จากกรณีตำรวจจราจรเรียกตรวจรถหรูของดาราสาว “หนิง ปณิตา” กรณีขับรถฝ่าฝืนเครื่องหมายบนทาง ทั้งยังพบว่ารถคันดังกล่าวยังไม่ได้ชำระภาษีประจำปี และยังสวมทะเบียน คันอื่นด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 10.00 น. : น.ส.ปณิตา ธรรมวัฒนะ หรือ“หนิง” ควงสามีและลูกสาว นำรถยนต์หรู เจ้าปัญหา ยี่ห้อมาเซราติ ทะเบียน 191 กรุงเทพมหานคร เดินทางมาที่อาคารประสารราชกิจ (อาคารงานช่างเครื่องยนต์และตรวจพิสูจน์) โดยมีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และกรมศุลกากร เข้าร่วมตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย มี พ.ต.อ.สุมิตร นันสถิตย์ ผกก.5 บก.จร., พ.ต.ท.พันษา อมราพิทักษ์ รองผู้กำกับการ สน.วิภาวดี กองกับกำการ 2 กองบังคับการตำรวจจราจร (กก.2 บก.จร.), พ.ต.ต.มานพ จันทร์เกิด สว.งานช่างเครี่องตรวจพิสูจน์ บก.จร. ร่วมสังเกตุการณ์ด้วย

พ.ต.ท.พันษา อมราพิทักษ์ รองผู้กำกับการ สน.วิภาวดี กองกับกำการ 2 กองบังคับการตำรวจจราจร (กก.2 บก.จร.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้ประสานไปยังดาราสาว หนิง-ปณิตา เรื่องให้นำรถยนต์มาเซราติ ทะเบียน 191 กรุงเทพมหานคร มาตรวจสอบความถูกต้องที่อาคารประสารราชกิจ (อาคารงานช่างเครื่องยนต์และตรวจพิสูจน์) ใน วันที่ 24 ต.ค. โดยจะมีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และกรมศุลกากร เข้าร่วมตรวจสอบอย่างละเอียดด้วยนั้น

ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น ทางดาราสาวมาชำระค่าปรับตามความผิดที่ระบุไว้ในใบสั่งจำนวน 2 ข้อหาแล้วคือ ความผิดฝ่าฝืนเครื่องหมายบนพื้นทาง หรือเปลี่ยนช่องทางในเขตห้าม เส้นทึบและข้อหารถไม่ชำระภาษีประจำปี ส่วนการดำเนินคดีข้อหาอื่น รวมทั้งการฟ้องหมิ่นประมาทกรณีดาราสาวที่โพสต์ข้อความ ผู้บังคับบัญชากำลังพิจารณาความเหมาะสมว่า จะดำเนินการอย่างไร

ทางด้าน พ.ต.อ.สุมิตร นันสถิตย์ ผกก.5 บก.จร. กล่าวว่า จะรวบรวมข้อมูลผลการตรวจ และหลักฐานต่างๆของรถคันดังกล่าว เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ

วันที่ 24 เดือนตุลาคม 2562 เจ้าพนักงานตำรวจภายใต้การอำนวยการและสั่งการของ พล.ต.ต.จิรภพ  ภูริเดช  ผบก.ป.,พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์, พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม,พ.ต.ท.เผด็จงามละม่อม,พ.ต.ท.อนุชา ศรีสำโรง  รอง ผกก.5  บก.ป. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พ.ต.ต.ฐิติวัสส์  แซมเขียว  สว.กก.5 บก.ป.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5  บก.ป.ร่วมกันจับกุม

นายอภิรักษ์ หรือกุ้ง  อ่อนน้อม  อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่  79  หมู่ 10 ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.30 / 2552  ลงวันที่ 31 มีนาคม  2552 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม  กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม  และร่วมกันพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารโดยปราศจากเหตุอันสมควร  พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาหรือผู้ปกครองเพื่อการอนาจาร  หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและทรัพย์

สอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตนเองได้กระทำชำเราผู้เสียหายจริง แต่เด็กหญิงผู้เสียหายยินยอมเองจับกุมได้ที่บริเวณ ถนนในหมู่บ้าน หมู่1  ต.พิมลราช  อ.บางบัวทอง  จ.นนทบุรี

ทั้งนี้สืบเนื่องจากดมื่อเดือนตุลาคม 2551  ขณะที่เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ได้รู้จักกับนายอภิรักษ์ หรือกุ้งฯทางเฟสบุค จึงได้พูดคุยกันกันเรื่อยมาผ่านโปรแกรมแชท   ต่อมาวันที่เกิดเหตุนายอภิรักษ์ ฯได้ชักชวนเด็กหญิงเอ ไปเที่ยวห้างดังในอำเภอเมือง จ.นครปฐม พาไปดูหนังและเลี้ยงข้าวเด็กหญิงเอ เชื่อใจจึงได้ตอบตกลงและพาเพื่อนมาด้วยอีก 1 คน  หลังจากนายอภิรักษ์ ฯพาเด็กหญิงเอและเพื่อนไปดูหนังกินข้าวจนกระทั่งมืดค่ำ

นายอภิรักษ์ ฯได้ออกอุบายว่าเดี๋ยวจะพาเด็กหญิงเอไปส่งบ้านพักเอง  ให้เพื่อนกลับบ้านไปก่อน  ปรากฏว่านายอภิรักษ์  ฯไม่ได้พาเด็กหญิงเอ ไปส่งที่บ้านพัก  แต่กลับให้เพื่อนอีกคนขับรถยนต์มารับและพาเด็กหญิงเอไปกักขังไว้ที่บ้านเช่าภายในเขตเทศบาลเมืองนครปฐมและบังคับขืนใจเด็กหญิงเอ ในห้องเช่า  โดยขู่ว่าหากไม่ยอมจะฆ่าให้ตาย   เด็กหญิงเอจึงต้องยินยอมและขอร้องให้นายอภิรักษ์  ฯ พาไปส่งบ้านพักเนื่องจากกลัวพ่อแม่จะเป็นห่วงเพราะไม่ได้บอกพ่อแม่ว่าจะมาค้างคืน   แต่นายอภิรักษ์ ฯก็ไม่ยอมพาไปส่งบ้านพัก  เช้าวันรุ่งขึ้นนายอภิรักษ์ ฯก็พาเด็กหญิงเอ ย้ายไปพักห้องเช่าอีกแห่งที่อำเภอสามพราน  จ.นครปฐม  ไม่ยอมพากลับไปส่งบ้านพักตามที่เด็กหญิงเอขอร้อง  จนผู้ปกครองทราบเรื่องจากเพื่อนของเด็กหญิงเอ  ที่กลับไปก่อนว่าเด็กหญิงเอ ไปกับ

นายอภิรักษ์ฯ ผู้ปกครองจึงออกตามหาจนไปพบตัวที่ห้องเช่า อำเภอสามพราน จ.นครปฐม  จึงพาเด็กหญิงเอ  เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม  ต่อมาศาลจังหวัดนครปฐมอนุมัติหมายจับนายอภิรักษ์ ฯ ได้หลบหนีการจับกุมเรื่อยมา  ล่าสุดมาช่วยพ่อตนเองทำงานรับเหมาก่อสร้างในพื้นที่ อ.บางบัวทอง  จ.นนทบุรี    เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ5 กองปราบปราม  โดยพ.ต.ต.ฐิติวัสส์  แซมเขียว สว.กก.5 บก.ป.  จึงได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวได้ที่ถนนในหมู่บ้าน หมู่1  ต.พิมลราช  อ.บางบัวทอง  จ.นนทบุรี ขณะกำลังจะพาคนงานไปทำงานก่อสร้าง

สอบถามนายอภิรักษ์ หรือกุ้งฯ ให้การรับสารภาพว่าตนเองได้กระทำชำเราผู้เสียหายจริง แต่เด็กหญิงผู้เสียหายยินยอมเอง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย  กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในวันนี้  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำนินคดีต่อไป

กรณีหนุ่มแว่น เจ้าของรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค แสดงอาการหัวร้อนหลังเลี้ยวเข้าทางกลับรถโดยไม่ระมัดระวัง จนมีรถยนต์กระบะที่ขับทางตรงมาชน ก่อนจะลงมาต่อว่าคนขับรถกระบะ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย พร้อมพูดจาเชิงดูถูกคู่กรณี อีกทั้งยังยื่นข้อเสนอเรียก 1 ล้านบาท เป็นการชดใช้โดยไม่รอเจ้าหน้าที่ประกันเดินทางมา

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายราเชน ตระกูลเวียง ประธานสหพันธ์คนไทยปกป้องสถานบัน เข้าพบ ร.ต.อ.สมพิศ อ่อนมา รองสว.(สอบสวน) กก.5 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายรชฎ หวังกิจเจริญสุข หรือตี๋แว่น เจ้าของรถยนต์ซีวิคเลือดร้อน ในข้อหาตามมาตรา 112 ฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และหมิ่นประมาทคนไทยทั้งประเทศ โดยนำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ และภาพถ่ายจากเฟซบุ๊ก และข้อความจากคำพูดของนายรชฎ มามอบให้พนักงานสอบสวนใช้เป็นหลักฐาน

นายราเชน กล่าวว่า ที่ตนมาแจ้งความดำเนินคดีครั้งนี้ เพราะส่วนตัวรับไม่ได้กับพฤติกรรมของนายรชฏ ที่พูดจาดูถูกคนไทย รวมทั้งยังจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง จึงเข้ามาแจ้งความที่กองปราบฯ เพื่อให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้บุคคลอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ตนคิดว่าอุบัติเหตุก็เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แต่หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ก็ไม่ควรที่จะมาดูถูกด่าทอคนไทยทั้งประเทศแบบนี้ ส่วนเรื่องที่ญาติออกมาระบุว่า นายรชฏป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและมีอาการทางจิตนั้น หากป่วยจริงก็ต้องมีใบรับรองจากแพทย์มายืนยัน และควรเพิกถอนใบอนุญาตการขับขี่ด้วย หากเกิดปัญหาแบบนี้อีก จะมาอ้างว่าป่วยก็คงไม่น่าจะใช่

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำนายราเชน ผู้ร้องทุกข์เอาไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.6 พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน., พ.ต.ท.พงศ์ปณต ชูแก้ว, พ.ต.ท.วันพิชิต วัฒนศักดิ์มณฑา, พ.ต.ท.อภิชาติ เรนชนะ รอง ผกก.6.บก.ป., พ.ต.ท.ปทักข์ ขวัญนา, พ.ต.ท.ภัทราวุธ อ่อนช่วย รอง ผกก.สสน. บก.ป.

ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ ศิริภัทรนุกุล รอง ผกก.6.บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ สว.กก.5. บก.ป. ช่วยราชการ กก.6.บก.ป.

ร่วมกับ ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา พล.ต.ต.ธรัชชา ถมปัทม์ ผบก.ภ.จว.พังงา, พ.ต.อ.ประเทือง ศรีละมนตรี ผกก.กก.สส.ภ.จว.พังงา, พ.ต.อ.นพดล ถิระประวัติ ผกก.สภ.โคกกลอย

ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ดนัย นิยมเดชา สว.สส.ภ.จว.พังงา, พ.ต.ท.กฤษณะ หยาดคำ สวป.สภ.เกาะยาว ปรก.กก.สส.ภ.จว.พังงา, ร.ต.อ.สมเกียรติ ฤทธิ์เดช, ร.ต.ต.มณี บุตรเล็ก ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกลอย พ.ต.ท.เดโช ณ นคร สว.สส.สภ.โคกกลอย,
ร่วมกันจับกุมตัว นายธีระพร ชูเมือง หรือหมี อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 ม.11 ต.บางดี อ.ห้วยยอด จว.ตรัง ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 1301/2562 ลง 28สิงหาคม 2562 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันจ้างวานฆ่า และร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”พร้อมอาวุธปืนขนาด.357 กระสุน 10 นัดของกลางอีก12 รายการ

โดยจับกุม ได้ที่บ้านเลขที่ 18/12 หมู่ 8 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จว.พังงา วันที่ 22ตุลาคม พ.ศ. 2562 เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น.
สืบเนื่องจาก เมื่อ 11 ต.ค.62กองบังคับการปราบปราม ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 300 นาย ในการฏิบัติการ ยุทธการประชาอุ่นใจ คนดีต้องมีที่ยืน เพื่อปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพล ในพื้นที่ ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ยิงถล่มบ้านพักของสมาชิก อบต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ทีถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม M๑๖ ยิงถล่มบ้านพัก จำนวน 2 ครั้ง ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ กับ 12 มีนาคม 2562โดยสาเหตุมาจากความขัดแย้งภายใน อบต.บางดี เกี่ยวกับการทุจริตภายใน อบต.หลายโครงการ ซึ่ง สมาชิก อบต.ท่านนี้เป็นผู้เปิดโปงเรื่องทุจริตทั้งหมด ทำให้ผู้บริหารของ อบต.บางดี ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก และนอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพลดังกล่าวยังมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติด

จากการปฏิบัติการยุทธการประชาอุ่นใจ คนดีต้องมีที่ยืน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 10 ราย พร้อมอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และยาเสพติดจำนวนมาก ภายหลังจากการปฏิบัติการครั้งนั้น กองบังคับการปราบปรามยังคงดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุยิงถล่มบ้านสมาชิก อบต.บางดี มาดำเนินคดี

จนกระทั่ง เมื่อ วันที่ 22 ต.ค.2562เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายธีระพร หรือหมี ชูเมือง ผู้ต้องหาที่เชื่อว่ามีหน้าที่จัดหาอาวุธปืน และติดต่อมือปืน ในการก่อเหตุยิงถล่มบ้านของสมาชิก อบต.บางดี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันจ้างวานฆ่า และร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ได้หลบหนีหมายจับมาประกอบอาชีพทำสวนยางพารา ในพื้นที่บ้านบางหลาม ม.๓ ต.ท่าอยู่ อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา โดยสร้างที่พักอาศัยอยู่ในสวนยางกับภรรยา และบุตรชาย

จนกระทั่งวันที่ 22 ต.ค. 62 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่านายธีระพรจะเดินทางเข้ามาทำธุระในพื้นที่เขตตำบลโคกกลอย จึงได้ออกทำการสืบสวนเฝ้าสังเกตการณ์ตามถนนหนทางในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สังเกตเห็นรถยนต์เก๋งที่ขับขี่มาโดยนายธีระพรผ่านมา จึงได้ออกติดตามจนไปถึงบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 18/12 หมู่ 8 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จว.พังงา และเมื่อนายธีรพรลงจากรถคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าควบคุมตัวนายธีระพร นำส่งพนักงานสอบสวน กก.6.บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหาขอให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา