นาทีระทึก!! CIB ไล่ล่า 40 กม. รถขนแรงงานเถื่อน พุ่งมุดไร่อ้อยกาญจนบุรี

ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการระทึก ไล่ล่ารถต้องสงสัยขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายกว่า 40 กิโลเมตร ก่อนจนมุมกลางไร่อ้อย จับแรงงานเมียนมากว่า 19 คน พบเด็ก–เยาวชนรวมอยู่ด้วย

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง เปิดปฏิบัติการสกัดจับขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หลังรับแจ้งเบาะแสว่ามีการใช้เส้นทางชายแดนลำเลียงแรงงานเข้าสู่พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี

เหตุเกิดเมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 16 ธันวาคม 2568 ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงออกตรวจพื้นที่ถนนทางหลวงหมายเลข 323 กิโลเมตรที่ 100 พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียนจังหวัดกาญจนบุรี มีลักษณะบรรทุกหนักผิดปกติ จึงส่งสัญญาณให้หยุดตรวจ แต่คนขับกลับเร่งเครื่องหลบหนี มุ่งหน้าเส้นทางวังสิงห์–บ้านเก่า

เจ้าหน้าที่เปิดฉากไล่ล่าระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร ก่อนรถคันดังกล่าวจะเสียหลักพุ่งเข้าไปในไร่อ้อย และชนคันดินจนไม่สามารถไปต่อได้ บริเวณหมู่ 3 ตำบลวังเย็น อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี คนขับอาศัยความมืดหลบหนีเข้าไร่อ้อย ทิ้งรถไว้ในที่เกิดเหตุ

จากการตรวจค้นภายในรถ พบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา รวม 19 คน แบ่งเป็นผู้ต้องหา 10 คน และผู้ติดตามอีก 9 คน ซึ่งมีทั้งเด็กและเยาวชน ไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ และไม่พบเอกสารแสดงตนหรือหนังสือเดินทางแต่อย่างใด

สอบสวนผ่านล่าม ทราบว่าทั้งหมดเดินทางมาจากเมืองย่างกุ้ง จังหวัดยะไข่ และเมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมา ลักลอบเข้าประเทศไทยทางด่านพระเจดีย์สามองค์ โดยมีนายหน้าจัดหารถและเส้นทาง เรียกเก็บค่าเดินทางคนละประมาณ 10,000–20,000 บาท เพื่อไปทำงานในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ตลาดมหาชัย และบางส่วนเตรียมเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาผู้ขับขี่รถในความผิดฐาน “ซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย” และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาชาวเมียนมา 10 คน ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนควบคุมตัวทั้งหมด พร้อมของกลางรถยนต์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

รัสเซียห่วงปมชายแดนไทย-กัมพูชา เรียกร้องเร่งเจรจาหยุดยิง​ พร้อมหนุนสันติภาพ–ค้านความรุนแรงชายแดน

รัสเซียเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชาใช้ความอดทนอดกลั้น เข้าสู่กระบวนการหยุดยิงโดยเร็ว พร้อมสนับสนุนการแก้ไขข้อพิพาทอย่างรอบด้าน ภายใต้จิตวิญญาณความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียน

การแถลงข่าวโดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย นางมาเรีย ซาคาโรวา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568

สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

ประเทศรัสเซียมีความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีมาอย่างยาวนานกับประเทศไทยและกัมพูชา อย่างไรก็ตาม รัสเซียมีความกังวลต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้น รัสเซียขอเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อเลี่ยงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นกับพลเรือน ขอให้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่กระบวนการเจรจาหยุดยิงโดยเร็วและดำเนินการแก้ไขความขัดแย้งร่วมกันอย่างรอบด้านเพื่อแก้ไขข้อพิพาทที่ลงนามไว้ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

รัสเซียสนับสนุนการแก้ไขข้อพิพาททั้งหมดโดยสันติวิธี

เราเชื่อว่าความขัดแย้งด้านดินแดนในโลกใบนี้เป็นผลมาจากนโยบายการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ในวันที่ความมั่นคงของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกกำลังเสื่อมถอยลง จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่อาเซียนจะต้องรักษาจิตวิญญาณแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อเอาชนะความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์

แหล่งที่มา

https://www.facebook.com/share/p/1BqQzHDyqV/?mibextid=wwXIfr

“รัสเซีย”ยกมรดกโลกสู่สายตาไทย เปิดนิทรรศการภาพถ่ายวัฒนธรรม–เกาะคิชิ ณ สยามสมาคม

สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดพื้นที่ทางวัฒนธรรมต้อนรับนิทรรศการภาพถ่ายจากประเทศรัสเซีย ถ่ายทอดมรดกโลกยูเนสโก เกาะคิชิ และอัตลักษณ์ทางจิตวิญญาณ ผ่านผลงานระดับประเทศ เนื่องในวันแห่งวัฒนธรรมรัสเซียในประเทศไทย และการครบรอบ 180 ปี สมาคมภูมิศาสตร์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ได้มีพิธีเปิดสองนิทรรศการภาพถ่ายจากประเทศรัสเซีย ได้แก่ ภาพถ่ายจากมรดกทางวัฒนธรรมของรัสเซีย โดยสมาคมภูมิศาสตร์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และภาพถ่ายจากเกาะคิชิ เขตอนุรักษ์ที่มีโบสถ์โบราณขนาดใหญ่ในประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และชาติพันธุ์วิทยา นิทรรศการจัดขึ้น ณ สยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ เนื่องในโอกาสวันแห่งวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของชาวรัสเซียในประเทศไทย และเป็นการเฉลิมฉลองวันครบรอบ 180 ปี ของสมาคมภูมิศาสตร์แห่งสหพันธรัฐรัสเซียอีกด้วย

นิทรรศการภาพถ่ายจะนำเสนอผลงานการถ่ายภาพสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมในประเทศรัสเซีย ผลงานครั้งนี้ได้ถูกคัดเลือกมาจากการประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ “ประเทศที่งดงามมากที่สุด” ซึ่งเป็นกิจกรรมการประกวดภาพถ่ายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซีย จัดขึ้นโดย สมาคมภูมิศาสตร์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย

การจัดนิทรรศการของเกาะคิชิในครั้งนี้ เนื่องในโอกาสที่โบสถ์หลัก (Church of the Transfiguration) ที่ตั้งอยู่บนเกาะคิชิได้ถูกบูรณะจนสมบูรณ์แล้ว เป็นการทำการบูรณะโครงสร้างไม้ดั้งเดิมที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดในโลก โบสถ์มีจำนวนโดม 22 โดม ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2257 เป็นงานที่สร้างขึ้นโดยช่างไม้ไม่ทราบชื่อ และโบสถ์นี้เป็นหัวใจของศาสนสถานบนเกาะคิชิ (Kizhi Pogost) ซึ่งต่างเรียกขานว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ลำดับที่ 8 ของโลก

เกาะคิชิได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก เมื่อปี พ.ศ. 2533 ขึ้นทะเบียนพร้อม ๆ กับพระราชวังเครมลินกรุงมอสโกและศูนย์กลางประวัติศาสตร์ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในงานนิทรรศการนี้ท่านจะได้ชมภาพถ่ายเก่าแก่ของโบสถ์ไม้บนเกาะคิชิเมื่อ 300 ปีก่อน โดยยังมีการจัดแสดงผลงานการถ่ายภาพจากช่างภาพที่มีชื่อเสียงอย่างนาย อีกอร์ กีออร์กีเยฟสกี้

เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย นายเยฟกินี โทมิคิน (Evgeny Tomikhin) ได้กล่าวต้อนรับในพิธีเปิดนิทรรศการ ร่วมกับท่านผู้หญิงพิไลพรรณ สมบัติศิริ นายกสมาคมสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์

หลังจากพิธีเปิด แขกผู้มีเกียรติได้มีโอกาสรับชมการแสดงดนตรีคลาสสิกจากนายดานีล โคกัน ศิลปินไวโอลิน เคยได้รับรางวัลที่ 3 เหรียญทองแดงจากเวทีไชคอฟสกี เขามาจากครอบครัวศิลปินชื่อดังในประเทศรัสเซีย

รัสเซียเดือด! แบงก์ชาติขู่ฟ้องสหภาพยุโรป หากแตะทรัพย์สินอธิปไตยอุ้มยูเครน

ธนาคารกลางรัสเซียออกแถลงการณ์แข็งกร้าว คัดค้านแผนสหภาพยุโรปเปิดทางใช้ทรัพย์สินรัสเซียที่ถูกอายัด หนุนเงินกู้ฟื้นฟูยูเครน ชี้ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมเดินหน้าฟ้องศาลทั่วโลก หากถูกนำไปใช้จริง

แถลงการณ์จากธนาคารกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (Bank of Russia)

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศลงบนเว็บไซต์ของหน่วยงานฯ ว่าด้วยเรื่อง การประชาสัมพันธ์เพื่อนำเสนอสองแนวทางในการสนับสนุนทางการเงินต่อประเทศยูเครน ในปี 2569-2570 และระเบียบการฉบับร่างว่าด้วยเรื่องการจัดตั้งเงินทุนกู้ยืมเพื่อการฟื้นฟูประเทศยูเครน (Reparations Loan to Ukraine) โดยมีเนื้อหาว่าด้วยการเปิดทางเพื่อนำทรัพย์สินของธนาคารกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซียที่เก็บรักษาไว้ในสถาบันทางการเงินของยุโรปและศูนย์ฝากหลักทรัพย์ Euroclear ที่อาจจะถูกนำมาใช้โดยไม่ได้รับการอนุญาต

จากข้อมูลที่เผยแพร่ ธนาคารกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซียขอออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้
ทั้งสองแนวทางที่นำเสนออาจจะนำไปสู่การนำทรัพย์สินของธนาคารกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซียไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมหรือการนำไปใช้โดยไม่ได้รับการอนุญาต ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงหลักการว่าด้วยเอกสิทธิ์คุ้มกันทรัพย์สินของรัฐอธิปไตย

ธนาคารกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซียจะดำเนินการคัดค้านการกระทำใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่อาจจะเกิดจากการนำทรัพย์สินของรัฐบาลกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซียไปใช้โดยไม่ได้รับการอนุญาต จากการเผยแพร่บนเว็บไซต์ของหน่วยงานคณะกรรมาธิการยุโรป โดยจะยื่นฟ้องต่อทุกหน่วยงานที่มีอำนาจ ศาลยุติธรรม และหน่วยงานตุลาการของรัฐต่างประเทศ องค์กรระหว่างประเทศ ศาลพาณิชย์ และหน่วยงานตุลาการระหว่างประเทศอื่นๆ รวมถึง หน่วยงานยุติธรรมของประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ

ธนาคารกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซียของสงวนสิทธิ์ในการใช้มาตรการและกลไกคุ้มครองทั้งหมดที่มีอยู่โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า หากข้อเสนอของสหภาพยุโรปดังกล่าวได้รับการรับรองและนำไปบังคับใช้จริง

Bank of Russia:

On 3 December 2025, the European Commission published on its website the press release ‘Commission unveils two solutions to support Ukraine’s financing needs in 2026–2027’ and the draft regulation ‘Proposal establishing the Reparations Loan to Ukraine’, providing for unauthorised use of Bank of Russia assets held by European financial institutions, including the Euroclear depository. In view of the above, the Bank of Russia makes the following statement

The proposed solutions where Bank of Russia assets may be used directly or indirectly or any other forms of unauthorised use of Bank of Russia assets are unlawful and contradict international law, including in respect of immunity of sovereign assets.

The release and implementation of the proposals announced on the European Commission’s website will certainly make the Bank of Russia challenge any direct or indirect activities that may result in the unauthorised use of Bank of Russia assets, file lawsuits with all available competent bodies, including national courts, judicial authorities of foreign states and international organisations, commercial courts, and other international judicial authorities, and seek enforcement of court decisions in UN member states.

The Bank of Russia reserves the right, without further notice, to apply all available remedies and protections if the proposed initiatives of the European Union are upheld or implemented.

รัสเซียปฏิเสธข่าวลือเรื่องทหารรับจ้าง และยืนยันสนับสนุนการแก้ปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชาด้วยแนวทางสันติ ไม่ใช่การใช้กำลัง

สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทยทราบว่ามีการเผยแพร่ข่าวจากสื่อบางแห่งในประเทศไทยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ว่าจะมีพลเมืองชาวรัสเซียเข้ามาพัวพันในฐานะทหารรับจ้างที่ถูกฝ่ายกัมพูชาว่าจ้างให้มาเข้าร่วมในความขัดแย้งบริเวณชายแดนประเทศไทยและกัมพูชานั้น

ข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริงและมีแนวโน้มว่าจะถูกสร้างขึ้นจากแหล่งข้อมูลนอกภูมิภาค มีเป้าหมายเพื่อบั่นทอนสิทธิพลเมืองชาวรัสเซียที่พำนักอยู่ในประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยวหรือประกอบธุรกิจ เป็นการสร้างความเสียหายต่อมิตรภาพอันยาวนานระหว่างประเทศรัสเซียและไทย

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียมีจุดยืนที่ชัดเจนต่อประเด็นความขัดแย้งชายแดนไทยและกัมพูชา และในประเด็นดังกล่าวได้มีการแจ้งให้ทราบแล้วโดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ความว่า
“ประเทศรัสเซียมีความสัมพันธ์อันเป็นมิตรและมีความร่วมมือกับประเทศไทยและกัมพูชา เราขอยืนยันและสนับสนุนการแก้ไขข้อพิพาทนี้โดยสันติวิธีเท่านั้น”

The Embassy of Russia in Thailand has taken note of reports circulating in certain Thai media outlets alleging the possible involvement of Russian nationals as mercenaries hired by the Cambodian side to participate in the Thai–Cambodian border conflict.

Such unfounded assertions, likely generated from outside the region, appear intended to infringe upon the rights of Russian citizens present here as tourists or for business purposes and to undermine the traditionally friendly relations between Russia and Thailand.

The position of the Russian Ministry of Foreign Affairs regarding the Thai–Cambodian conflict is well known and was reiterated by the Ministry’s spokeswoman during a briefing on December 11, 2025:

“Russia has a lasting track record of upholding its traditional friendship and promoting cooperation with Thailand and Cambodia. We want all disputes to be resolved by peaceful means only.”

https://www.facebook.com/share/p/1Bkd9xiMXM

ผู้กำกับการคนใหม่ สภ.ปากเกร็ด เดินหน้าปรับโฉมโรงพัก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

ผู้กำกับการ สภ.ปากเกร็ด เดินหน้าจัดระเบียบ เคลียร์รถต้องคดี พร้อมนำกำลังจิตอาสาพัฒนาพื้นที่ ปรับภาพลักษณ์โรงพักให้น่าใช้ อำนวยความสะดวกประชาชน ควบคู่กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติวันพ่อแห่งชาติ

ภายหลังสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด ได้มีผู้กำกับการคนใหม่เข้ารับตำแหน่งเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา บรรยากาศการทำงานภายในสถานีตำรวจเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม โดย พ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด ได้กำหนดแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาภาพลักษณ์ของโรงพัก ควบคู่กับการจัดระเบียบพื้นที่ภายใน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางมาติดต่อราชการ แจ้งความ และร้องทุกข์

หนึ่งในภารกิจสำคัญภายใต้นโยบายดังกล่าว คือการดำเนินการเคลื่อนย้ายรถต้องคดีที่จอดค้างสะสมเป็นเวลานานออกจากพื้นที่ภายในสถานีตำรวจ เพื่อเคลียร์พื้นที่และเพิ่มจุดจอดรถสำหรับประชาชนให้มีความสะดวก ปลอดภัย และเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวปากเกร็ดเป็นสำคัญ

ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00 น.
พ.ต.อ.อดิเรก ทองแกมแก้ว ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด ได้นำข้าราชการตำรวจชุดจิตอาสา พร้อมด้วยนักเรียนนายสิบตำรวจซึ่งอยู่ระหว่างฝึกปฏิบัติราชการ ร่วมกันจัดกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ภายในบริเวณสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด อาทิ การทำความสะอาด การจัดระเบียบพื้นที่ และการปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบสถานีตำรวจ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโฉมโรงพักให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและพร้อมให้บริการประชาชนมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมจิตอาสาดังกล่าว นอกจากจะเป็นการพัฒนาภาพลักษณ์และยกระดับการให้บริการของสถานีตำรวจแล้ว ยังเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดี เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2568 อีกด้วย

“รองโจ๊ก” ยื่นฟ้อง “รองประธานศาลปกครองสูงสุดและองค์คณะ” รวม 61 ราย ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ย้ำสู้เพื่อศักดิ์ศรี

เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อยื่นฟ้องรองประธานศาลปกครองสูงสุด พร้อมองค์คณะและ ธุรการศาลปกครอง รวม 61 คน ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตนเอง จากการมีมติในคดีที่เกี่ยวข้องกับตน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า วันนี้พบพฤติการณ์การกระทำความผิดเพิ่มเติม จึงเข้ายื่นฟ้องในส่วนนี้เพิ่มเติมจากที่เคยยื่นฟ้องไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยเห็น ว่าการประชุมใหญ่ของศาลปกครองมีมติที่ละเมิดกฎหมาย ส่งผลให้ตนได้รับความเสียหาย จึงจำเป็น ต้องใช้สิทธิทางกฎหมาย เพื่อให้กระบวนการ ยุติธรรมเป็นไปอย่างอิสระ เป็นกลาง และไม่ถูกชี้นำใด ๆทั้งนี้ การยื่นฟ้องดังกล่าวเป็นการดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 172 หลังจากนี้ จะเป็นหน้าที่ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

ในประเด็นคดี “บัญชีม้า”ที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ อดีตรองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.พระสมุทรเจดีย์ ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษายกฟ้องนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า จากคำพิพากษาศาลพบว่า บัญชีทั้งสองบัญชีไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน และไม่มีเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับการพนันออนไลน์ อีกทั้งจำเลยสามารถ พิสูจน์ได้ว่าเป็นธุรกรรมจากการกู้ยืมเงินจาก พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน ซึ่งมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนและมีคำสั่งให้ออกจากราชการในวันเดียวกัน หากมีการเปิดโอกาสให้ตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับเส้นเงินเว็บพนัน แต่กลับไม่มีการสอบสวนอย่างเป็นธรรม และมีการเร่งรัดสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นการกระทำที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับข้าราชการตำรวจรายใดมาก่อน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้มุ่งหวังตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อ ศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิที่สั่งสมมาตลอดชีวิตราชการพร้อมฝากถึงประชาชนที่ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมให้ยืนหยัดต่อสู้บนหลักกฎหมาย อย่างอมืองอเท้า ก็จะได้ความยุติธรรมแบบที่ตนกำลังจะได้รับและเชื่อมั่นว่าความ ยุติธรรมในประเทศไทยยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในกระบวนการของศาลยุติธรรม

ไทย-จีน ปึ้ก! “ผู้ช่วยก้อง” เปิดบ้านต้อนรับ หลิว จงอี้ ผู้ช่วย รมต.จีน โชว์ผลงานจับกุม ผู้ต้องหาสำคัญของจีน ลุยแลกข้อมูลทลายรัง Scam Center

วันนี้ (16 ธ.ค.68) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บรรยากาศความร่วมมือไทย-จีน สุดชื่นมื่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. ให้การต้อนรับคณะผู้แทนระดับสูงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน นำโดย นายหลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ พร้อมเดินหน้ากวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติเต็มสูบ

ไฮไลท์สำคัญของภารกิจ มีการเปิดห้องหารือ-โชว์เขี้ยวเล็บศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงฯ ACSC

โดยคณะทำงานไทย-จีน หารือข้อราชการ ณ ห้องพรหมนอก สตช. บรรยากาศเต็มไปด้วยมิตรภาพ จากนั้น พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. นำทีมจีนเยี่ยมชม ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) โชว์ศักยภาพเทคโนโลยี และความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น ธนาคาร, เครือข่ายโทรศัพท์,​ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ในการปราบโจรไซเบอร์ของไทย สร้างความประทับใจให้คณะผู้แทนจีนอย่างมาก

นอกจากนี้ยังมีการโชว์ผลงานชิ้นโบแดง รวบ MR.YUANKE SONG ผู้ต้องหารายสำคัญของจีน ซึ่งก่อเหตุ “พยายามติดสินบนเจ้าพนักงาน (ฮั้วประมูล)” คาบ้านหรู ซึ่งก่อความเสียหายที่ประเทศจีนกว่า 270 ล้านบาท เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ซึ่งกรณีดังกล่าวได้ดำเนินการเพิกถอนวีซ่า (ตม.83) ทันที เตรียมส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่จีนตามกฎหมาย ซึ่งการจับกุมดังกล่าวเกิดจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน หลังจากที่คณะของ พล.ต.ท.จิรภพฯ เดินทางไปประชุมร่วมประชุมรัฐมนตรี 6 ชาติ ณ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนพิกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Location Sharing) ของกลุ่ม ซึ่งทางจีนยืนยันว่าข้อมูลการสืบสวนของไทย ตรงกันกับฐานข้อมูลของจีน ซึ่งจะนำไปสู่การวางแผนทลายรังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร่วมกันในเร็วๆ นี้

การเยือนครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเยี่ยมชม แต่เป็นการ “การันตี” ว่า ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. มีความเอาจริงเอาจังในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และพร้อมเป็นพันธมิตรร่วมกันในการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงคนไทยให้มีรูปธรรมมากขึ้น

ศาลอาญา ให้ประกันตัว “จิรัฏฐ์” อดีต สส.ปชน. 1 แสนบาท คดีปลอมใบ สด.43 พร้อมอุทธรณ์สู้ต่อ

วันนี้ (16 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจาก นายจิรัฏฐ์ หรือ นวรินทร์ ทองสุวรรณ์ อดีต สส.จังหวัดฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน (ปชน.) ถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีปลอมใบ สด. 43 โดยเจ้าตัวได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว โดยมีนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และน.ส.เบญจา แสงจันทร์ อดีต สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เดินทางมาให้กำลังใจ

ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน ศาลอาญาพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้นายจิรัฏฐ์ จำเลยประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 100,000 บาท ไม่กำหนดเงื่อนไข

นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะดำเนินการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อไป ส่วนกรณีที่โดนพิพากษาจำคุก 2 ปี ยอมรับว่าผิดหวัง แต่ถือว่าคดียังไม่สิ้นสุด และยังมีหลายประเด็นที่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ได้เอ่ยถึง จึงจะนำไปยื่นอุทธรณ์ต่อ

ตบชายไทยฟอร์มดุ! สยบเวียดนาม 3-0 ลิ่วตัดเชือกชนฟิลิปปินส์ ศึกวอลเลย์บอลซีเกมส์

นักตบชายไทยระเบิดฟอร์มเก่ง ตบชนะเวียดนามขาดลอย 3-0 เซต คว้าแชมป์สายเอ เข้ารอบรองชนะเลิศ ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เตรียมดวลฟิลิปปินส์ ลุ้นตั๋วชิงเหรียญทอง

การแข่งขันวอลเลย์บอลในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก กรุงเทพฯ ทีมวอลเลย์บอลชายทีมชาติไทยโชว์ฟอร์มแกร่ง เอาชนะทีมชาติเวียดนามไปอย่างเด็ดขาด 3-0 เซต (25-23, 25-19, 25-17) ในนัดสุดท้ายของรอบแรก กลุ่มเอ คว้าอันดับ 1 ของสาย พร้อมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับทีมชาติฟิลิปปินส์

ก่อนหน้านี้ ทีมนักตบสาวไทยเพิ่งสร้างความสุขให้แฟนกีฬา ด้วยการเฉือนเอาชนะเวียดนาม 3-2 เซต คว้าแชมป์ไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทัพวอลเลย์บอลไทยสามารถเอาชนะเวียดนามได้ทั้งประเภททีมชายและทีมหญิงในซีเกมส์ครั้งนี้

ชัยชนะนัดดังกล่าว ยังถือเป็นการ “ล้างตา” ของทีมตบชายไทย หลังจากซีเกมส์ครั้งที่แล้วที่ประเทศกัมพูชา ไทยเคยเอาชนะเวียดนามในรอบแรก แต่กลับพ่ายในรอบชิงเหรียญทองแดง ทำให้จบอันดับ 4 เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน รวมถึงเป็นการแก้มือจากการแข่งขันวอลเลย์บอลซีวีลีกปีนี้ ที่ไทยพ่ายเวียดนามทั้งสองสนาม

สำหรับผลการแข่งขันในกลุ่มเอ หลังจบรอบแรก ทีมชาติไทยคว้าอันดับ 1 มี 9 คะแนนเต็มจากการชนะ 3 นัดรวด ขณะที่เวียดนามตามมาเป็นอันดับ 2 มี 6 คะแนน ส่วนสิงคโปร์จบอันดับ 3 มี 3 คะแนน และลาวจบอันดับ 4 แพ้ทั้ง 3 นัด

โปรแกรมการแข่งขัน วันพุธที่ 17 ธันวาคม พักการแข่งขัน 1 วัน ก่อนเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในวันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม โดยอินโดนีเซียจะพบเวียดนาม เวลา 15.00 น. ขณะที่ทีมชาติไทยจะลงสนามพบฟิลิปปินส์ เวลา 17.30 น. ส่วนรอบจัดอันดับ เวลา 12.30 น. เมียนมาร์ พบ ลาว เพื่อชิงอันดับ 7