“ผู้ว่าฯชัชชาติ​ “นำจิตอาสาพัฒนา “คลองแสนแสบ” เฉลิมพระเกียรติวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ รัชกาลที่ 9

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดทำโครงการจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้ข้าราชการและประชาชนมีจิตสำนึกสาธารณะ รักบ้านเมือง รู้รักสามัคคี ร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อสังคม บรรเทาความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาให้แก่เพื่อนร่วมชาติ ตลอดจนเพื่อให้ประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน กรุงเทพมหานครมีความปลาบปลื้มปิติเป็นล้นพ้น ที่ได้น้อมนำโครงการฯ มาสืบสาน ขยายผล โดยระดมพลังความรัก ความสามัคคีทั้งของหน่วยงานในพระองค์ หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ชุมชน และประชาชน ร่วมปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการพัฒนาในทุก ๆ ด้าน อย่างยั่งยืน

โดยวันนี้ (17 ธ.ค.68) เวลา 08.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ บริเวณวัดเทพลีลา แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ

“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยข้าราชการ จิตอาสาพระราชทาน ประชาชนจิตอาสา หน่วยราชการ ภาคเอกชนและพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ต่างร้อยจิตมั่น ร้อยรวมดวงใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดี และน้อมรำลึก ในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงปฏิบัติตามพระราชปณิธาณด้วยพระราชหฤทัยอันมุ่งมั่น ทรงครองแผ่นดิน โดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์ โดยถ้วนหน้า ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยพระราชวิริยอุตสาหะ เพื่อให้ทวยราษฎร์ มีความผาสุก ร่มเย็น และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทรงค้นคิดวิธีคลี่คลายบรรเทา ปัญหาของราษฎรผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงพระกรุณา พระราชทาน “ศาสตร์พระราชา” เพื่อเป็นแนวทางให้ราษฎรพึ่งพาตนเองได้อย่าง เข้มแข็งและยั่งยืน ใช้ผืนแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด


ดังเห็นได้จากโครงการ มากกว่า 4,000 โครงการ อันเกิดจากพระปรีชาสามารถของพระองค์ ล้วนได้รับยกย่องสดุดีพระเกียรติคุณ ทั้งภายในประเทศ และจากนานาประเทศ ว่าเป็นผลงานที่ทรงคุณค่า อำนวยประโยชน์อย่างยิ่ง แก่ปวงพสกนิกร ชาวไทย ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ประเทศต่าง ๆ หลายประเทศ นำไปเป็นแนวคิดในการพัฒนาประเทศต่อไป ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันล้นพ้น ที่ทรงมีต่อปวงประชาประดุจดั่ง “พ่อของแผ่นดิน” พระองค์จึงสถิต แนบแน่นอยู่ในดวงหทัย ทั้งทรงเป็นมิ่งขวัญ เป็นกำลังใจ และกำลังศรัทธา ของชาวไทยทุกหมู่เหล่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จึงขอรวมจิตพร้อมน้อมแสดงความจงรักภักดี เทิดทูนพระองค์ไว้เหนือเกล้า เหนือกระหม่อม ตราบนิจนิรันดร์ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร 
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

สำหรับกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาในวันนี้ เป็นกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาคลองแสนแสบ จากวัดเทพลีลา ถึงวัดพระไกรสีห์ ระยะทาง 900 เมตร ประกอบด้วย การทาสีผนังเขื่อน ฉีดล้างทําความสะอาดผนังเขื่อน ทาสีสัญลักษณ์จราจร ปลูกต้นเฟื่องฟ้า บํารุงต้นไม้ ตัดแต่งกิ่งไม้ ปรับปรุงภูมิทัศน์ จัดเก็บขยะในคลองแสนแสบและทางเดินริมคลอง

กิจกรรมในวันนี้ นายณรงค์ เรืองศรี ปลัดกรุงเทพมหานคร นายธนิต ตันบัวคลี่ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ สำนักการแพทย์ สำนักงานเขตบางกะปิ สำนักงานเขตวังทองหลาง พร้อมเจ้าหน้าที่จากกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ จำนวน 25 คน กองระบบคลอง สำนักการระบายน้ำ จำนวน 125 คน สำนักงานเขตบางกะปิ จำนวน 50 คน สำนักงานเขตวังทองหลาง จำนวน 50 คน รวม 250 คน ร่วมกิจกรรมจิตอาสา

เปิดม่านหมอกปลายด้ามขวาน เที่ยวอุทยานฯ น้ำตกทรายขาว ชมทะเลหมอกแดนใต้ รับศักราชใหม่ 2569

ลมหนาวอ่อนๆ หมอกขาวลอยคลอเหนือผืนป่า ปัตตานีชวนออกเดินทางสู่ธรรมชาติบริสุทธิ์ ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว จุดหมายรับปีใหม่ที่มากกว่าการท่องเที่ยว คือการพักใจท่ามกลางความสงบงามของแดนใต้

“ทะเลหมอกแดนใต้ เสน่ห์เงียบงามแห่งอุทยานฯ น้ำตกทรายขาว”

เมื่อฤดูหนาวย่างกรายลงสู่ปลายด้ามขวานของประเทศไทย อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว จังหวัดปัตตานี กลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติไม่ควรพลาด โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 ที่ธรรมชาติราวกับจัดฉากต้อนรับผู้มาเยือนอย่างงดงาม

ไฮไลต์สำคัญของที่นี่คือปรากฏการณ์ “ทะเลหมอกแดนใต้” ม่านหมอกสีขาวบางลอยละล่องเหนือผืนป่าเขียวขจีในยามเช้า สร้างภาพงดงามแปลกตาไม่แพ้แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังทางภาคเหนือ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมทะเลหมอกได้อย่างใกล้ชิด พร้อมสัมผัสอากาศเย็นสบายที่หาได้ยากในภาคใต้

นอกจากความประทับใจจากทะเลหมอกแล้ว อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวยังอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันสมบูรณ์ ทั้ง น้ำตกทรายขาว ที่ไหลลดหลั่นท่ามกลางโขดหินและผืนป่าอันร่มรื่น เหมาะแก่การเดินเล่น พักผ่อน และปล่อยใจให้เป็นอิสระจากความเร่งรีบของชีวิตเมือง

อีกหนึ่งจุดแวะสำคัญ คือ องค์พระใหญ่ ที่ประดิษฐานอยู่ภายในอุทยานฯ เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวและผู้มีจิตศรัทธาได้สักการะ ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล เสริมพลังใจในการเริ่มต้นปีใหม่อย่างสงบและมีความหมาย

การมาเยือนอุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวในช่วงเทศกาลนี้ จึงไม่ใช่เพียงการท่องเที่ยว แต่คือการเดินทางเพื่อพักกาย พักใจ ท่ามกลางธรรมชาติบำบัดอันงดงามของแดนใต้ และสร้างความทรงจำดีๆ เพื่อต้อนรับศักราชใหม่ด้วยพลังบวก

ทั้งนี้ อุทยานฯ ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทุกท่านร่วมกันรักษาความสะอาด และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้ความงดงามแห่งนี้คงอยู่คู่ปัตตานีและนักเดินทางไปอีกยาวนาน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว จังหวัดปัตตานี
Namtok Sai Khao National Park

รองเท้าแก้ว

อย. – สมาคมการค้ายูโรเปียนฯ ร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และหารือความร่วมมือ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพ

อย. ร่วมกับสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และหารือความร่วมมือเพื่อยกระดับการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ยา เครื่องสำอาง และอาหาร

เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวต้อนรับคณะผู้แทนจากสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ (The European Association for Business and Commerce: EABC) ว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีความยินดีที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและหารือความคืบหน้าของการดำเนินงานกับคณะผู้แทน EABC ใน 4 ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ 1) กลไกในการส่งเสริมการเข้าถึงยาของประชาชน อาทิ การดูแลสุขภาพเบื้องต้นด้วยตนเอง (Self-care) และการแบ่งรับความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายยาผ่านข้อตกลงระหว่างภาครัฐและบริษัทผู้จำหน่ายยา (Risk Sharing Agreement หรือ Managed Entry Agreement) 2) กฎระเบียบด้านเครื่องสำอาง 3) ฉลากโภชนาการของอาหาร และ 4) การป้องกันและปราบปรามการละเมิดจากผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายในออนไลน์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

เลขาธิการฯ อย. กล่าวสรุปว่า จากการหารือร่วมกันในวันนี้ อย. พร้อมสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์และยินดีให้ความร่วมมือในการดำเนินงานร่วมกับ EABC โดยเน้นย้ำถึงวิสัยทัศน์ของ “อย. ยุคใหม่” ที่เป็นองค์กรก้าวหน้าพร้อมทำงานร่วมกับทั้งผู้ผลิตในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานวิจัย เพราะความสำเร็จของการทำงานเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือในทุกภาคส่วน และการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้เสียจะช่วยให้การทำงานของ อย. มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ตม.สนามบินสกัด“ตัวการใหญ่สแกมเมอร์จีน” ผู้ต้องหาหมายแดงอินเตอร์โพล มูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท หนีไม่รอด ขณะเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอกย้ำบทบาท “ด่านหน้าแห่งความมั่นคง” สกัดอาชญากรข้ามชาติรายสำคัญ หลังจับกุม ผู้ต้องหาหมายแดง INTERPOL ตัวการแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ หลอกลงทุนเหยื่อชาวจีนกว่า 500 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านหยวน หรือกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะพยายามหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

การจับกุมครั้งนี้ เป็นไปตามข้อสั่งการของพล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบช.ศ. ปฏิบัติราชการ สตม. และ พล.ต.ต.คธาธร คำเที่ยง ผบก.ตม.2 ที่กำชับให้ ยกระดับการคัดกรองบุคคลเข้า–ออกประเทศอย่างเข้มข้น เพื่อรับมือภัยอาชญากรรมข้ามชาติและภัยความมั่นคงในทุกรูปแบบ

จับกุมกลางสนามบิน ใช้พาสปอร์ตปลอม หวังตัดรอยหมายแดง

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.68 เวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นำโดย​ พ.ต.อ.พงศ์ธร พงศ์รัชตนันทน์ รอง ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.สส.ปป.บก.ตม.2 และชุดปฏิบัติการของ พ.ต.ต.ดิษฐภัท เรืองหัตถาการ สว.กก.สส.ปป.บก.ตม.2

ได้ร่วมกัน จับกุม นายหวง (Mr. HUANG) สัญชาติจีน อายุ 44 ปี ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ โดยพบว่าแสดงตนด้วยหนังสือเดินทางเม็กซิโกปลอม ใช้ชื่อว่า Mr. GOL GOO จากการตรวจค้น พบหนังสือเดินทางจีนฉบับจริงซุกซ่อนอยู่ในความครอบครอง

เปลี่ยนสัญชาติ-เปลี่ยนชื่อ เพื่อหนีหมายแดง INTERPOL

การตรวจสอบเชิงลึกพบว่า นายหวง ถือวีซ่า Thailand Privilege Card ซึ่งยังไม่หมดอายุและสามารถพำนักในประเทศไทยได้อีกหลายปี แต่กลับเลือกใช้หนังสือเดินทางปลอม ทั้งที่การกระทำดังกล่าวทำให้สิทธิการพำนักลดลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ

เมื่อตรวจสอบฐานข้อมูล พบว่า ชื่อในหนังสือเดินทางจีนของนายหวง มีหมายแดง (Red Notice) ขององค์การตำรวจสากล (INTERPOL) พ.ต.อ.พงศ์ธรฯ รอง ผบก.ตม.2 จึงประสานตำรวจประจำสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ก่อนยืนยันชัดเจนว่า นายหวง คือผู้ต้องหาตัวการสำคัญของเครือข่ายสแกมเมอร์ที่ทางการจีนต้องการตัว

เปิดเส้นทางอาชญากรรมข้ามชาติ ฐานปฏิบัติการเมียวดี

จากการสืบสวนพบว่า นายหวง หลบหนีออกจากประเทศจีนตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 ผ่านช่องทางธรรมชาติในมณฑลยูนนาน เข้าสู่ประเทศเมียนมา
ต่อมาในช่วงปี พ.ศ.2565–2567 ได้ร่วมกับเครือข่ายอาชญากรตั้งฐานปฏิบัติการแก๊งสแกมเมอร์ในพื้นที่ New Taichang Park บริเวณพื้นที่ Kyaukhat เมืองเมียวดี ฝั่งตรงข้ามบ้านห้วยแล้ง อำเภอพบพระ จังหวัดตาก

พฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าว คือการสร้างแพลตฟอร์มลงทุนเงินตราปลอม ใช้โซเชียลมีเดียล่อลวงเหยื่อ โดยสวมบท “นักธุรกิจโสด ฐานะดี” สร้างความไว้ใจ ให้ผลตอบแทนสูงในช่วงแรก ก่อนปิดระบบ–เชิดเงิน–ตัดการติดต่อ ทำให้เหยื่อชาวจีนกว่า 500 รายสูญเงินจำนวนมหาศาล

ดำเนินคดีไทย–เตรียมส่งต่อจีน

เบื้องต้น ตม.สนามบิน ได้แจ้งข้อกล่าวหา
“ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอม”
พร้อมนำตัวผู้ต้องหาและของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ตม.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายไทย
ก่อนประสานความร่วมมือกับทางการจีน เพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศต่อไป

ตม.สนามบิน : ด่านหน้าแห่งความมั่นคงของชาติ

ด้าน พล.ต.ต.คธาธร คำเที่ยง ผบก.ตม.2 เปิดเผยว่า
ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสนามบินมีบทบาทสำคัญในฐานะ “ด่านหน้าแห่งความมั่นคงของประเทศ” โดยปัจจุบันได้เพิ่มมาตรการคัดกรองบุคคลอย่างรอบด้าน ครอบคลุมตั้งแต่ภัยสแกมเมอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย ไปจนถึงภัยคุกคามรูปแบบใหม่

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ฐานข้อมูลสากล และความร่วมมือทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานด้านความมั่นคง ให้มีมาตรฐานทัดเทียมหน่วยงานความมั่นคงระดับนานาชาติ และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและนักเดินทางทั่วโลก

ตร.จับพนันออนไลน์แค่ปลาซิว​ ปูดแหล่งทุนนักการเมืองใช้ซื้อเสียง​ แฉสีกากียังเก็บส่งอดีตตำรวจใหญ่

ช่วงที่รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล แถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอี อภิปรายว่ามีการติดต่อจ่ายสินบนเดือนละ 40 ล้าน เพื่อแลกกับการไม่ปราบแก๊งพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์จนฝ่ายตรงข้ามนำไปขยายผลร้องเรียนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนว่านายไชยชนกมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

นายไชยชนกแก้เกมด้วยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ขีดเส้น 1 เดือนต้องมีบทสรุป ในจังหวะนั้นตำรวจสอบสวนพบตัวละครที่ไปเจรจากับนายไชยชนก อย่างน้อย 2-3 คน

“ประดู่แดง” พยายามตรวจสอบตามสื่อต่างๆ และแหล่งข่าวที่อยู่ในกระทรวงดีอี ยังไม่พบความคืบหน้าของคดีว่าใครผิดบ้าง ซีกของ ป.ป.ช. ไร้ความคืบหน้า ทำให้เห็นแนวโน้มว่าจะจบมวยล้มต้มคนดู

ช่วงเริ่มต้นรัฐบาลนายอนุทิน ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จับกุมแก๊งพนันออนไลน์ได้อย่างต่อเนื่อง ยึดทรัพย์สินได้หลายพันล้าน เปิดแถลงข่าวแบบจัดเต็ม

จากนั้นมาตำรวจยังจับกุมแก๊งพนันออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เปิดแถลงข่าวบ่อยครั้ง แต่พอตรวจสอบลงรายละเอียดจะพบว่าผู้ต้องหาเป็นเพียงพวกปลาซิว หรือพวกที่เปิดบัญชีม้าไว้รองรับการรับเงินจ่ายเงินให้กับแก๊งพนันออนไลน์เท่านั้น

หากตรวจทางโซเชียลจะพบเว็บไซต์ของแก๊งพนันออนไลน์ ชาวบ้านสามารถเข้าถึงได้ง่าย เปิดรับแทงพนันทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นหวยใต้ดินแทงได้ตลอดสัปดาห์ มีทั้งหวยลาวรับแทงวันจันทร์ พุธ และศุกร์ หวยมาเลเซียทุกวันพุธ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ หวยไทยจะมีทั้งหวยกองสลากฯ หวยออมสิน และหวยหุ้น

นอกนั้นยังมีเว็บเปิดให้เล่นพนันชนิดต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย อาทิ บาคาร่า พนันฟุตบอลทั้งลีกไทยและต่างประเทศ​ ซึ่งเว็บพนันออนไลน์เหล่านี้ ชาวบ้านหรือเยาวชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพียงมีโทรศัพท์มือถือและเงินแค่ 20 บาท สามารถเปิดเว็บเข้าไปแทงได้แล้ว แต่ละเว็บจะเปิดสำนักงานอยู่ตามจังหวัดต่างๆ อาทิ สงขลา อุดรธานี และบุรีรัมย์ เป็นต้น ในยุครัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ตำรวจไซเบอร์บุกไปจับกุมในพื้นที่บุรีรัมย์มาแล้ว ตรวจสอบพบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 1,800 ล้านบาท/เดือน

มีบางกลุ่มโดยเฉพาะพวกทายาทนักการเมืองหรือนักการเมือง ตั้งสำนักงานใหญ่ในคาสิโน เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ใช้สั่งการสาขาต่างๆ ที่ตั้งอยู่ตามจังหวัดใหญ่ๆ ของไทย และใช้เป็นที่พักเงินที่โอนจากเมืองไทยเพื่อป้องกันการถูกยึด หากสาขาในไทยถูกจับกุม

ช่วงนี้เว็บของแก๊งพนันออนไลน์จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทั้งรูปแบบบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เพราะผู้อยู่เบื้องหลังต้องการเงินสีเทาไปใช้ทั้งซื้อเสียงและค่าใช้จ่ายระหว่างลงพื้นที่หาเสียง

ข้อมูลของเว็บพนันออนไลน์เหล่านี้ ตำรวจไซเบอร์และตำรวจสอบสวนกลาง ได้สืบสวนรวบรวมข้อมูลไว้อย่างครบถ้วน ส่งถึงมือของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รอง ผบ.ตร. และคาดว่าส่งถึงมือนายไชยชนกแล้วเช่นกัน

ถ้าตรวจสอบว่ากระทรวงดีอี ที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการตรวจสอบที่ทันสมัย ได้ดำเนินการสกัดหรือส่งข้อมูลให้ตำรวจจับกุมเว็บพนันเหล่านั้นบ้างหรือไม่ จะพบว่ามีน้อยมาก เพราะถ้าผนึกกำลังกับตำรวจจริง เว็บพนันออนไลน์ทั้งหลายคงจะลดน้อยลงแล้ว

ครั้นส่องถึงความเคลื่อนไหวของตำรวจ แม้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. จะมุ่งมั่นสั่งการให้ตำรวจสืบสวนจับกุมแบบเข้มข้นแค่ไหน แต่บทสรุปของการจับกุมจะพบว่าได้แค่ปลาซิวปลาสร้อยหรือปลายแถว ที่เปิดบัญชีม้าเท่านั้น

สาเหตุที่การปราบปรามไม่บรรลุเป้า คนในแวดวงสีกากีต่างนินทากันว่าเกลือเป็นหนอน เพราะผลประโยชน์จำนวนมหาศาล ทำให้ตำรวจระดับบริหารบางคนทำตัวเป็นหนอน เพราะเคยชินที่กอบโกยผลประโยชน์ตั้งแต่นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการ (ผบช.) มี ผบ.ตร. ยุคนั้นคอยเป็นกำแพงให้พิง แถมปิดตาทั้งสองข้างเสมือนเปิดไฟเขียวให้ลุยหาผลประโยชน์แบบไม่อายฟ้าอายดิน ไม่ใส่ใจว่าประชาชนหรือเยาวชนของชาติจะตกเป็นทาสการพนันมากแค่ไหน ขอให้รายได้เข้าพวกกูแบบเป็นกอบเป็นกำก็เพียงพอแล้ว

แม้ ผบช. คนดังกล่าวขยับสู่ตำแหน่งที่สูงกว่า ยังมีอิทธิพลในแวดวงเว็บพนันออนไลน์ เพราะรู้กลไกการหารายได้จากเว็บพนันออนไลน์เป็นอย่างดี สร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำให้กับตัวเองแล้ว ยังขนเงินส่งให้นายเก่าด้วยตัวเลขหลัก 8 ถึง 9 เลยทีเดียว

หากใครส่องโซเชียลในช่วงนี้จะพบเว็บพนันออนไลน์ผุดขึ้นจำนวนมากทั้งไทยและต่างประเทศ ด้วยศักยภาพของกระทรวงดีอีและตำรวจไซเบอร์ สามารถสกัดกั้นเว็บเหล่านี้ไม่ให้ประชาชนหรือเยาวชนเข้าถึงได้สบายอยู่แล้ว แต่กลับนิ่งเฉย​ ซึ่งสาเหตุคงไม่ต้องอธิบายให้มากความ เพราะรู้ๆ อยู่ว่าเอื้อประโยชน์ต่อกัน

จึงได้แต่เพียงคาดหวังว่าก่อนเกษียณอายุ “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” คงมีแนวทางจัดการกับเว็บพนันเหล่านี้ให้เบาบางได้ นอกจากจะช่วยตัดท่อน้ำเลี้ยงที่สร้างความร่ำรวยให้กับผู้บริหาร ตร. บางคน และอดีต ผบ.ตร. บางคนได้แล้ว ยังช่วยตัดทางนักการเมืองเจ้าของธุรกิจพนันออนไลน์ไม่ให้ผงาดเป็น ส.ส. และรัฐมนตรี ได้อีกต่างหาก!!!

“วันนอร์-ทวี ประชุมจัดทัพ นำพรรคประชาชาติ สู้ศึกเลือกตั้ง 69 ประกาศตัวเป็นพรรคหลักของประเทศด้านนิติบัญญัติ

กรุงเทพฯ, 16 ธันวาคม – พรรคประชาชาติ จัดประชุมพรรค โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานที่ปรึกษาพรรค, พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรค, นายซูการ์โน มะทา เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย อดีต สส. และคณะกรรมการบริหารพรรค เข้าร่วมประชุมที่สำนักงานใหญ่ โดยมีคณะกรรมการบริหารพรรคในจังหวัดชายแดนใต้เข้าร่วมประชุมออนไลน์ เพื่อหารือสถานการณ์ทางการเมือง การเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง และการสรรหาผู้สมัคร ซึ่งนายวันนอร์ ได้กล่าว ขอบคุณ อดีต สส. , คณะกรรมการบริหารพรรค และบุคลากรของพรรคทุกคน ที่ทำให้ประชาชนทุกคนรู้ว่า พรรคประชาชาติ ยังคงทำงานการเมืองอยู่

พันตำรวจเอก ทวี กล่าวในที่ประชุมว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาชาติพร้อมประกาศตัวเป็น “พรรคหลัก” ของประเทศ ซึ่งคำว่าพรรคหลักในที่นี้ ไม่ได้วัดกันที่จำนวนตัวเลขของผู้แทนฯ ที่มีจำนวนมากเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการทำหน้าที่เป็น “หลัก” ในสถาบันนิติบัญญัติตลอด 2 สมัยที่ผ่านมา “ในระบอบนิติบัญญัติปัจจุบัน ที่ผ่านมาพรรคประชาชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ส.ส. ของพรรคทุกคนได้ทำหน้าที่เป็นหลักให้กับฝ่ายนิติบัญญัติอย่างแท้จริง โดยเฉพาะท่านอาจารย์วันนอร์ที่ได้ทำหน้าที่ประธานสภาฯ อย่างสมเกียรติ”

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงวาระสำคัญในการปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรค จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการคัดเลือกและแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ เพื่อให้การบริหารงานพรรคเป็นไปอย่างต่อเนื่องและถูกต้องตามกฎหมาย เตรียมพร้อมขับเคลื่อนพรรคสู่สนามเลือกตั้งอย่างเต็มภาคภูมิ ภายใต้อุดมการณ์ “เติบโตด้วยศรัทธา ยั่งยืนเพื่อประชาชน”

นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ทวี ยังได้กล่าวปลุกพลังสมาชิกพรรคให้ร่วมกันสร้างพรรคประชาชาติให้เป็น “สถาบันทางการเมือง” ที่ยั่งยืน ข้ามพ้นวัฏจักรเดิมๆ ของการเมืองไทย โดย กล่าวเน้นย้ำถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่พรรคประชาชาติต้องก้าวข้ามไปให้ได้ โดยระบุว่า หากพรรคสามารถผ่านจุดนี้ไปได้ พรรคประชาชาติจะไม่ใช่แค่พรรคการเมืองธรรมดา แต่จะกลายเป็น “สมบัติที่แท้จริงของประชาชน” และเป็นความรู้สึกร่วมของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ช่วยกันก่อร่างสร้างตัวกันมา

ข้าวต้มปลาอินทรีย์ -โหระพา” อาหารประจำถิ่น ยามพลบค่ำ ที่ปากน้ำปราณบุรี

ปากน้ำปราณบุรี เมืองเล็กๆที่เป็นทางผ่าน สงบเงียบ ทะเลสวย ยังคงมีความเป็นธรรมชาติไว้มากมาย ให้ผู้คนได้มาเที่ยว มาสัมผัส ความสงบเงียบของเมืองเล็กๆแห่งนี้สิ่งอำนวยความสะดวก และที่พัก ก็หาได้สบาย ราคาไม่แรง ผู้คนก็น่ารัก เต็มไปด้วยอัธยาศัยไมตรี และเป็นเมืองที่ไม่อึกกระทึกครึกโครม …!!

ปากน้ำปราณฯ ถึงแม้จะเป็นแค่ทางผ่าน แต่การเดินทางก็สะดวก เหมาะแก่การมาพักผ่อน แบบเงียบๆ สบายๆ มาใช้ชีวิตแบสโลว์ไลฟ์ อาหารการกิน ก็มีมากมาย ทั้งอาหารทะเลสดๆที่ขึ้นจากเรือประมง ที่เขากะโหลก และอาหารพื้นบ้าน อย่าง”ข้าวต้ม โหรพา” ที่เป็นอาหารประจำถิ่น ที่คนในพื้นที่ ที่นิยมกินกันทั้งมื้อเช้าและมื้อค่ำ

สวัสดีเพื่อนๆ นักเที่ยว นักกินนักชิมทั้งหลาย พบกับคอลัมน์กินกับลุง อร่อยเต็มพุงกับลุงดุลย์ ทางสำนักข่าว ไทยแท็บลอยด์ สื่อนำความอร่อย ที่นำเสนอ เป็นประจำทุกวันพุธ

ทริปนี้ลุงดุลย์พาเพื่อนๆ ไปเที่ยว ไปกิน ไปชิม ที่”อำเภอสามร้อยยอด”จังหวัดประจวบคีรีขันธ์กันครับ

ลุงดุลย์เริ่มตะเวนหาของกินอร่อยๆ ตั้งแต่เขาย้อยเพชรบุรี (ข้าวแกง) แวะเข้าหัวหิน ไปกินตะโก้ทรงเสวย และผ่านไปแวะกิน”ขนมถ้วยป้าแว้ด”ที่เขาเต่า ก่อนพาเพื่อนๆ มุ่งไปชมความงาม ความเป็นธรรมชาติ ของป่าพรุน้ำจืดขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งศึกษาธรรมชาติต่างๆ และชมความสวยงาม ของภูเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่าน ท่ามกลางป่าพรุน้ำจืด ที่มีอาณาเขตยาวไปถึงอำเภอกุยบุรี

ลุงกลับจากท่องเที่ยว ที่สามร้อยยอด ก็เป็นเวลาเย็นแล้วเข้ามาพักที่ปากน้ำปราณ แวะหาซื้อของฝาก และตั้งใจมากิน “ข้าวต้มปลาอินทรีย์โหระพา”ที่ร้าน ดวงใจ ที่เป็นร้าน”ข้าวต้มพื้นบ้าน”ร้านเดียวรีบเปิดขายในช่วงเวลาเย็นถึง 2 ทุ่ม ตามคำแนะนำของแฟนเพจ ที่แนะนำให้ลุงมาชิม ถ้าในช่วงเช้า ก็จะมีข้าวต้มปลา -ใบโหระพา ขายเช่นกัน จะขายตั้งแต่ 6 โมงเช้าไปถึง 10 โมง จะมีอยู่ 2-3 ร้าน

ลุงมาถึงที่ร้านดวงใจ ก็ค่ำพอดี บรรยากาศของร้าน ก็เป็นเหมือนร้านขายข้าวต้มกุ๊ยทั่วไปเป็นตึกแถว 2 คูหา กว้างขวางสะอาดสะอ้าน มีกับข้าวต่างๆ วางโชว์ไว้หน้าร้าน ตักขายจานละ 20 – 30 บาท เอาไว้กินกับข้าวต้มปลาอินทรีย์ใบโหระพา

เมนูแรก ลุงสั่งข้าวต้มปลาอินทรีย์ -โหระพา มาเป็นอันดับแรก ราคาชามละ 25 บาท ข้าวหุงเมล็ดบานๆ กะหล่ำปลีหรือถั่วงอกลวก ราดด้วยน้ำซุปร้อนๆ ท็อปปิ้งเนื้อปลาและลูกชิ้นปลาอินทรีย์ โรยหน้าด้วยใบโหระพา น้ำซุปใสๆเชงๆ กินพร้อมกับ กะหล่ำปลีลวกและใบโหระพา รสชาติอร่อยแปลก จะปรุงเครื่องปรุงกินแบบข้าวต้มเครื่องก็ได้ หรือจะกินกับกับข้าวก็ดี ที่สำคัญ ราคาถูกมาก

ลุงสั่งกับข้าวมากินกับข้าวต้มใบโหระพาอีก 3 รายการ

กระเทียมดองผัดไข่ ราคาจานละ 20 บาท อาหารจานนี้ ต้องลองครับ อร่อยเกินราคา

ปลาโอแดดเดียว ราคาจานละ 30 บาท ปลาโอ รสชาติเค็มหวาน กินกับข้าวต้มใบโหระพาเข้ากันดีนัก

ทอดมันปลาอินทรีย์ ราคาจานละ 30 บาท เนื้อปลาเด้งหนุบหนับ สู้เหงือก สู้ฟัน อร่อยคุ้ม

อิ่มหนำสำราญ ยามพลบค่ำ กับข้าวต้มปลาอินทรีย์ใบโหระพา และกับข้าว 3 จาน คิดสตางค์มา 105 บาท อร่อยคุ้มค่าและความแปลกใหม่ ที่ได้กิน อาหารพื้นถิ่นของคนปากน้ำปราณบุรี

พบกันครั้งต่อไป ว่าลุงดุลย์ จะพาไปเที่ยว ไปกิน ไปชิมที่ไหน ติดตามได้กับ คอลัมน์กินกับลุง ทางสำนักข่าวออนไลน์ ไทยแทบลอยด์ สื่อนำความอร่อย ที่นำเสนอเป็นประจำทุกวันพุธ สวัสดี

ลุงดุลย์

สกัดภัยเงียบ! ป.ป.ส.บุกทลายโรงงานเถื่อน​ เตือนน้ำกระท่อมผสมยา ดันเยาวชนสู่ยาบ้า-ไอซ์

ป.ป.ส. ย้ำชัด! “น้ำกระท่อมผสมยา” ผิดกฎหมาย สั่งเข้มงวดจับกุมโรงงานเถื่อน หวั่นเกิดแหล่งมั่วสุมทำลายอนาคตเยาวชน และนำไปสู่ยาเสพติดที่รุนแรงกว่า

นางสาวอารีภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ส.

นางสาวอารีภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ส. เปิดเผยว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยเฉพาะในเรื่องของโทษภัยของใบกระท่อมและน้ำต้มกระท่อม ที่มุ่งเน้นการจัดการปัญหา ทั้งการกวาดล้างโรงงานผลิตน้ำกระท่อมเถื่อน ซึ่งเป็นต้นตอของการกระจายสิ่งผิดกฎหมาย และ การแก้ไขปัญหาแหล่งมั่วสุม ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงที่ชักจูงเยาวชนไปในทางที่ผิด พร้อมเตือนสังคมถึงอันตรายของการนำใบกระท่อมไปต้มผสมยาแก้ไอหรือสารเคมี ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมาย ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่นำพาเยาวชนก้าวไปสู่ยาเสพติดที่รุนแรงกว่า

พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส.

สืบเนื่องจากกรณีที่สำนักงาน ปปส. ภาค 6 ร่วมกับหน่วยงานภาคี บุกทลายแหล่งผลิตน้ำกระท่อมในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ซึ่งมีพฤติการณ์เปิดเป็นโรงงานขนาดย่อม ลักลอบต้มน้ำกระท่อมบรรจุขวดผสมยาแก้ไอ (Diphenyl) หรือ สี่คูณร้อย จำหน่ายให้แก่เด็กและเยาวชนจำนวนมาก จากกรณีดังกล่าว พ.ต.ต. สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. มีความห่วงใยและได้มีข้อสั่งการเร่งด่วนให้สร้างการรับรู้แก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ให้ตระหนักถึงภัยคุกคามจากการลักลอบผลิตในลักษณะโรงงานเถื่อน มักมีการผสมยาแก้ไอ ยาแก้ปวด หรือสารเคมีอันตราย ทำให้ผู้ดื่มเกิดอาการมึนเมา ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบประสาทและสมอง เสี่ยงต่อภาวะช็อก หมดสติ และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าว นอกจากจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.พืชกระท่อม ที่ห้ามจำหน่ายให้แก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีแล้ว ยังถือเป็นความผิดที่มีบทลงโทษร้ายแรงตาม พ.ร.บ.อาหาร และ พ.ร.บ.ยา อีกด้วย

ปัญหาที่น่ากังวลคือ หวั่นเกิดแหล่งมั่วสุมของกลุ่มวัยรุ่น และนำไปสู่ปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมา เช่น การทะเลาะวิวาท การชักจูงกันทำเรื่องผิดกฎหมาย และที่สำคัญคือ เป็นพื้นที่ที่เอื้อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ นำพาเยาวชนก้าวไปสู่การทดลองใช้ยาเสพติดชนิดอื่นที่มีความรุนแรงกว่า เช่น ยาบ้า หรือ ไอซ์ ในอนาคต

ทั้งนี้ ขอสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่า การบังคับใช้กฎหมายกับร้านค้าที่ “ต้ม-ผสม-ขาย” น้ำกระท่อม เป็นอำนาจหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในพื้นที่ ซึ่งสามารถเข้าจับกุมและดำเนินคดีได้ทันที โดยมีบทลงโทษที่รุนแรงถึงขั้นจำคุก ได้แก่ ความผิดตาม พ.ร.บ.ยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 20,000 บาท

สำนักงาน ป.ป.ส. ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบเห็น แหล่งมั่วสุม ของเยาวชน หรือพบเห็นโรงงาน หรือ ร้านค้า ที่ลักลอบต้มน้ำกระท่อมผสมยาขายในชุมชน สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. 1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติด ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานและสังคม โฆษกสำนักงาน ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้าย

ตำรวจเพชรเกษมฟันจีนเทา! ยึดเงิน 5 แสน คืนเหยื่อโกงออนไลน์มอบเป็นของขวัญปีใหม่

ตำรวจเพชรเกษม สุดเจ๋ง ยึดเงินจากแกงค์จีนเทา คืนผู้เสียหายที่แจ้งความไว้ที่ สน.ประชาชื่น ได้ทันเป็นเงินถึง 500,000 บาท ด้าน​ ผบก.น.9 ชมเชยถือว่าเป็นการคืนความสุข และมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้เสียหาย

ตามนโยบายของรัฐบาลได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐเร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขับเคลื่อนนโยบายเพื่อให้ได้ผลอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม และรีบดำเนินการยึดอายัดบัญชีที่ใช้ในการกระทำความผิด และติดตามคืนเงินเพื่อเยียวยาให้กับผู้เสียหายโดยเร็วที่สุด​

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น., พล.ต.ต.พลฑิต ไชยรส รองผบช.น. ,พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด รีบดำเนินการติดตามจับกุมเพื่อคืนความสุขให้กับพี่น้องประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อการฉ้อโกงออนไลน์

กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 โดย พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.บก.น.9, พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด , พ.ต.อ.นฤพนธ์ ธนกฤตานนท์ รอง ผบก.น. 9 และสถานีตำรวจนครบาลเพชรเกษม โดย พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้วผกก.สน.เพชรเกษม พ.ต.ท.เด่นดนัย วัฒนวิจิตรนนท์ รอง ผกก.(สอบสวน)

ขออนุญาตรายงานผลการปฏิบัติการ Money Cash Back มอบคืนให้ผู้เสียหาย ในคดีฉ้อโกงออนไลน์ เป็นเงินจำนวน 500,000 บาท

พฤติการณ์ในคดีกล่าวคือ เมื่อวันที่ วันที่ 30 ต.ค.68เวลา 15:04 น.นางอรัญญาฯ ผู้เสียหาย ได้ถูกคนร้ายหลอกให้โอนเงินจากบัญชีตนเอง 4 ครั้ง รวมทั้งหมด 2,700,000 บาท โดยคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ AIS แจ้งนำข้อมูลไปเปิดเบอร์เกี่ยวข้องกับคดีความ โอนสายให้คุยกับเจ้า หน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิจิตร จากนั้นแอดไลน์ ชื่อ สภ.เมืองพิจิตร แจ้งรายละเอียดเกี่ยวข้องกับคดีความ และให้โอนเงินในบัญชีเพื่อทำการตรวจสอบ จนกระทั่งผู้เสียหายทราบว่าถูกหลอกจึงได้แจ้งความออนไลน์ และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.ประชาชื่น ซึ่งต่อมาจากการตรวจสอบทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษม ได้มีการจับกุมกลุ่มแกงค์จีนเทา จัดหาบัญชีม้า มาถอนเงินสดดังกล่าว ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางแค ซึ่งเจ้าหน้าที่ ทำการสืบขยายผล พบเงินสดที่ตัวของ นาย ธนกฤตฯ จำนวน 500,000 บาท ซึ่งนายธนกฤตฯ มีคดีร่วมกันฉ้อโกง ที่ สน.เพชรเกษม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ และยึดเงินสดดังกล่าวไว้ ต่อมาเมื่อทราบว่าเงินสดดังกล่าวเป็นเงินของนางอรัญญาฯ ซึ่งถูกแกงค์มิจฉาชีพฉ้อโกงออนไลน์มา และมีการแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว จึงได้มีการติดต่อประสานกับพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เพื่อคืนเงินดังกล่าวให้กับผู้เสียหาย

​พล.ต.ต.สามารถ พรมชาติ ผบก.น.9 กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นความโชคดีของผู้เสียหายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดเงินสดดังกล่าวไว้ได้ และได้ติดต่อมารับคืน ถือว่าเป็นการคืนความสุขให้กับผู้เสียหาย และเป็นของขวัญปีใหม่ที่จะถึงนี้ และที่สำคัญขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษม ที่ได้ทำงานขยายผลอย่างต่อเนื่อง และได้หยุดวงจรของคนร้าย ซึ่งทราบว่าเคสนี้ได้มีการออกหมายจับไปจำนวน 8 หมายจับ และมีการขยายผลแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 5 คน ร่วมถึงมีการตรวจค้นตามยุทธการแหกคอกม้า และที่สำคัญคือการคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้ทัน

​นางอรัญญาฯ ผู้เสียหาย กล่าวอย่างดีใจว่า ไม่คิดว่าจะได้เงินคืนแล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อไปมาให้มารับเงินคืน ถึงแม้ว่าไม่ครบจำนวนแต่รู้สึกดีใจเป็นที่สุด ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก และฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อแกงค์มิจฉาชีพ ให้มีสติเพราะโอกาสที่จะได้รับเงินคืนนั้นยากมาก ให้ป้องกันตนเองอย่าให้ตกเป็นเหยื่อจะดีที่สุด ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยใจจริง อีกครั้งหนึ่ง ไม่คิดว่าจะได้เงินคืน ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ที่ล้ำค้ามาก

เหลืองอร่ามกลางทุ่งป่า “กระถินทุ่ง” เบ่งบานรับแสงแดด ที่วนอุทยานน้ำตกผาหลวง

จากวัชพืชธรรมดา สู่ความงามตามธรรมชาติ “กระถินทุ่ง” ชูช่อดอกเหลืองสดท่ามกลางผืนดินและแสงแดด บอกเล่าเรื่องราวความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ณ วนอุทยานน้ำตกผาหลวง จังหวัดอุบลราชธานี

ท่ามกลางผืนดินปนทรายและแสงแดดที่สาดส่องตลอดวัน ณ วนอุทยานน้ำตกผาหลวง จังหวัดอุบลราชธานี ปรากฏภาพของดอกไม้สีเหลืองสดใสชูช่อรับลมอย่างอ่อนช้อย นั่นคือ “กระถินทุ่ง” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กระถินนา” พืชพื้นถิ่นที่หลายคนมองข้ามว่าเป็นเพียงวัชพืช แต่กลับซ่อนความงดงามและบทบาทสำคัญต่อธรรมชาติไว้อย่างน่าทึ่ง

กระถินทุ่งเป็นไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มขนาดเล็ก ลักษณะขึ้นเป็นกอคล้ายหญ้า ดอกออกเป็นช่อรูปไข่ขนาดเล็ก ยาวราว 1–1.5 เซนติเมตร ใบประดับซ้อนกันแน่นเป็นชั้น ให้โทนสีน้ำตาลทองหรือน้ำตาลแดง เมื่อถึงช่วงออกดอก จะเผยกลีบดอกสีเหลืองสดจำนวน 3 กลีบ ค่อยๆ ทยอยบานวันละ 1–3 ดอก เติมชีวิตชีวาให้ผืนทุ่งอย่างเรียบง่ายแต่ทรงพลัง

พืชชนิดนี้มักเติบโตได้ดีในดินปนทรายหรือดินเปรี้ยว และต้องการแสงแดดตลอดทั้งวัน จึงพบได้ทั่วไปในพื้นที่โล่งของวนอุทยาน การเบ่งบานของกระถินทุ่งไม่เพียงสร้างความงามทางสายตา แต่ยังสะท้อนถึงความสมดุลของระบบนิเวศ และความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าท้องถิ่น

ภาพดอกกระถินทุ่งที่ชูช่อเหลืองอร่าม ณ วนอุทยานน้ำตกผาหลวง จึงไม่ใช่เพียงความงามชั่วคราว หากแต่เป็นเรื่องเล่าของธรรมชาติที่เรียบง่าย อดทน และงดงามในแบบของตนเอง—ความงามที่รอให้ผู้คนหยุดมอง และเรียนรู้คุณค่าจากสิ่งเล็กๆ รอบตัว

ที่มา: วนอุทยานน้ำตกผาหลวง จังหวัดอุบลราชธานี
สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี)