วันที่ 15 พ.ย.62 เวลา 10.30 น.ณ ห้องประชุมมหาเมฆ ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม.: พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ,พ.ต.อ.นิธิศ ปิติธีรโชติ,พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา,พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ รอง ผบก.ตม.4,พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.4 และ พ.ต.อ.เขมรินท์ พิสมัย ผกก.ตม.จ.หนองคาย ร่วมแถลงข่าวจับกุมคดี BIOMETRICS จับพิรุธ เอกลักษณ์ใบหน้าบุคคล สวมตนเป็นบุคคลอื่น
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.62 เวลาประมาณ 09.30 น. ตม.จ.หนองคาย ได้ทำการจับกุมตัว นายอาทิตย์ สัญชาติไทยโดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย นำบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับของผู้อื่นไปใช้แสดงตนว่าเป็นเจ้าของบัตรหรือใบรับหรือใบแทนใบรับ” โดยมีพฤติกรรมคือ ขณะที่เจ้าหน้าที่ ตม.จ.หนองคาย กำลังปฏิบัติหน้าที่ในจุดตรวจขาออกด่านพรมแดนถาวร สะพานมิตรภาพไทย–ลาว (แห่งที่ 1)
พบผู้ต้องหากำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ ได้ยื่นหนังสือผ่านแดนชั่วคราวและบัตรประจำตัวประชาชนระบุชื่อ นายสัญญา ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มีท่าทางพิรุธน่าสงสัย จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลบุคคลในระบบ BIOMETRICS พบว่าภาพใบหน้าของบุคคลตามที่ระบุชื่อในหนังสือผ่านแดนและบัตรประจำตัวประชาชนที่ผู้ต้องหาแสดงนั้น ไม่ตรงกับภาพใบหน้าของผู้ต้องหา จึงได้นำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนอีกครั้ง

จนกระทั่งผู้ต้องหาได้ให้การยอมรับว่าตนเองคือ นายอาทิตย์ฯ อายุ 26 ปี สัญชาติไทย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ต้องการเดินทางไปเอาของฝากจากเพื่อนชาวลาวที่รออยู่บริเวณด่านพรมแดนฝั่งประเทศลาว แต่เนื่องจากทำบัตรประจำตัวประชาชนหาย จึงไม่สามารถทำหนังสือผ่านแดนเพื่อใช้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ จึงได้ให้นายสัญญาฯ ซึ่งเป็นเพื่อนไปยื่นคำร้องขอทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวที่อำเภอเมืองหนองคายและเมื่อได้หนังสือผ่านแดนมาแล้ว นายสัญญาฯ ได้นำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวพร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของนายสัญญาฯ มามอบให้ผู้ต้องหาเพื่อใช้แสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการเดินทางออก นอกราชอาณาจักร จนกระทั่งถูกตรวจสอบพบและจับกุมดำเนินคดี
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขันและจับกุมปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิติทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง





ทั้งนี้เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหารายนี้ได้ขันอาสาไปส่ง ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่บ้านหลังจากซ้อมเชียร์ลีดเดอร์เสร็จ แต่กลับพานั่งรถจักรยานยนต์ ไปบ้านตนเอง และใช้อาวุธปืนข่มขู่ บังคับข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ 3 ครั้ง ก่อนพาไปส่งบ้าน หลังเกิดเหตุด้วยความกลัวทำให้ด.ญ.บี ไม่กล้าบอกใคร


วันนี้ (15 พ.ย. 2562) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐวัฒน์ การดี ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ รอง ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.นิธิศ


พ.ต.อรุณ เปิดเผยว่า เมื่อกลางเดือนต.ค.ที่ผ่านมา นายศักดิ์ชัย ผู้ต้องหา ไปรู้จักกับน.ส.บี (นามสมมติ) ผ่านทางเฟซบุ๊ก พอวันรุ่งขึ้นก็นัดหมายเจอกัน โดยผู้เสียหายยืนยันว่า มีการพูดคุยกันในสถานะคนรู้จัก ต่อมาคืนวันที่ 25 ต.ค. นายศักดิ์ชัยก็ได้มาหาน.ส.บี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานพีอาร์อยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.บางพลี และนั่งอยู่จนร้านเลิก ขณะที่น.ส.บีกำลังจะกลับห้องพัก นายศักดิ์ชัยก็เดินเข้ามากระชากแขนแล้วบอกให้กลับไปด้วยกัน แต่น.ส.บีไม่ยอมก็เลยถูกนายศักดิ์ชัยตบหน้าไปหลายครั้ง รวมทั้งพยายามดึงตัวไปที่รถ แต่มีพนักงานในร้านมาช่วยไว้ได้ทัน นายศักดิ์ชัยจึงขับรถหนีออกไป



