หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"รองโจ๊ก" ยื่นฟ้อง "รองประธานศาลปกครองสูงสุดและองค์คณะ" รวม 61 ราย ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ย้ำสู้เพื่อศักดิ์ศรี

“รองโจ๊ก” ยื่นฟ้อง “รองประธานศาลปกครองสูงสุดและองค์คณะ” รวม 61 ราย ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ย้ำสู้เพื่อศักดิ์ศรี

เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อยื่นฟ้องรองประธานศาลปกครองสูงสุด พร้อมองค์คณะและ ธุรการศาลปกครอง รวม 61 คน ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตนเอง จากการมีมติในคดีที่เกี่ยวข้องกับตน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า วันนี้พบพฤติการณ์การกระทำความผิดเพิ่มเติม จึงเข้ายื่นฟ้องในส่วนนี้เพิ่มเติมจากที่เคยยื่นฟ้องไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยเห็น ว่าการประชุมใหญ่ของศาลปกครองมีมติที่ละเมิดกฎหมาย ส่งผลให้ตนได้รับความเสียหาย จึงจำเป็น ต้องใช้สิทธิทางกฎหมาย เพื่อให้กระบวนการ ยุติธรรมเป็นไปอย่างอิสระ เป็นกลาง และไม่ถูกชี้นำใด ๆทั้งนี้ การยื่นฟ้องดังกล่าวเป็นการดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 172 หลังจากนี้ จะเป็นหน้าที่ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

ในประเด็นคดี “บัญชีม้า”ที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ อดีตรองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.พระสมุทรเจดีย์ ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษายกฟ้องนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า จากคำพิพากษาศาลพบว่า บัญชีทั้งสองบัญชีไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน และไม่มีเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับการพนันออนไลน์ อีกทั้งจำเลยสามารถ พิสูจน์ได้ว่าเป็นธุรกรรมจากการกู้ยืมเงินจาก พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน ซึ่งมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนและมีคำสั่งให้ออกจากราชการในวันเดียวกัน หากมีการเปิดโอกาสให้ตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับเส้นเงินเว็บพนัน แต่กลับไม่มีการสอบสวนอย่างเป็นธรรม และมีการเร่งรัดสั่งให้ออกจากราชการ ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นการกระทำที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับข้าราชการตำรวจรายใดมาก่อน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ย้ำว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้มุ่งหวังตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อ ศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิที่สั่งสมมาตลอดชีวิตราชการพร้อมฝากถึงประชาชนที่ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมให้ยืนหยัดต่อสู้บนหลักกฎหมาย อย่างอมืองอเท้า ก็จะได้ความยุติธรรมแบบที่ตนกำลังจะได้รับและเชื่อมั่นว่าความ ยุติธรรมในประเทศไทยยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในกระบวนการของศาลยุติธรรม

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img