‘สธ.’ เผย ปีใหม่ยอดเสียชีวิตรวม 317-บาดเจ็บรวม 3,188 ลดลงเทียบปี 60

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวว่า จากรายงานการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน วันที่ 1 มกราคม 2561 เกิดอุบัติเหตุ 677 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 71ราย ผู้บาดเจ็บ 696 คน รวม 5 วัน เกิดอุบัติเหตุ 3,056 ครั้ง เมื่อเทียบกับปี 2560 ในช่วงเวลาเดียวกัน ลดลง 70 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 317 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,188 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ศรีษะเกษ 13 ราย บาดเจ็บสูงสุด คือ อุดรธานี 118 คน  ทั้งนี้ สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่เมาสุรา ร้อยละ 46.04 รองลงมาคือขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 24.71 และจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบมีผู้ขับขี่ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ดื่มสุรา763 คน คิดเป็นร้อยละ 23.75 ของผู้ขับขี่ที่อายุต่ำกว่า 20 ปีที่เกิดอุบัติเหตุทั้งหมด

ทั้งนี้ ประชาชนเริ่มเดินทางกลับเข้าทำงานหลังวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ จากปีที่ผ่านมาพบผู้บาดเจ็บจากการจราจร จากการหลับใน เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดอาการง่วงนอน หรือมีอาการเมาค้างจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลต่อการขับขี่พาหนะ ทำให้ประสาทสัมผัสช้าลง การตัดสินใจผิดพลาด เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จึงขอย้ำเตือนผู้ขับขี่ให้เตรียมร่างกายให้พร้อมเดินทาง หากระยะทางไกลควรมีผู้ผลัดเปลี่ยนขับรถ หรือแวะพักตามจุดพักรถ หากเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถโทรขอความช่วยเหลือ ที่หมายเลข 1669 ได้ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง


 

‘วัฒนา’ จวก คณะประยุทธ์ เข้าบ้าน ‘ป๋าเปรม’

นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงกรณีการเปิดบ้านสี่เสาของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีพร้อมข้าราชการระดับสูงเข้าอวยพรปีใหม่

นายวัฒนา โพสเฟสบุ๊กโดยมีเนื้อหาใจความดังนี้

“คนดี”

การเปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เจ้าของวลี “เลิกคบค้าและเลิกไหว้คนโกง” ให้พลเอกประยุทธ์และคณะเข้าอวยพรปีใหม่ได้สร้างความสับสนให้สังคม เพราะคนที่มาอวยพรมีทั้งพวกที่ยึดอำนาจที่ประชาคมโลกถือว่าเป็นความเลวขั้นอุกฤษณ์ บางประเทศจึงรังเกียจไม่ยอมให้ทั้งเจ้าตัวและลูกเมียเข้าประเทศ ยังมีพวกไม่รักษาสัจจะ ไม่เคารพกฎหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชน บางคนเกษียณแล้วยังอยู่บ้านหลวง บางคนไม่อาจชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน ทั้งหมดคือ “คนดี” ที่พลเอกเปรมคบค้าเปิดบ้านต้อนรับ

สังคมไทยถูกฉาบด้วยวาทกรรม “คนดี” ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ใช้ทำลายฝ่ายตรงข้ามและยังเป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจ ในขณะที่ประชาชนต้องรับเคราะห์เพราะได้คนไร้สติปัญญามาบริหารประเทศ โชคดีที่เป็นสังคมออนไลน์ทำให้ประชาชนได้เห็นพฤติกรรมของเหล่าคนดีที่เริ่มจนตรอก บางคนลอยหน้าลอยตาอบรมคนอื่นแต่รับเงินจากผู้กระทำความผิดฐานฟอกเงิน หรือเจ้าของวลีแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน กลายเป็นผู้อบรมข้าราชการให้สร้างความโปร่งใสในการทำงานให้ประชาชนเชื่อมั่น

นักการเมืองคือเป้าหมายที่คนดีสุมหัวจ้องทำลาย ซึ่งต้องยอมรับว่านักการเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดี มีทั้งกลุ่มคนที่เคยเรียกทหารออกมายึดอำนาจ หรือไม่มีอุดมการณ์ และพวกที่ต่อสู้กับเผด็จการเพื่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน อย่างไรก็ตามนักการเมืองจะเข้าสู่อำนาจได้ก็ต้องผ่านการเลือกตั้งและถูกตรวจสอบได้ ต่างจากพวกคนดีที่ยึดอำนาจแล้วนิรโทษกรรมตัวเองหนีการตรวจสอบ รวมทั้งใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจัดการฝ่ายตรงข้ามที่กล้าวิจารณ์ตัวเอง ถึงเวลาหรือยังที่สังคมไทยจะหันมาให้คุณค่ากับประชาธิปไตย เคารพสิทธิและเสรีภาพของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพของตนและไม่ยอมให้ผู้มีอำนาจใช้เป็นเครื่องมือ ปีใหม่ 2561 เลิกนับถือคนดีจอมปลอมเป็นของขวัญให้กับตัวเองจะเกิดความเป็นสิริมงคลกับชีวิต โชคดีทุกท่านครับ


 

นายกฯ พร้อมภริยา ลงนามถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์นราพร จันทร์โอชา ภริยา เดินทางมาลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ณ ห้องแดง ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2561 โดยนายกรัฐมนตรีได้ถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมถวายแจกันดอกไม้ ในนามนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี และแจกันดอกไม้ในนามหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีและภริยาได้ลงนามถวายพระพรชัยมงคลฯ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและภริยาถวายความเคารพพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นเสร็จภารกิจ


 

นายกฯ ดีใจเศรษฐกิจปีใหม่คึกคัก เงินหมุนเวียน 5.7 หมื่นลบ.


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานว่า การจับจ่ายใช้สอยของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่เป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะที่ตลาดสดและห้างสรรพสินค้า โดยประชาชนที่กลับไปเยี่ยมบ้านและพักผ่อนในวันหยุดได้ออกไปซื้ออาหารสด เพื่อนำไปปรุงรับประทานกับครอบครัว ซึ่งในปีนี้มีราคาไม่แพง ทั้งเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผักและผลไม้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระทรวงพาณิชย์ได้ควบคุมราคาอย่างเหมาะสม

“นายกฯ ดีใจที่เห็นบรรยากาศเช่นนี้ โดยรัฐบาลพยายามออกมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้กับประชาชน เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยสนับสนุนค่าครองชีพและการเดินทาง หรือช้อปช่วยชาติ ที่แม้ว่าในปีนี้จะออกมาเร็วกว่าปีก่อน ๆ แต่ผู้ประกอบการก็มีแนวทางส่งเสริมการขายไปตลอดทั้งช่วงเทศกาล”

นอกจากนี้ ยังพบว่า มีประชาชนเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดและกลับภูมิลำเนาในสัดส่วนเพิ่มขึ้น เพราะให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่าการทำกิจกรรมที่ไม่จำเป็นอื่น ๆ โดยนิยมไปทำบุญไหว้พระ สังสรรค์กับญาติมิตร และซื้อของขวัญของฝากให้แก่ผู้อื่น โดยธนาคารออมสินได้คาดการณ์ว่าพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยจะจับจ่ายใช้สอยรวมกันประมาณ 57,000 ล้านบาท เฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 3,765 บาท ในช่วงเทศกาลนี้

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงเรื่องการขับขี่ยานพาหนะและการเดินทาง โดยขอให้ทุกคนใช้ความระมัดระวัง ช่วยตักเตือนกันเองภายในครอบครัว และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา