“จุลพันธ์” นำทีม “เพื่อไทย” ฟังเสียง “คนชายแดน” ชี้ภาคธุรกิจกระทบหนักรัฐต้องช่วยให้เหมาะสม ลั่นอยากให้เรื่องสงบ ห่วง “อนุทิน” ไม่คิดเจรจา

95

สระแก้ว, วันที่ 20 ธ.ค. – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีต รมว.ท่องเที่ยวฯ, น.ส. ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ อดีต รมช.มหาดไทย, น.ส. ขัตติยา สวัสดิผล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ, นายสุรเกียรติ เทียนทอง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และว่าที่ผู้สมัคร สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมายังโรงแรมโอดินา อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เพื่อรับฟังปัญหาและพูดคุยกับภาคธุรกิจ หาแนวทางแก้ไขและการเยียวยาประชาชน

นายจุลพันธ์ กล่าวว่ารัฐบาลปัจจุบันไปโฟกัสเรื่องเลือกตั้งมากกว่าการแก้ไขปัญหาของประชาชนตามชายแดน ซึ่งตนเห็นว่าพื้นที่ชายแดนที่โดนปิดด่าน ส่งผลกระทบภาคธุรกิจอย่างหนัก เพราะไม่สามารถส่งออกได้ ซึ่งมาตรการการช่วยเหลือภาคธุรกิจนั้น ตนเห็นว่าต้องมีความเหมาะสม และไม่ควรใช้ตามเกณฑ์เดิม เพราะผลกระทบครั้งนี้ต่อภาคธุรกิจถือว่ารุนแรง

“พรรคเพื่อไทยพยายามอย่างยิ่งที่ไม่ให้เกิดการปะทะ เพราะคนที่เชียร์ไม่รู้ว่าคนชายแดนจะทรมานแค่ไหน ไม่มีสงครามไหนจบด้วยกระสุน ผมห่วงท่าทีรัฐบาลอนุทินนะ เพราะยังไม่มีแนวโน้มที่จะเดินหน้าไปสู่การเจรจาเพื่อจบปัญหา คนหลายคนต้องมานอนตามวัด ไม่มีใครมีความสุขหรอกครับ เรารับทราบปัญหาและจะนำเรื่องนี้เพื่อไปหาทางออกให้เป็นรูปธรรม ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยต้องการคืนความปกติให้เร็วที่สุด” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าว

ด้านนายสรวงศ์ กล่าวย้ำว่าวันนี้เพื่อไทยไม่ได้มาหาเสียง แต่เพื่อไทยต้องการมารับฟังปัญหาและข้อเสนอจากประชาชนโดยตรง เพื่อนำไปจัดทำนโยบายให้ครอบคลุมทุกมิติ เพราะปัญหาที่สระแก้วรอบนี้ถือว่ากระทบหนัก ทั้งในส่วนภาคประชาชนและภาคธุรกิจที่เจอปัญหาปิดด่านชายแเดน “ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะผลักดันเรื่องปัญหาของสระแก้วเข้าไปในรัฐสภา เพื่อหาทางออกให้ประชาชน จริงๆ แล้วสระแก้วคือพื้นที่ที่มีศักยภาพ แต่ก็ต้องมาเจอปัญหาอย่างสงคราม”

ช่วงหนึ่งตัวแทนหอการค้า จังหวัดสระแก้ว กล่าวว่าหลังจากการปิดด่านชายแดน เหมือนเป็นทางตันของภาคธุรกิจ เพราะสูญเสียโอกาสที่จะดำเนินการธุรกิจส่งออก

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยังเสริมว่า เงินเยียวยาครั้งก่อนเพียง 2,000 บาทนั้น ไม่เพียงพอต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังเกิดกระทบไปยังภาคส่วนอื่นๆ เช่นเด็กนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ ทำให้เด็กที่สระแก้วต้องเสียเปรียบจังหวัดอื่นในแง่พัฒนาการด้านการศึกษา ในส่วนการฟื้นฟู รัฐบาลต้องมีมาตรการเยียวยาทั้งภาคธุรกิจ โดยเฉพาะรายย่อยที่ขาดเงินทุนหมุนเวียน รัฐบาลควรจะเติมสภาพคล่องเพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กกลับมายืนได้อีกครั้ง

ขณะที่ตัวแทนฝ่ายปกครองในพื้นที่การสู้รบ ระบุว่าวันนี้ภาคธุรกิจเสียโอกาสในการส่งสินค้าไปยังกัมพูชา นอกจากนี้คู่ค้าจากกัมพูชาก็ไม่สามารถจ่ายค่าสินค้าที่เคยส่งออกไปก่อนความขัดแย้งจะเกิดขึ้น ทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่าย จากสินค้าที่ไม่สามารถส่งออกมานานหลายเดือน

ทั้งนี้ ประชาชนตามแนวชายแดนรู้สึกไม่มั่นคง เพราะไม่รู้ว่าระเบิดจะลงตอนไหน จึงอยากให้เรื่องนี้จบและอยากให้ภาครัฐออกมาให้ความชัดเจนเรื่องเยียวยา