“ธนชาต” เปิดตัว T-Academy โลกการเรียนรู้สู่อนาคต มุ่งพัฒนาพนักงานพร้อมก้าวทันยุคดิจิทัล

ธนชาตเปิดตัว Thanachart Academy (T-Academy) ศูนย์กลางการบริหารจัดการหลักสูตรพัฒนาบุคลากร  ด้วยการสร้างกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่ที่แตกต่าง หลากหลายและน่าสนใจ เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของพนักงานสู่ยุคดิจิทัล และสามารถรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ธนาคารฯได้จัดตั้ง Thanachart Academy  (T-Academy) ศูนย์การเรียนรู้เชิงบูรณาการแบบองค์รวม เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างทักษะให้พนักงานธนชาตทุกระดับอย่างรอบด้าน ทั้งความรู้และทักษะที่จำเป็นเพื่อสร้างความเป็นมืออาชีพในสายงานที่ทำอยู่ รวมถึงเปิดโอกาสให้พนักงานได้เลือกศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่สนใจ ซึ่งทำให้พนักงานมีความพร้อมที่จะเติบโตในอนาคตและก้าวทันยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง สอดคล้องกับกระบวนการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของธนชาตที่เป็นแบบ Blended Learning คือ ผสมผสานทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ และมีทิศทางแบบ Reskill การพัฒนาทักษะที่มีอยู่ และ Upskill การเสริมทักษะใหม่

นางวิจิตรา ธรรมโพธิทอง  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ทรัพยากรบุคคลกลาง กล่าวว่า โครงสร้างหลักสูตร T-Academy ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1) หลักสูตรพื้นฐานสำหรับพนักงานทุกคน อาทิ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธุรกิจการเงินการธนาคาร ผลิตภัณฑ์ การให้บริการ วัฒนธรรมองค์กร ค่านิยมหลัก  ความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 2) ความรู้เฉพาะทาง พัฒนาทักษะจำเป็นเพื่อการปฏิบัติงาน ทักษะจำเป็นสำหรับโลกในปัจจุบันและอนาคต 3) เทรนด์ใหม่ในโลกปัจจุบัน อัพเดตเทรนด์ล่าสุดและความรู้ใหม่ ตอบโจทย์และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล ซึ่งทั้งหมดนี้จะผสมผสานรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลายให้เลือกเรียนได้ตามต้องการ เช่น การเรียนในห้องเรียน, การสอนแบบ Live สดดูผ่าน PacD Mobile Application, การเรียนด้วยตนเอง, คอร์สออนไลน์, ดูการสอนย้อนหลัง, กรณีศึกษา ฯลฯ

“พนักงานทุกคนต้องได้เรียนรู้ เรามีโปรแกรมที่เหมาะสมกับกลุ่มคนในทุกระดับ ทุกตำแหน่ง เพื่อสร้างทักษะที่ทำให้ทุกคนสามารถเติบโตได้ในอนาคต รวมถึงขยายความรู้ในงานด้านต่างๆ โดยพนักงานสามารถเลือกเรียนทักษะที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายงานอื่นได้ตามความสนใจ เพื่อทำให้ทุกคนเห็นโอกาสเติบโต และสามารถก้าวไปกับองค์กรในทุกสถานการณ์ เมื่อพนักงานรู้สึกว่าได้ก้าวหน้าไปพร้อมกับองค์กร ก็จะรู้สึกเป็นเจ้าของธุรกิจ และอยากอยู่กับองค์กรไปนานๆ” นางวิจิตรากล่าว

ทั้งนี้ ธนชาตได้มีการปูพื้นฐานพัฒนาพนักงานใน 4 ด้านคือ เก่งงาน, สร้างนวัตกรรม, คิดอย่างสร้างสรรค์ และการสื่อสาร ซึ่งหลักสูตร T-Academy ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยส่งเสริมและพัฒนาพนักงานให้มีทักษะที่เรียกว่า “POWER” มากขึ้น ซึ่งประกอบด้วย P-Proactive กระตือรือร้น คิด และทำแบบเชิงรุก O-Ownership เข้าใจและมีความรู้สึกร่วมกับผู้อื่น W-Welcoming สร้างความรู้สึกดีให้แก่ทุกคน ด้วยความใส่ใจและการมีปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นมิตร E-Energize มีพลังเพื่อขับเคลื่อนตนเอง องค์กร และลูกค้า และ R-Reliability มุ่งเน้นความพึงพอใจและความก้าวหน้าของลูกค้า เพื่อสร้างความไว้วางใจในระยะยาว

 

กรุงศรี ไพรม์จัดสัมมนาวิเคราะห์การลงทุน

กรุงเทพฯ (18 พฤศจิกายน 2562) – กรุงศรี ไพรม์ (KRUNGSRI PRIME) นำโดย น.ส. อุมาพร อภัยวงศ์ (กลาง) ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายบริหารกลุ่มลูกค้า Mass Affluent ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนาในหัวข้อ “สงครามการค้าจะอยู่หรือไป การลงทุนไหนที่นักลงทุนควรมอง” โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร (ที่ 2 จากขวา) นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญการลงทุนหุ้นที่เน้นคุณค่า (value investor) นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ (ขวาสุด) ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก และ ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร (ที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์ด้านกฎหมายและการพัฒนา คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมทั้งนายบรรพต ธนาเพิ่มสุข (ซ้ายสุด) พิธีกรเศรษฐกิจและการลงทุน ร่วมดำเนินรายการ งานสัมมนาครั้งนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมพิเศษสำหรับลูกค้ากรุงศรี ไพรม์เพื่อช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าเติบโตสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ เพลินจิต กรุงเทพฯ

“บิ๊กเด่น”จัดหนัก นำหมายศาลบุกค้น ลุยจับแหล่งผลิตอุปกรณ์แต่งแว้น ตั้งข้อหาหนัก

เมื่อวันที่ 18 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์ รายงานว่า ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สํานักงานตํารวจ แห่งชาติ(ศปข.ตร.) และ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) ตามนโนบาย ของรัฐบาลและ ผบ.ตร. ภายใต้อํานวยการสั่งการของ พล.ต.ท.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ ผอ.ศปข.ตร., พล.ต.ท.อําพล บัวรับพร ผบช.ภ.1, พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ จเรตํารวจ (สบ 8), พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร จรอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ธเนศ เทพสุด ผบก.ภ.3, พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ.

ได้นําหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรี เลขที่ 330/2562 ลง 18 พ.ย.62 ตรวจค้นโกดังไม่ปรากฎเลขที่ หมู่ที่ 4 ตําบลลําลูกกา อําเภอลําลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นเป้าหมายจากการขยายผลจากที่มีการประกาศโฆษณาจําหน่ายท่อไอเสีย ผ่านเฟสบุ๊คท่อสูตรหนูลําลูกกา(นพรุจ) มีนายอาทิตย์ แดงโนรี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/2 หมู่ 18 ต.บึงทองหลาง อ.ลําลูกกา จว.ปทุมธานี แสดงตนเป็นเจ้าของ และนําตรวจค้น

พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ผลการตรวจค้นพบว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่เก็บและจําหน่ายผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสําหรับ รถจักรยานยนต์ (ท่อไอเสีย) ซึ่งไม่มีเครื่องหมาย มอก. ตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงได้ตรวจยึดไว้ รวมจํานวน 37 หน่วย (อัน) และอายัดเคร่ืองมือผลิตท่อไอเสีย รถจักรยานยนต์รวมท้ังสิ้น 11 หน่วย (ช้ิน) เพื่อตรวจสอบและดําเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผลการตรวจค้นพบว่า เป็นสถานที่ผลิต เก็บและจําหน่ายอุปกรณ์ อะไหลรถจักรยานยนต์ พบพนักงานกําลังทํา การผลิตอุปกรณ์ในการปรับแต่งรถจักรยานยนต์ มีอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ในการผลิตท่อไอเสีย และพบท่อไอเสีย รถจักรยานยนต์ และพบท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ที่ผลิตเสร็จแล้ว รอส่งจําหน่ายให้กับลูกค้าท่ัวไป โดยไม่แสดง เครื่องหมาย มอก. ตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 และกฎหมายอ่ืนที่เก่ียวข้อง จึงได้ตรวจยึด ไว้เพื่อตรวจสอบ จํานวน 178 ท่อ และชิ้นส่วนอื่นๆ เช่น หม้อพัก 15 ชิ้น, คอท่อไอเสีย 75 ช้ิน และชิ้นส่วนอื่นๆ อีก รวมท้ังส้ิน 9 รายการ 388 ช้ิน และตรวจอายัดอุปกรณ์ อะไหล่ รถจักรยานยนต์ อีกรวม 24 รายการ จํานวน 10,936 ชิ้น เพื่อตรวจสอบและดําเนินการตามกฎหมายต่อไปโดยการกระทําดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2516

พร้อมทั้งสั่งการให้ พ.ต.ต.อภิเดช อธิคมสัญญา กับพวกกับพวก ได้นําหมายค้นของศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ ค.189/2562 ลง 18 พ.ย.62 เข้าทําการตรวจค้นบ้านเลขที่ 74 ซ.เพชรเกษม 93/1 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ตามข้อมูลจาก เฟสบุ๊ค ท่อสูตรแดงสาย 4  Racing สมุทรสาคร พบนางแสงระวี ยศกรวงศ์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/111 ถ.พุทธมณฑลสาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแคกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ดูและนําตรวจค้น

โดยพบว่าการกระทำเข้าข่ายฐานความผิด ทำการผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากําหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานโดยไม่ได้รับอนุญาตเข้าข่าย ฝ่าฝืนมาตรา 20 โทษตามมาตรา 48 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน ๒ ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000.บาทหรือทั้งจําทั้งปรับ โฆษณาเพื่อจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทําหรือนําเข้ามา เพื่อจําหน่ายในราชอาณาจักร เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 36 โทษตามมาตรา 55 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000.บาท หรือท้ังจําทั้งปรับ

สํานักงานตํารวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์ และขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชนหากพบเห็น หรือมีเบาะแสเก่ียวกับการรวมกลุ่มหรือมั่วสุมในลักษณะหรือพฤติการณ์ท่ีน่าจะเป็นการนําไปสู่การแข่งรถในทางหรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือการสนับสนุนให้มีการกระทําความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสได้ทางสายด่วน 1599 ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 หรือ ส่งคลิปวิดีโอแจ้งข้อมูลเบาะแสท่ีเก่ียวข้องให้ตํารวจทราบ ในช่องทางเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์โซเซียล มีเดีย ศปก.ตร. ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และแจ้งเบาะแสการผลิต จําหน่าย ท่อไอเสียไม่ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ไม่มี มอก.) ได้ท่ีสายด่วน บก.ปคบ. 1135 เพ่ือเป็นการป้องกันและปราบปรามให้การกระทําความผิดแข่งรถในทาง และความผิดอื่นท่ีเกี่ยวข้องหมดไปจากสังคมไทยอย่างยั่งยืน “พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าว”


 

“ผู้การ ยอด”ลงพื้น ตรวจเยี่ยม”โครงการประชารัฐร่วมใจ ต้านภัยยาเสพติด”สั่งพื้นที่เข้ม ให้ร่วมกันเร่งแก้ปัญหายาเสพติด

เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2562 ที่ชุมชนเดชาพัฒนา ซ.พหลโยธิน87 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าว ไทยแทบลอยด์ รายงาน ว่า พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการประชารัฐร่วมใจ ต้านภัยยาเสพติด โดยมี พ.ต.อ.ฤทธินันท์  ปุ้ยพันธวงศ์ รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ พ.ต.ท.ธีระยุทธ สุทธิพนไพศาล รอง ผกก.ป.  พร้อมทั้งผู้นำชุมชน และข้าราชการตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้ร่วมพบปะพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยความคิดเห็นในปัญหาต่างๆ

โดย พล.ต.ต.ชยุต กล่าวว่าในวันนี้ ได้สั่งการพร้อมกำชับให้ข้าราชการตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ รับฟังปัญหายาเสพติดในพื้นที่ พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหายาเสพติด พร้อมทั้งได้มอบเงินและสิ่งของให้แก่ผู้นำชุมชนและข้าราชการตำรวจชุดมวลชนสัมพันธ์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ และยังได้เยี่ยมผู้ป่วยภายในชุมชุนซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พร้อมทั้งมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ป่วยส่วนหนึ่ง และยังได้ตรวจเยี่ยมพื้นที่ปักกลดภายในชุมชนและพบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่

ยื่นเรื่องร้อง บก.ปปป. ประมูลงานได้แต่ไม่ได้รับงาน จี้ตำรวจตรวจสอบความโปร่งใส อบจ.อุตรดิตถ์

วันที่ 18 พ.ย. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) มีรายงานว่า นายวิศิษฏ์ อาหูยา ผู้แทนบริษัท ไดร่า โมด จำกัด ได้เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ปปป. ผ่านแผนกรับเรื่องราวร้องทุกข์เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการประมูลงานราชการในส่วนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้ บริษัท ไดร่า โมด จำกัด ได้เข้าร่วมการประกวดราคาจัดซื้อครุภัณฑ์ตามโครงการห้องเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (กระดาษอัจฉริยะ) แบบอิเล็คทรอนิค หรือ E-BiddingX ตามประกาศเลขที่ 3/2562 ของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งทางบริษัทได้รับการเสนอราคาต่ำสุดและปฏิบัติตามข้อระเบียบที่กำหนดไว้ในเอกสารการประกวดราคาหรือทีโออาร์ทุกประการแต่กลับไม่ได้รับให้เข้าปฏิบัติงานตามกำหนด

ทั้งนี้ นายวิศิษฏ์ ได้กล่าวว่า หลังจากที่ประมูลราคาได้ปรากฏว่ามีเหตุการณ์หลายสิ่งบ่งชี้ถึงความผิดปกติในการพิจารณาเอกสารของ อบจ.อุตรดิตถ์ ประกอบด้วยประการที่หนึ่ง หลังจากวันที่มีการยื่นเสนอราคา E-Bidding ได้มีกรรมการพิจารณาผลมีการพยายามติดต่อมาหลายครั้งเพื่อขอเอกสารที่ไม่ได้มีระบุไว้ในทีโออาร์ ประการที่สองในวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา อบจ.อุตรติตถ์ ได้กำหนดให้มีการนำสินค้าตัวอย่างมาแสตงจำนวน 1 รายการ คือ กระดานอินเตอร์แอคทีฟบอร์ดหรือจอทีวีที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน ซึ่งทางบริษัทก็ได้นำกระดานดังกล่าวไปแสดงให้คณะกรรมการพิจารณาผลได้ตรวจตามที่ระบุไว้ในทีโออาร์แล้วแต่ อบจ.อุตรดิตถ์ กลับบังคับให้มีการเปิดจอแสดงซึ่งขัดกับทีโออาร์ที่ระบุไว้

นายวิศิษฏ์ กล่าวต่อว่า ประการที่สาม คือ เอกสารหรือหนังสือที่ทางกรรมการได้ขอเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในทีโออาร์ ทางบริษัทฯได้นำสำเนาหนังสือดังกล่าวส่งมอบไว้ให้กับกรรมการแล้ว แต่ทางคณะกรรมการพยามขอเอกสารตัวจริง ในประเด็นนี้ทางบริษัทฯไม่ได้จัดส่งให้ทางคณะกรรมการพิจารณาผลการประมูล เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าจะเป็นการประมูลแบบไม่โปร่งใส จึงตัดสินใจเดินทางขอร้องทุกข์กับ บก.ปปป. เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในการประมูลครั้งนี้ โดยจะนำเอกสารแนบท้ายประกาศประกวดราคาซื้อด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (E-Bidding) เลขที่ 3/2562 ของ อบจ.อุตรดิตถ์ ประกอบไว้เป็นหลักฐานด้วย.

กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 30.15-30.40

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.15-30.40 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.22 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงไร้ทิศทางชัดเจน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 3.1 พันล้านบาท แต่ขายสุทธิพันธบัตรไทย 4.3 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการขายพันธบัตรอายุมากกว่า 1 ปี

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ในสัปดาห์นี้จุดสนใจจะยังคงอยู่ที่กระแสข่าวการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงบันทึกการประชุมครั้งล่าสุดของเฟดหลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับดอกเบี้ยจนกว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังประธานเฟดแถลงต่อสภา และประเมินเศรษฐกิจในเชิงบวกโดยระบุว่ายังไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงภาวะตกต่ำ แม้จะมีความเสี่ยงจากข้อพิพาททางการค้า ขณะที่ดัชนีความผันผวนยังต่ำลงต่อเนื่องส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ต้นสัปดาห์สภาพัฒน์ฯ ประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2562 ขยายตัวเพียง 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 2.6% รวมถึงตัวเลขส่งออกเดือน ต.ค. ที่จะประกาศในช่วงปลายสัปดาห์ซึ่งคาดว่าจะหดตัวต่อเนื่อง ทางด้านธปท.กล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% ซึ่งต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ไม่ใช่ข้อจำกัด โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคำนึงถึงข้อมูลและสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา ขณะที่การลดดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 6 พ.ย. เป็นการตัดสินใจก่อนที่สภาพัฒน์จะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสสาม สะท้อนว่าทางการเห็นสัญญาณก่อนแล้วว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อจะต่ำกว่าที่ประเมินไว้ ขณะที่คาดว่าในการประชุมกนง.เดือน ธ.ค.จะมีการลดประมาณเศรษฐกิจในปี 2562 และ 2563 นอกจากนี้ ธปท.กังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่ส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก โดยพร้อมที่จะเข้าดูแลตามความเหมาะสม ส่วนผลของการออกมาตรการผ่อนคลายเงินทุนไหลออกเพิ่มเติมอาจต้องใช้เวลา ขณะที่การดูแลเงินทุนไหลเข้านั้น ธปท.ติดตามอย่างต่อเนื่องซึ่งยังค่อนข้างปกติ เรามองว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายยังคงมีลักษณะสลับกันเข้าออกไปมาระหว่างตลาดหุ้นและพันธบัตรซึ่งน่าจะส่งผลให้เงินบาทย่ำฐานอยู่ในกรอบ นอกจากนี้ แม้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ สดใสต่อเนื่องแต่ความต้องการสินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่ในเอเชียอาจถูกบดบังจากเหตุการณ์ในฮ่องกงที่รุนแรงมากขึ้น

ออมสิน จัด GSB VC DAY 2019

วันนี้ (18 พฤศจิกายน 2562) ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นประธานเปิดงาน และบรรยายในหัวข้อ “GSB The Startup Supporter” ในงาน GSB VC DAY 2019 ต่อยอดธุรกิจ เชื่อมโยงทุกกิจการด้วย Startup Ecosystem เพื่อเป็นการส่งเสริมกิจการที่ธนาคารได้ลงทุนผ่านกองทุน SMEs Private Equity Trust Fund และสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า SMEs Startup โดยภายในงานมีการเสวนาจากวิทยากรพิเศษมืออาชีพจำนวนมาก มาแลกเปลี่ยนและให้ความรู้ เคล็ดลับที่ทันสมัยเพื่อเป็นกลยุทธ์ในการบริหารจัดการในการเป็น SMEs Startup ยุคใหม่ต่อไป ณ โรงแรมอมารีวอเตอร์เกท แบงคอก

ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงของภาคสถาบันการเงินหลายด้าน โดยเฉพาะความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทางธุรกิจ ผนวกกับพฤติกรรมของลูกค้าหรือผู้บริโภคมีการ Internet เพิ่มสูงขึ้น และใช้บริการ Mobile Banking แทนการผ่านเคาน์เตอร์ รวมถึงเกณฑ์การกำกับใหม่ที่เอื้อให้การแข่งขันรุนแรง โดยมีการนำเทคโนโลยีทางการเงินเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น มีการจับมือกับ Partner เพื่อเชื่อมโยงบริหารจัดการข้อมูลไปสู่การสร้าง Platform เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ๆ โดยจากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้ธนาคารออมสินได้มีการปรับกลยุทธ์การให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าด้วยเช่นกัน โดยให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หรือ Customer Centric โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจ หรือ SMEs Startup ที่รัฐบาลเองได้มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยกลุ่มผู้ประกอบการ ซึ่งธนาคารออมสินได้นำนโยบายมาร่วมผลักดันและสนับสนุน SMEs และ SMEs Startup อย่างต่อเนื่อง ทั้งการฝึกอบรม การให้คำปรึกษาผ่านกิจกรรมโครงการต่างๆ การให้สินเชื่อ รวมถึงการร่วมลงทุนในรูปแบบการจัดตั้งกองทุน SMEs Private Equity Trust Fund

“งาน GSB VC DAY 2019 ต่อยอดธุรกิจ เชื่อมโยงทุกกิจการด้วย Startup Ecosystem” ที่ธนาคารออมสินจัดขึ้นครั้งนี้ ถือเป็นบทบาทสำคัญของธนาคารออมสินในฐานะ Best Brotherhood of the year ที่ (Prime Minister Awards : Nation Startup 2019) ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพ มีส่วนส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศของสตาร์ทอัพในประเทศไทย สามารถยกระดับการเติมโบสู่ระดับโลกต่อไป” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว

‘บิ๊กแป๊ะ’ ประชุมแต่งตั้ง ‘สว.-รองผบก.’ กว่า 12 ชม. สั่งสื่อห้ามขึ้นตึกประชุม ขู่ ทุก บช.หากใครทำข้อมูลรั่วต้องรับผิดชอบ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา

ที่ห้องประชุม 2 ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เป็นประธานการพิจารณาจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับ สว.-รองผบก. วาระประจำปี 2562 โดยมีผู้บัญชาการทุกหน่วย 28 หน่วย เข้าให้ข้อมูล โดยจะเริ่มที่หน่วย สยศ.ตร. ,สกบ. ,สกพ. ,สงป.,กค.สง.ก.ตร.,วต.,สตส.,บช.ก.,บช.ศ.,บช.ทท.,บช.ปส.,บช.ตชด.,สพฐ.ตร.,สทส.,บช.ศ.,รร.นรต.,รพ.ตร.,บช.ภ.1-9,บช.น.,และ บช.สตม. โดยจะมีการแต่งตั้งทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการ ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งสูงขึ้น และโยกสลับระนาบเดียวกัน จำนวนกว่า 1,000 ตำแหน่ง โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น. ผ่านไปกว่า 12 ชั่วโมง ยังไม่แล้วเสร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผบ.ตร. ได้สั่งห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปยังภายในอาคาร 1 ตร. ซึ่งใช้เป็นที่ประชุมอย่างอย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลการแต่งตั้งรั่วไหล นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ผบ.ตร.ได้มีการคาดโทษผู้บัญชาการทุกหน่วยห้ามไม่ให้มีการเผยแพร่ข้อมูลการแต่งตั้งโยกย้าย โดยเฉพาะรายชื่อผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายกับผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทราบ หากมีรายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งหน่วยใดเล็ดลอดออกไป ผู้บัญชาการหน่วยนั้นต้องรับผิดชอบ


 

เขมจิรา คาใจ อดีตสามีถูกยิงขณะที่ถูกจับสวมกุญแจมือหรือไม่

จากกรณีพล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์ อายุ 67 ปี อดีตรองจเรตำรวจแห่งชาติ จำเลยในคดีแจ้งเท็จและเบิกความเท็จ ก่อเหตุใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ อายุ 61 ปี ทนายความชื่อดัง นางสุภาพร ปรมีศณาภรณ์ ภรรยา นายวิชัย อุดมธนภัทร และนายวิจัย สุขรมย์ ทีมทนายฝ่ายโจทก์จนเสียชีวิตกลางห้องพิจารณาคดีศาล จังหวัดจันทบุรี ก่อนที่นายธนากร ธีรวโรดม เสมียนทนาย จะคว้าปืนจาก ร.ต.อ.ขจร บรรจง รอง สวป.สภ.เมืองจันทบุรี ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจศาล ยิงใส่ พล.ต.ต.ธารินทร์ จนเสียชีวิตอีกราย โดยเรื่องราวดังกล่าวเกิดจากชนวนเหตุข้อพิพาทที่ดินเนื้อที่กว่า 3,800 ไร่ ที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ที่ยืดเยื้อมาราว 10 ปี กระทั่งต่อมา น.ส.เขมจิรา บัณฑูรนิพิท อดีตภรรยาพล.ต.ต.ธารินทร์ ซึ่งเป็นหลานเจ้าของที่ดินพิพาทคนเก่าได้หอบหลักฐานมามอบให้ตำรวจกองปราบปรามเพื่อให้ช่วยทวงที่ดินคืนให้กับมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอก่อนหน้านี้

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 พ.ย. น.ส.เขมจิรา ได้กล่าว สำหรับเรื่องราวข้อพิพาทที่ดินผืนดังกล่าวที่เกิดขึ้นมานั้น ตนเชื่อว่านายบัญชา คือบุคคลสำคัญที่คอยดำเนินการช่วยให้นายบุญช่วย สามารถยักยอกที่ดินของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย ไปเป็นของส่วนตัว อีกทั้งยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อขอให้พิจารณาถอดยศพล.ต.ต.ธารินทร์ เนื่องจากฝั่งนายบุญช่วยและนายบัญชา มองว่าหากยังปล่อยให้ พล.ต.ต.ธารินทร์ ขุดคุ้ยพยานหลักฐานเอกสารทางราชการขึ้นมาจะทำให้ความจริงปรากฎขึ้นว่าตนเองไม่ใช่เจ้าของที่ดินผืนดังกล่าวที่แอบยักยอกไป

น.ส.เขมจิรา กล่าวต่ออีกว่า ส่วนกรณีที่สังคมสงสัยว่าถ้าตนมีพยานหลักฐานจริง เหตุใดถึงแพ้คดีการกรรมสิทธิ์ครอบครองที่ดิน ตนอยากชี้แจงในส่วนนี้ว่าหลักฐานเอกสารราชการต่างๆที่พล.ต.ต.ธารินทร์ สืบหามาได้นั้นพึ่งได้มาหลังจากที่มีการตัดสินไปแล้ว ถ้าหากตอนนั้นตนมีหลักฐานเหล่านี้นายบุญช่วยก็คงไม่ได้ที่ดินผืนดังกล่าว เพราะหลักฐานที่ตนนำไปสู้ตอนนั้นมีเพียงแค่หลักฐานการแสดงจำนวนบุตรเท็จเพียงเท่านั้น อย่างไรก็ตามภายหลังจากนายบุญช่วยและนายบัญชา รู้ว่าทางฝ่ายเรามีหลักฐานเหล่านี้ และได้มีการนำหลักฐานไปยื่นร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆเพื่อขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกรรมสิทธิ์ผู้ครอบครองที่ดินผืนนี้ขึ้นอีกครั้งนั้น นายบุญช่วยและนายบัญชา ก็ได้มีการพยายามไกล่เกลี่ยในชั้นศาล โดยบอกว่าหากตนยุติเรื่องและเรียกคืนหลักฐานเหล่านี้กลับมาทางฝ่ายของเขาจะยอมถอนฟ้องคดีต่างๆให้ แต่ทางพล.ต.ต.ธารินทร์ ไม่ยอมเพราะด้วยความที่ตัวเขาเป็นตำรวจรักความยุติธรรม เขาจะไม่ยอมให้นายบุญช่วยได้ที่ดินผืนดังกล่าวไปแน่นอน และจะต้องทวงคืนที่ดินผืนนี้คืนกลับมาให้กับมูลนิธิ เขาเคยบอกตนว่าเขาทำมาขนาดนี้จะยอมหยุดไม่ได้ และความยุติธรรมจะต้องเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าอาจจะต้องเป็นผู้พ่ายแพ้ก็ตาม

น.ส.เขมจิรา ยังกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่พล.ต.ต.ธารินทร์ ถูกยิงเสียชีวิตนั้น ตนเองและครอบครัวก็ยังคงคาใจ เพราะเชื่อว่าข้อมูลที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่านายธนากร ธีรวโรดม เสมียนทนาย ใช้อาวุธปืนยิงอดีตสามีตนเสียชีวิต ว่าทำไปเพราะต้องการระงับเหตุและเป็นการยิงก่อนที่จะมีการจับ พล.ต.ต.ธารินทร์ ใส่กุญแจมือนั้น เป็นข้อมูลที่บิดเบือน ถ้าหากต้องการให้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้กระจ่างอยากให้นำภาพจากกล้องวงจรปิดภายในห้องพิจารณาออกมาเปิดเผยเพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย นอกจากนี้ตนยังทราบอีกว่าภายหลังจากที่นายธนากร ก่อเหตุเสร็จนั้นยังมีผู้หญิงคนหนึ่งคอยให้การช่วยเหลือโดยการขับรถพาหลบหนี แต่จนถึงวันนี้ผู้หญิงคนดังกล่าวกลับยังไม่ถูกตรวจสอบข้อเท็จจริงใดๆเลย

น.ส.เขมจิรา กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ทางกองปราบรับเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินผืนดังกล่าวนั้น ขณะนี้ตนทราบว่ามีความคืบหน้าไปมาก และค่อนข้างเป็นที่พอใจเกี่ยวกับการทำงานของตำรวจกองปราบเป็นอย่างมาก ซึ่งตนเชื่อว่ากองปราบจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายไม่มีลำเอียงและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม

ป.รวบหนุ่มใหญใช้สปาต้าฟันหน้ากิ๊กชายแอบตีท้ายครัวเจ็บปางตาย

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป.พ.ต.ต.กรกฤช งามวงศ์วาน สว.กก.4 บก.ป., นำกำลังจับกุม นายเอียด สมสวย อายุ 52 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 35/26 ถ.เสรีไทย แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ 39/2555 ลงวันที่ 11 ม.ค. 2555 ข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น, บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ” ได้ที่ บริเวณบนถนนหลวงชนบท นม.1016 ม.11 ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
สืบเนื่องจากเมื่อปี2554 นายเอียด ผู้ต้องหารายนี้ได้คบหากับน.ส.บุญเลิศ หลอมนาค ในลักษณะกิ๊ก กระทั่งเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. นายเอียดได้ไปหา น.ส.บุญเลิศ ซึ่งเข่าห้องพักอยู่ที่หอพักวีไอพี ภายในซ. รามคำแหง 43 แต่เมื่อไปถึงหน้าห้องได้ยินเสียง น.ส.บุญเลิศกับผู้ชายอยู่ด้วยกันภายในห้อง จึงเกิดความโมโหเพราะหึงหวง เลยใช้เท้าถีบพังประตูเข้าไป เมื่อเห็นว่าชายคนดังกล่าวคือนายทินกร นายเอียด จึงได้หยิบมีดสปาต้าที่วางอยู่ภายในห้องวิ่งตรงเข้าไปไล่ฟันนายทินกร จนได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้าจำนวน 2 แผล ก่อนจะรีบวิ่งหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่าภายหลังก่อเหตุนายเอียด ได้หลบหนีคดีมาซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี กับ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวนนายเอียด ให้การรับสารภาพ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาก่อนนำตัวส่ง สน.หัวหมากดำเนินการตามกฎหมายต่อไป