนี้ว่า คงจะโตเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมองดูว่าการโตก็จะโตในบางภาค บางสาขา ที่จะเติบโตได้เร็ว และยังเป็นห่วงอยู่ว่า ทิศทาง นโยบายในปัจจุบัน ยังไม่เอื้อต่อการกระจาย แต่ที่นายกฯ พูดในช่วงปีใหม่ที่บอกว่าได้มีการสั่งการให้กระทรวงต่างๆ ไปดูในมิติเรื่องความยากจนนี้จะแก้ไขกันอย่างไร ถ้าตรงนี้ทำได้เป็นระบบ เป็นรูปธรรม ก็จะช่วยแก้ปัญหาที่เราวิจารณ์กันอยู่ได้ ในเรื่องกระจุก กระจาย

ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ได้ให้อีกมุมมองอันหนึ่งว่า ตนไม่อยากให้รัฐบาลมองข้าม ในเวลาที่ให้กระทรวงต่างๆ ไปดู เรื่องนโยบายที่จะช่วยเรื่องความยากจนนี้ อย่าไปแยกเรื่องความยากจนออกจากตัวระบบ นโยบายบางอย่างที่ทำให้เกิดการกระจุก แม้จะไม่ได้มีเจตนาให้เป็นอย่างนั้น แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาความยากจน

“ยกตัวอย่างที่เราต่อสู้มา เช่น การนำเข้าข้าวสาลี อย่างนี้ก็อาจจะทำให้ตัวเลขเติบโตขึ้น เพราะอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เติบโตขึ้น แต่เกษตรกรส่วนใหญ่มีปัญหา มันก็เลยเกิดความยากจน หรืออย่างที่บอกว่า เงินสวัสดิการรัฐ การไปบังคับให้ต้องใช้อยู่เฉพาะในบางร้านค้าที่เข้าโครงการ ทำให้เงินไม่หมุนเวียนในชุมชน แล้วทำให้ร้านค้าในชุมชนซึ่งเขาเคยขายของได้กับคนยากคนจน เขาขายไม่ได้แล้ว เพราะคนยากคนจน กำลังซื้อถูกดูดไปอยู่ที่ร้านเดียว อย่างนี้ก็ไปสร้างความยากจนด้วย คือต้องมองให้มันเชื่อมโยงกัน แล้วก็แก้ปัญหานะครับ”


 

‘One Home’ โปรเจ็คเดินหน้าเต็มสูบ ช่วยผู้ยากไร้สี่จังหวัด

นางไพรวรรณ พลวัน รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กล่าวว่า จากกรณีชายวัย 58 ปี มีอาชีพนักการภารโรง ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนขณะปฏิบัติหน้าที่ ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีเลือดคลั่งในสมอง นอนป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา และให้อาหารทางสายยาง โดยอาศัยอยู่กับลูกชายและลูกสาว ที่ต้องผลัดกันหยุดงานเพี่ออยู่ดูแลอย่างใกล้ชิด ครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงินเพียงพอค่ารักษาพยาบาล ที่จังหวัดอ่างทอง นั้น ตนได้กำชับให้หน่วยงานท้องถิ่น พร้อมทีม One Home จังหวัดอ่างทอง ได้ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือชายดังกล่าวแล้ว พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น อีกทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ช่วยเหลือดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาลของชายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้คำแนะนำแก่ครอบครัวในเรื่องสวัสดิการสังคม เพื่อขอรับสิทธิตามกฎหมายตามความเหมาะสม และการส่งเสริมการประกอบอาชีพ
รองปลัดฯ รายงานต่อว่า สำหรับกรณีเด็กชายวัย 13 ปี ประสบอุบัติเหตุหกล้มสะโพกหลุด ส่งผลให้ขาพิการ เดินไม่สะดวก แต่ครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงินเพียงพอค่ารักษาพยาบาล จึงทำให้ต้องลาออกจากโรงเรียนมาอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ ด้านเด็กชายเปิดเผยว่า อยากหายเป็นปกติ และอยากกลับไปเรียนหนังสือกับเพื่อนๆ ที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และกรณีเด็กหญิงวัย 6 ขวบ พิการตาซ้ายบอดสนิท และมีการอักเสบมีน้ำตาไหลตลอดเวลา และถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อเลียนว่าเป็นคนตาบอด ทำให้เด็กหญิงไม่อยากไปเรียนหนังสือ จนบางครั้งทะเลาะมีปากเสียงกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน โดยเด็กหญิงอาศัยอยู่กับผู้เป็นแม่วัย 45 ปี ที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป อีกทั้งต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกอีก 3 คน ที่อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก นั้น ตนได้กำชับให้ทีม One Home ทั้ง 2 จังหวัด ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและประเมินทางสังคม เพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจ พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น อีกทั้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ช่วยเหลือดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาลของเด็กทั้ง 2 คนอย่างใกล้ชิด และช่วยเหลือในเรื่องการศึกษาในระยะยาว พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องสวัสดิการสังคม เพื่อขอรับสิทธิตามกฎหมายตามความเหมาะสม
รองปลัดฯ กล่าวต่อ นอกจากนี้ กรณีหญิงชรารายหนึ่ง ต้องนั่งเฝ้าศพสามีแก่ชราที่เสียชีวิตภายในบ้านพัก เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจนไม่มีเงินทำศพ อีกทั้งยังต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกพิการ ที่จังหวัดปทุมธานี นั้น ตนได้กำชับให้หน่วยงานท้องถิ่นพร้อมทีม One Home จังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจด้านผู้สูงอายุและคนพิการของกระทรวง พม. พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น พร้อมทั้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ช่วยเหลือดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาลของลูกชายที่พิการอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องสวัสดิการสังคม เพื่อขอรับสิทธิตามกฎหมายตามความเหมาะสม และร่วมกันหาแนวทางการช่วยเหลือต่อไป

ภาพ ‘เสก-ผกก.’ ยิ้มโชว์กดไลค์หลังประกันตัว

จากภาพข่าว พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว ได้ร่วมถ่ายรูปกับนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือเสกโลโซ ภายหลังที่ได้รับการประกันตัวที่ สภ.พรหมคีรีตามหมายจับข้อหาพกพาอาวุธปืนเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2560 พ.ต.อ.สิงห์ ออกมายอมรับว่าภาพดังกล่าวเป็นตนเองจริง ที่ถ่ายรูปกดไลค์คู่ “เสก โลโซ”   พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. จึงได้ให้เขียนรายงานชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษรโดยไม่ได้เข้ามาชี้แจงด้วยตนเอง ภาพที่ปรากฏนี้ถือว่าแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม หากพบข้อบกพร่องทางวินัยก็จะมีการดำเนินการในการปฏิบัติหน้าที่ตำรวจต่อไป

Sek Loso


 

‘นพดล’ โต้กลับ ‘ปู่พิชัย’ ยังไม่ถึงเวลาจับมือ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์

นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศและแกนนำพรรคเพื่อไทยได้กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จับมือกับพรรคการเมืองใดและพรรคก็ไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้  ตามข้อเสนอของนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะให้พรรคเพื่อไทยจับมือร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็ยังไม่ถึงเวลา ไม่ว่าจะเป็นอุดมการณ์การทำงานร่วมกันยังต้องคำนึงถึงทิศทางไปด้วยกันได้หรือไม่ อย่างไรคงต้องฟังเสียงจากสมาชิกพรรค เสียงจากประชาชนในการเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้พรรคฯ เองก็มีงานต้องเร่งแก้ไขจากปัญหาเศรษฐกิจ การสร้างความปรองดอง และนำความสุขให้แก่ประชาชน อีกทั้งพรรคยังต้องปฏิรูปเพื่อให้พรรคนั้นเป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป


 

‘ป.ป.ช.’ เตรียมเรียก 4 เอกเชนแจงปมยืม ‘นาฬึกาเพื่อน’

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกมากล่าวถึงความคืบหน้าเรื่อง การตรวจสอบ แหวน นาฬิกาของ พล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายวรวิทย์ สุขบุญ เปิดเผยว่า ป.ป.ช. ได้ส่งหนังสือเชิญมาให้ปากคำและนัดหมายที่จะไปทำการตรวจสอบนอกสถานที่กับบุคคลที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ คาดว่าน่าจะไม่มีความซับซ้อนและใช้เวลาไม่นานนัก  ตามที่ได้มีการเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้ง 4 ท่านมาให้คำชี้แจง ซึ่งตอนนี้ขอยังไม่เปิดเผยรายชื่อ อย่างไรเมื่อคดีวินิจฉัยเสร็จสิ้นจึงจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ

นายวรวิทย์ สุขบุญ กล่าวต่อว่า ป.ป.ช. และคณะทำงานที่เกี่ยวข้องนั้นมีวิธีการตามขั้นตอนในการดำเนินงานในการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นการนัดหมายมาให้คำชี้แจงและออกไปตรวจสอบนอกสถานที่ ขณะนี้ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบเพิ่มเติมในประเด็นนาฬิกาเรือนที่ 14 หรือ ที่ 15 ก็ตาม ก็ต้องขออนุญาตเก็บรายละเอียดไว้ก่อน

เมื่อมีการถามถึงการตรวจสอบว่าได้ สอบไปยังบริษัทนำเข้านาฬิกาหรูหรือไม่ นายวรวิทย์ ได้กล่าวว่า “ทาง ป.ป.ช.ยังไม่มีการเรียกบริษัทมาตรวจสอบหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่สอบประเด็นว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่ และจะต้องดูทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งป.ป.ช. เองนั้นมีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบว่ามีความเปลี่ยนแปลงของบัญชีอย่างไรที่เกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สินหนี้สินตามแนวทางที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งเรื่องไหนที่เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ เราก็จะเร่งรัดดำเนินการเป็นพิเศษอยู่แล้ว และอย่างที่เรียนคือ เรื่องนี้ไม่มีความซับซ้อนมาก ดังนั้น ระยะเวลาตนคิดว่าไม่นาน เรื่องระยะเวลาเราอาจจะฟิกซ์ลงไปไม่ได้ แม้ว่าสถานะของบุคคลจะอ้างเป็นเพื่อนหรือเป็นอะไรก็ตาม”

ในช่วงท้ายเมื่อ นายวรวิทย์ สุขบุญ ถูกถามถึงการชี้แจงทรัพย์สิน พล.อ ประวิตร ซึ่งนายวรวิทย์ได้กล่าวไว้ว่า ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ตามข้อมูลที่ระบุว่า พล.อ.ประวิตรนั้น มีรายได้ 1.7 ล้านบาท แต่ที่แจ้ง ป.ป.ช. มาเพียง 8 แสนบาท ซึ่งป.ป.ช.จะต้องเข้าไปตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายการแสดงบัญชีทรัพย์สิน ก็จะต้องนำมาเปรียบเทียบกันว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากกว่ารายได้อย่างไร ซึ่งเป็นการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินตามปกติของ ป.ป.ช.


 

โซเชียลกระหน่ำ! เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ ขี่มอไซต์ เหน็บปืน

จากที่มีการแชร์กันในโลกโซเชียล มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อว่า Attapol Thongtae ได้โพสต์รูปภาพชายคนหนึ่งซึ่งคาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยราชการแห่งหนึ่ง ขับขี่มอเตอร์ไซต์พร้อมเหน็บอาวุธปืนที่เอว อยู่บนถนนสาธารณะซึ่งมีประชาชนสัญจรอย่างคั่บคั่ง โดยในภาพปรากฏให้เห็นว่าชายดังกล่าวไม่ได้แต่งเครื่องแบบข้าราชการในท่อนบน แต่พบว่าท่อนล่างใส่กางเกงสีกากีซึ่งเป็นลักษณะเครื่องแบบราชการ กรณีดังกล่าวมีผู้ใช้งานโซเชียลมากมายลงให้ความเห็นว่าไม่ควรปฏิบัติเช่นนี้เพราะผิดต่อกฏหมาย

Facebook comment

 

‘เพื่อไทย’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ยอมรับเป็นนักการเมืองเพราะจำนนด้วยหลักฐาน

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยและส.ส. บัญชีรายชื่อ เปิดเผยถึงประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียอมรับว่าตนไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร โดยนายชวลิตกล่าวว่า การยอมรับดังกล่าว เพราะจำนนด้วยหลักฐานหรือไม่? จะเห็นได้ว่า การลงพื้นที่ การนัดพบกลุ่มนักการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์  สอดคล้องกับข่าวการตั้งพรรคที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนนอก ประกอบกับเมื่อมีคำสั่ง คสช. ล่าสุดที่รีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมืองและอดีต ส.ส. โดยอ้างว่าเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันเลยสงสัยว่า เป็นกลยุทธ์ที่จะเอาเปรียบทางการเมืองหรือไม่? จึงอาจจะเพิ่มน้ำหนักว่า เป็นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
นายชวลิต กล่าวต่อว่าผู้ที่ร้องขอให้แก้ไข พรป.พรรคการเมืองเป็นกลุ่มการเมืองที่ประกาศว่าจะสนับสนุนผู้ใดเป็นนายกรัฐมนตรี จึงทำให้เห็นภาพการเตรียมการอย่างเป็นกระบวนการ ตั้งแต่การกำหนดกติกาในกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เอื้อให้นายกรัฐมนตรีมาจากคนนอก มาจนถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองสนับสนุนตนและพวกพ้อง และการเดินล็อบบี้กลุ่มการเมืองต่างๆ ทั้งโดยเปิดเผยและทางลับดังกล่าวข้างต้น ยิ่งเมื่อติดตามเหตุการณ์ย้อนหลัง จะเห็นว่าฟากฝั่งประชาธิปไตยถูกดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียว ในขณะที่กลุ่มการเมืองที่ไม่ยอมรับกติกายังอยู่ดีและมีอำนาจต่อรองสูงในการรีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมืองโดยอ้อมดังกล่าว”
นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมว่าวัตถุประสงค์ในการรัฐประหารเมื่อปี 2557 เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ปฏิรูปประเทศ และปราบทุจริตสรุปก็คือ เข้ามาเป็น “คนกลาง”แต่เมื่อตัวตนได้เปิดเผยออกมา จึงน่าจะมิใช่ “คนกลาง” ดังที่ประชาชนคาดหวัง ประกอบกับเมื่อมีคำกล่าวสำคัญที่ว่า “ได้ใช้กองหนุนเกือบจะหมดแล้ว” น่าจะเป็นสัญญาณว่า เวลาในการทำหน้าที่ที่เคยอ้างว่าเป็น “คนกลาง” ได้จบลงหรือไม่?
นายชวลิต กล่าวในที่สุดว่า เมื่อนายกรัฐมนตรียอมรับว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัว และประกาศต่อสาธารณะว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน พ.ย. 2561 นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ท่านเปิดตัวเป็นทางเลือกของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนนอก หรือเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีเอง ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะท่านเคยปฏิเสธตลอดมาว่าไม่ใช่นักการเมือง แต่วันนี้ยอมรับแล้วว่าเป็นนักการเมือง ดังนั้น อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ แต่จะได้รับความเชื่อมั่นหรือไม่ เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
อดีตรองเลขาฯ ทิ้งท้ายว่า เมื่อรับว่าเป็นนักการเมืองและอยู่ในอำนาจในฝ่ายบริหาร จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคุณธรรมจริยธรรมไม่เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ใช่พวกพ้องของตน รวมทั้งต้องจัดการเลือกตั้งด้วยความเป็นกลาง บริสุทธิ์ยุติธรรม ถึงจะนำพาประเทศให้ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาคมโลกและนักลงทุน แต่ถ้าทำตรงข้าม ก็จะทำลายความเชื่อมั่นประเทศเสียเอง จึงขอให้กำลังใจในการทำหน้าที่ฝ่ายบริหารอย่างมีคุณธรรม และจริยธรรมด้วยความยินดีอย่างยิ่ง

‘ปปช’ ชี้แจงสื่อมวลชน นาฬึกา ‘บิ๊กป้อม’ 5 ม.ค.

นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 มกราคม นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช. ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ทําหนังสือชี้แจง ประเด็นทีมาของนาฬิกาหรูแล้ว หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนของการนัดวันและเวลาสอบพยานทีเกี่ยวข้องต่อไป

นายปรีชา กล่าวว่านาฬึกาจะเป็นของเพื่อนหรือไม่ ไม่ทราบ ซึงรายละเอียด นายวรวิทย์ จะชี้แจงกับสื่อมวลชนในวันที่ 5 มกราคม หลังจากผู้สื่อข่าวถามในส่วนของรายละเอียดในหนังสือที รองนายกฯ ชี้แจงนั้น ระบุว่านาฬิกาเป็นของบุคคลที่ 3 ใช่หรือไม่

คปภ. สั่งเชือด 51 นายหน้าประกันภัย พร้อมเพิ่มความเข้มข้น

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า สำหรับการเพิกถอนใบอนุญาตของคนกลางประกันภัยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2560 มีการเพิกถอนใบอนุญาตตัวแทน/นายหน้าประกันภัยประเภทบุคคลธรรมดาไปแล้วทั้งสิ้น 50 ราย โดยมีสาเหตุจากการรับชำระเงินค่าเบี้ยประกันภัยจากผู้เอาประกันภัย แต่ไม่นำส่งบริษัทประกันภัย การกระทำการทุจริตการสอบการชักชวน/ชี้ช่องให้ทำสัญญาประกันภัย โดยไม่อธิบายเงื่อนไข การยินยอมให้ผู้อื่นเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัย โดยไม่มีใบอนุญาต และการปลอมรายมือในใบรับมอบกรมธรรม์ประกันภัย และมีการเพิกถอนใบอนุญาตนายหน้าประกันภัยประเภทนิติบุคคล จำนวน 1 บริษัท เนื่องจากมีนายหน้ากระทำการแทนน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด ไม่ยื่นรายงานงบการเงิน/งบรายไตรมาส และไม่ยื่นรายงานผลของการประกอบธุรกิจและเงินกองทุนตามแบบ รปว.

“ในปี 2561 สำนักงาน คปภ. มีนโยบายจะเพิ่มความเข้มข้นในการกำกับดูแลคนกลางประกันภัยซึ่งเป็นช่องทางที่สำคัญในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันภัยโดยจะมีการปรับปรุงกติกาในการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยตลอดจนระบบตรวจสอบการปฏิบัติงานของคนกลางประกันภัยเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในกระบวนการขายและการดูแลกรณีเกิดปัญหาเรื่องประกันภัย ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบและออกสุ่มตรวจสำนักงานตัวแทนและสำนักงานนายหน้าประกันภัย โดยจะมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้สายตรวจสอบคนกลางประกันภัยได้เสนอแผนการตรวจประจำปี 2561 มาให้พิจารณาและได้เห็นชอบแล้ว” เลขาธิการ กล่าวในตอนท้าย

รูปใหม่ปลิวว่อน! ‘ปู’ โผล่อังกฤษ

นักข่าวชื่อดังชาวอังกฤษใช้เฟสบุ๊คส่วนตัว Andrew MacGregor Marshall เผยแพร่ภาพของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี ถ่ายรูปกับหญิงสาวคนหนึ่ง หน้าห้างหรูชื่อดัง ‘แฮร์รอดส์’ ใจกลางกรุงลอนดอน ณ ประเทศอังกฤษ โดย นายแอนดรูว์ แม็คเกรเกอร์ มาร์แชล ได้เขียนข้อความในโพสต์เฟสบุ๊คว่า “นางสาวยิ่งลักษณ์ถูกถ่ายรูปนอกห้างแฮร์รอดส์ในกรุงลอนดอน หลังจากที่นักท่องเที่ยวชาวไทยไปเห็นและจำได้ และอย่างที่ผมกล่าวไว้เมื่อเดือนก่อน นางสาวยิ่งลักษณ์ได้ใช้ชีวิตในกรุงลอนดอนนับตั้งแต่ที่หนีออกจากประเทศไทยผ่านออกไปทางกัมพูชา เมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา”

จากภาพจะพบว่า นางสาวยิ่งลักษ์ (ด้านขวา) อยู่ในชุดสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีครีม ผูกผ้าพันคอสีฟ้า และถือกระเป๋ายี่ห้อแอร์เมส (Hermes) โดยคาดว่าราคากระเป๋าอยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นปอนด์ (ประมาณ 2 ล้านบาท)

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก และได้หลบหนีไป โดยถูกระบุว่าอยู่ในประเทศอังกฤษ หลังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่านคำพิพากษาความผิดของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโคงการรับจำนำข้าว โดยที่คำพิพากษาให้จำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา

Yingluck