หนุ่มไฟแนนซ์ เข้าแจ้งความ ถูกทำร้ายขณะยึดรถ

เมื่อเวลา 9.40 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายสมเจตน์ เหล่าสอน อายุ 34 ปี พร้อมทีมงานไฟแนนซ์บริษัทแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ทรงพล หมอกกลั่น สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป.ภายหลังถูกเจ้าของรถที่ค้างค่าชำระ จำนวน 9 งวด ไม่ยินยอมให้ยึด ก่อนใช้อาวุธมีดแทงจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ

นายสมเจตน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ระหว่างตนขับรถไปตามถนนในซอยกำนันแม้น 13 แยก 31 ได้พบกับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ท สีน้ำตาล ทะเบียน สฮ4102 กทม.คันดังกล่าวภายในซอยโดยบังเอิญ จึงขับตามไปเพื่อแจ้งขอยึดรถเนื่องจากค้างชำระค่างวดมาแล้ว 9 ครั้ง แต่ไม่ขอเปิดเผยยอดเงิน ตนจึงลงไปแนะนำตัวว่าเป็นไฟแนนซ์ พร้อมแสดงหนังสือรับมอบอำนาจ คำฟ้องศาลและหนังสือยกเลิกสัญญาที่ส่งให้กับเจ้าของตัวจริง แต่ปรากฎว่าผู้ที่ขับขี่รถคันนี้ไม่ยอมเจรจา บอกว่าตนเองไม่ใช่เจ้าของรถ แต่เป็นรถที่จำนำไว้ ก่อนจะต่อยตนจนเซ แล้วคว้ามีดพับในรถมาจ้วงแทงตนจนบาดเจ็บเอ็นนิ้วชี้ซ้ายขาด เย็บ 5 เข็ม มีแผลที่ท้ายทอยเย็บอีก 5 เข็ม รวมถึงแผลที่หน้าท้อง

นายสมเจตน์ กล่าวต่อ ทางทีมงานตนเห็นท่าไม่ดี จึงช่วยกันล็อคตัวผู้ก่อเหตุซึ่งทราบชื่อคือ นายพรประเสริฐ แก้วตา ซึ่งไม่ใช่เจ้าของรถตัวจริง เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้พยายามติดต่อไปแล้วแต่ไม่ได้ จากนั้นคู่กรณีได้โทรศัพท์ พร้อมเปิดภาพบุคคลหนึ่งที่สวมเครื่องแบบตำรวจ มีชื่อว่า “ผู้กำกับแป๊ะ” แต่ไม่ทราบว่าสังกัดใด มาคุยกับตนว่า หากไม่มีคำสั่งศาล ก็ไม่สามารถยึดรถได้ แต่ตามหลักสัญญาเช่าซื้อแล้ว ไฟแนนซ์สามารถยึดได้หากยกเลิกสัญญาไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งศาล ทั้งนี้หลังเกิดเหตุได้ไปลงบันทึกประจำวัน ที่ สน.บางขุนเทียน จากนี้ตรวจร่างกายเสร็จจึงจะนำผลแพทย์ไปประกอบการแจ้งความอีกครั้ง

เบื้องต้น พ.ต.ท.ทรงพล สอบปากคำผู้แจ้งความพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานที่นำมาเพื่อประกอบการพิจารณาคดี ก่อนรายงานผู้บังคับบัญชาสั่งการต่อไป

ตม.พัทลุง​ บุกจับใบกระท่อม

วันที่ 10 พย.62 เวลาประมาณ 06.00 น. : พ.ต.ต.เสกสรรค์ ตั้งคงนุช​ สว.ตม.จ.พัทลุง มอบหมายให้ ร.ต.อ.คำรพ ปิ่นทองพันธุ์ รองสว.ตม.จ.พัทลุง ร่วมกับชุดสืบฯ​ สภ.นาขยาด​ ได้ใช้หมายค้นของศาล จ.พัทลุง ตรวจค้นบ้านเลขที่ 149 ม.1 ต.แพรกหา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหา​ และของกลาง รวม 3 ราย ดังนี้
1.นายสงคราม ศรีสมโภชน์ อายุ 23 ปี ในข้อหา มียาเสพติดประเภท 5 (ใบพืชกระท่อม) ไว้ในความครอบครองฯ
2.นายสมชาย ศรีสมโภชน์ อายุ 46 ปี ในข้อหา ผลิตยาเสพติดประเภท 5 (ปลูกต้นพืชใบกระท่อม)
3.นายพิทวัส กล้าคง อายุ 18 ปี ในข้อหา มีดินปืนมีควันสำหรับใช้เองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่

ศิษย์เก่าอัสสัมชัญ ศรีราชา​ เชิญเพื่อนๆ​ ACS รุ่น 3720​ ร่วมงานพบปะสังสรรค์ประจำปี 2562

พลตำรวจ​ตรี​ อัคราเดช พิมลศรี (บิ๊กอ้อ) รองผู้บัญชาการ​ตำรวจ​ภูธร​ภาค​ 3​ ประธานรุ่น 3720 ศิษย์เก่าอัสสัมชัญ ศรีราชา​ (ACS) เรียนเชิญเพื่อนๆ​ ACS รุ่น 3720 พร้อมครอบครัว ร่วมงานพบปะสังสรรค์ประจำปี 2562

ในวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2562 ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป

ณ โรงแรม เค รีสอร์ท ซอยโยธินพัฒนา​ กทม.

ชุดเฉพาะกิจ​ ตม.จ.พัทลุง​ เข้าตรวจค้นยาเสพติด

วันทึ่​ 10 พ.ย.62​ เวลาประมาณ 10.30 น.: พ.ต.ต.เสกสรรค์ ตั้งคงนุช สว.ตม.จ.พัทลุง มอบหมายให้ ร.ต.อ.คำรพ ปิ่นทองพันธุ์ รองสว.ตม.จ.พัทลุง​ พร้อมกำลังชุด สืบสวน.สภ.ลำปำ จ.พัทลุง​ ได้ทำการตรวจค้น บ้านเลขที่ 32 ถ ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง พบนาย ธีรนัย ดวงดารา อายุ 23 ปี โดยกล่าวหาว่า เสพสารเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) และมียาเสพติด ประเภท 5 (น้ำกระท่อม)ไว้ในครอบครองฯ,นายนฤเบศ ดวงดารา อายุ 21 ปี โดยกล่าวหาว่า เสพสารเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) มียาเสพติด ประเภท 5 ( กัญชา,พืชกระท่อม )ไว้ในความครอบครองฯ​ และนาย ฐิติศักดิ์ พงษ์จันทรเสถียร โดยกล่าวหาว่า เสพสารเสพติดประเภท 1​ (ยาบ้า) และครอบครองยาเสพติดประเภท 5 (กัญชา,ใบกระท่อม) โดยชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดนำส่ง สภ.ลำปำ ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

“ผอ.จันทร์เพ็ญ”เปิดโครงการเด็กรักดี อิสลามห่างไกล พิชิตภัยยาเสพติด

โครงการเด็กรักดี อิสลาม ห่างไกล พิชิตยาเสพติด รุ่นที่ 3

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวจันทร์เพ็ญ จิตร์วิวัฒน์ ผอ.ปปส.กทม. เป็นประธานเปิดโครงการเด็กรักดี อิสลาม ห่างไกล พิชิตยาเสพติด รุ่นที่ 3 ร่วมด้วย สส.ฐิติภัสร์ โชติเดชานันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตบางกะปิ – วังทองหลาง พรรคพลังประชารัฐ ที่ให้เกียรติเข้าร่วมโครงการและให้โอวาทแก่เด็กและเยาวชน ณ มัสยิดนูรุ้ลอิสลาม​ (วังใหญ่)​ เขตบางกะปิ​ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เขต​ ในกลุ่มพื้นที่กรุงเทพตะวันออก​ (เขตหนองจอก​ บางกะปิ​ สะพานสูง​ และมีนบุรี)​ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ปรากฏข่าวสารว่ามีการแพร่ระบาดของยาเสพติดสูง
โครงการเด็กรักดี อิสลาม ห่างไกล พิชิตยาเสพติด รุ่นที่ 3โครงการนี้มีเป้าหมายจัดอบรม 5 รุ่น รวม 250 คน เน้นการปลูกฝังและสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดเป็นกลุ่มเด็กและเยาวชนในชุมชนมุสลิมที่มีอายุระหว่าง 9 – 13 ปี โดยสำนักงาน ปปส.กทม. สนับสนุนงบเงินอุดหนุนให้แก่เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินกลุ่มพื้นที่กรุงเทพตะวันออก ขณะนี้สามารถสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนมุสลิม​ในพื้นที่ดังกล่าว และปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนดำรงตนตามวิถีของอิสลามด้วยการเสริมสร้างศักยภาพทั้งทางโลกและทางธรรม การดำเนินชีวิตตามหลักการของศาสนา เด็กและเยาวชนได้มีส่วนร่วมดูแลเฝ้าระวังรักษาชุมชนของตนได้ตามโครงการแล้วจำนวน 3 รุ่น รวม​ 150​ คน โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากเครือข่ายภาคีในพื้นที่ ได้แก่ ผู้นำศาสนา เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินกรุงเทพมหานคร/เขตบางกะปิ และ ปปส.กทม.

โครงการเด็กรักดี อิสลาม ห่างไกล พิชิตยาเสพติด รุ่นที่ 3ทั้งนี้ ผอ.ปปส.กทม.ได้มอบสื่อรณรงค์ป้องกันยาเสพติดและอุปกรณ์กีฬาให้แก่เด็กและเยาวชน และเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินเขตบางกะปิด้วย

โครงการเด็กรักดี อิสลาม ห่างไกล พิชิตยาเสพติด รุ่นที่ 3 โครงการเด็กรักดี อิสลาม ห่างไกล พิชิตยาเสพติด รุ่นที่ 3


 

ปฏิบัติการ “ล้างท่อรอลอยกระทง illegal exhaust pipes control during Loy Kratong Festive season

8 พ.ย.62 เวลา 22.00 น. นายภูสิต สมจิตต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และพล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ได้ร่วมกันแถลงข่าว
ปฏิบัติการ “ล้างท่อรอลอยกระทง illegal exhaust pipes control during Loy Kratong Festive season” โดยมีผลการดำเนินการดังต่อไปนี้
1.ตรวจค้นสถานประกอบการร้านแต่งรถจักรยานยนต์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 15.00 น. จำนวน 12 จุด ยึดท่อไอเสียจำนวน 126 รายการ ดำเนินคดีผู้ต้องหา 1 ราย
2.ตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรและการแข่งรถในทาง ตั้งแต่เวลา 15.00 – 20.00 น. จำนวน 16 จุด ดำเนินคดีผู้ต้องหาตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก จำนวน 37 ราย ยึดรถจักรยานยนต์ จำนวน 36 คัน
3.ดำเนินคดีกับแอดมินเพจผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จำนวน 2 ราย ในความผิดฐาน “บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรฯ” และ “เป็นผู้สนับสนุนในการแข่งรถในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ”

“กองปราบรวบเอ็ม ไตปลา ขาใหญ่นครสวรรค์ ควง .38 ยิงสวนคู่อริสาหัส”

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 62 ภายใต้การอำนวยการของและสั่งการของ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก., พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป.

พ.ต.ต.จักรี กันธิยะ สว.กก.4 บก.ป. , ร.ต.อ.อัคนี ณ บางช้าง, ร.ต.อ.เกียรติบดินทร์ วงค์งาม, ร.ต.อ.ดิฐาศักดิ์ โชติเธียรศรณ์ รอง สว.กก.4 บก.ป.

จับกุม นายฉัตรชัย หรือเอ็ม จุลมุสิ ฉายา เอ็มไตปลา อายุ 24 ปี อายุ 24 ปี อยู่ที่ 343 หมู่ 18 ต.ปางมะค่า อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร
ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลศาลมณฑลทหารบกที่ 31 ที่ 84/2561 ลงวันที่ 5 ต.ค.2561 ข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่นและทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในทาง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุม”

คดีนี้ นายดำ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย ได้เข้าร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามให้ช่วยติดตามจับกุม นายฉัตรชัยหรือเอ็ม ฉายาเอ็มไตปลา ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืน .38 ยิงปืนเฉี่ยวศีรษะไปถูกหัวไหล่ โดยนายดำ ได้เล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้เมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.2561 ขณะตนเองขับรถจักรยานยนต์ผ่านไปยัง ถนนสายวังป่าอ้าว-คลองลาน ต.ปางมะค่า อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ได้ยินเสียงปืน 1 นัด ต่อมาทราบว่าตนถูกยิงเข้าบริเวณหัวไหล่ จึงรีบเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลปางศิลา ต่อมาได้มาทราบว่าคนที่ยิงปืนใส่ตนดังกล่าวคือ นายเอ็ม ซึ่งเป็นคู่อริเก่าของพวกของตน ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มตนเองได้มีเรื่องบาดหมางใจกันกับกลุ่มของ นายเอ็มถึงกับขั้นใช้อาวุธปืนยิงกันมาก่อนหน้านี้ แล้ว หลังจากนั้นตนจึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปางมะค่า จ.กำแพงเพชร กระทั่งพนักงานสอบสวนได้อนุมัติหมายจับดังกล่าวเพื่อนำตัว นายเอ็ม มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้รับเรื่องดังกล่าว ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายเอ็ม ได้หลบหนีคดีมาพักอาศัยอยู่บริเวณอิมเพคเมืองทองธานี ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ประกอบอาชีพรับจ้างเป็นผู้ช่วยทำอาหารฮ่องกง จึงวางกำลังเข้าจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปางมะค่า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภายหลังจับกุม นายเอ็ม ได้รับสารภาพว่าได้ลงมือก่อเหตุให้อาวุธปืน .38 ที่ซื้อมาจากเพื่อนขณะที่ตนยังเป็นทหารเกณฑ์ประจำอยู่ที่กองกำลังนเรศวร แม่สอด จ.ตาก ในราคา 2,000 บาท ยิงเข้าใส่กลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้านและเร่งเครื่องท่อเสียงดัง จริง ซึ่งก่อนที่ตนจะใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวนั้น นางบี (นามสมมุติ) ภรรยาของตนได้อุ้มลูกวิ่งมาบอกตนที่ว่ามีกลุ่มวัยรุ่นที่จอดรถจักรยานยนต์บริเวณหน้าบ้าน และใช้อาวุธปืนยิงเข้ามาในบ้านของตนก่อน จนเกือบถูกนางบีและลูก ตนจึงโมโหคว้าอาวุธปืน .38 กระบอกดังกล่าว ยิงสวนเข้าไปยังกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ก่อนที่วัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวจะแตกกระเจิงหนีไป เชื่อว่ากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวน่าจะเป็นกลุ่มของคู่อริของตน ซึ่งเคยมีเรื่องกันมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากเคยส่งข้อความมาข่มขู่ทางเฟสตนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นดังกล่าวนายเอ็มรับสารภาพอ้างว่าที่ยิงปืนดังกล่าวไปนั้น ก็เพื่อป้องกันลูกกับเมียเท่านั้น

กอ.รมน.ขอนแก่น​ ร่วมชุดเฉพาะกิจ​ตรวจ​แรงงาน​ต่างด้าว​จ.ขอนแก่น ออกตรวจสอบสถานประกอบการ

วันนี้​ วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562​ เวลา 13.30 น.: นายณชพัฒน์ ไกรศรีวรรธนะ จนท.ปฏิบัติการด้านการข่าว กอ.รมน.จังหวัด ขอนแก่น​ เป็นผู้แทนร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ตามคำสั่งชุดเฉพาะกิจติดตามและตรวจสอบการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์จังหวัดขอนแก่น
โดยมี นายปานทอง สระคูพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธาน พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมบูรณาการการปฏิบัติ ตามนโยบายการแก้ใขปัญหาแรงงานต่างด้าวฯ ประจำเดือน ตุลาคม​ 2562 ณ บริษัทโรงงานทออวนเดชาพานิช จำกัด และ บริษัทมหาชัยกรุ๊ป ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด ผลการปฏิบัติ ไม่พบผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมแนะนำสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับกฎหมายโดยเคร่งคัด ได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการเป็นอย่างดี

191 โชว์ผลงานจับ ผตห. คดีอาชญากรรม รวม 2 คดี 

191 รวบเครือข่ายยานรก ยึดยาบ้า 3.1 แสนเม็ดพร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก และจับกุมหนุ่มเสพไอซ์ทำบัตรราชการปลอม ราคาเริ่มตั้งแต่หลักพัน ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

วันที่ ( 8 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) หรือ 191 ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ  พลตำรวจโท ภัคพงศ์  พงษ์เพตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิตินันท์  เพชรบรม รอง ผบช.น.,  พล.ต.ต.สำราญ   นวลมา  ผบก.สปพ. และ พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคดีอาชญากรรม รวม 2 คดี โดยคดีแรก เจ้าหน้าที่ “191 สกัดกั้นอาวุธสงครามและยาบ้ากว่าสามแสนเม็ด”  ส่วนคดีที่ 2 สามารถรวบเจ้าของเพจปลอมเอกสารราชการ ซึ่งสร้างความเสียหายตาอประชาชนและภาครัฐ”

โดยคดีแรก จับกุมนายสิทธิพล หรือบอย ใจพระ อายุ 34 ปี และนายสมศักดิ์ หรือตุ๊ก จารเหนือ อายุ 38 ปี ผู้ต้องคดีฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ” โดยนายสิทธิพล ถูกแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง” เพิ่มเติม พร้อมของกลางยาบ้า 314,000 เม็ด,ปืนดัดแปลงขนาด 5.56 มม. 1 กระบอก,ซองกระสุนปืน 2 ซอง,เครื่องกระสุนปืน 5.56 มม. 120 นัด และรถยนต์กระบะ อีซูซุ ดีแม็ค สีแดง ทะเบียน 6กด–5032  โดยจับกุมได้หน้าลิฟท์ ชั้น 6 อพาร์ทเม้นท์ ใน ต.หลักหก อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี ต่อเนื่องห้องพักเลขท่ี 613 ภายในอาคารเดียวกัน

พ.ต.อ.ปิยรัช กล่าวได้รับแจ้งว่า มีกลุ่มบุคคลลักลอบใช้รถกระบะขนย้ายยาเสพติดจากทางภาคตะวันออกมาซุกซ่อนไว้ท่ีบริเวณเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และบริเวณหอพักใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยย่านเมืองเอก ทั้งยังลักลอบขายยาเสพติดให้กับประชาชน หรือนักเรียนนักศึกษา ในบริเวณดังกล่าว ชุดจับกุมจึงสืบสวนติดตามตัวผู้กระทำผิด ก่อนลงพื้นที่หาข่าวและทราบว่าขบวนการกลุ่มนี้ได้รับการติดต่อจากนายบาส ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ว่าจ้างให้ขนลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยได้ทำมาแล้วประมาณ 3 เดือน ขายสัปดาห์ละ 1 ล้านเม็ด ส่วนอาวุธปืนนั้น ผู้ต้องหาอ้างว่า มีไว้เพื่อป้องกันตัวเอง จากนี้เจ้าหน้าที่เตรียมส่งอาวุธปืนตรวจเทียบเคียงกับคดีอื่นๆ ในพื้นที่นครบาลต่อไป

คดีต่อมาจับกุม นายธงไชย หรือ แบไงค์”  อภิยางกูล อายุ 28 ปี พร้อมของกลาง ไอซ์ 4 กรัม และอุปกรณ์การเสพ,บัตรประชาชนชาวไทยปลอม 170 ใบ,บัตรประจำตัวคนต่างด้าวปลอม 19 ใบ,ใบขับขี่ปลอม 82 ใบ,ตราขนส่ง 10,000 ดวง และอุปกรณ์การปลอมแปลงเอกสารอีกหลายรายการ ต้องความผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย,เสพยาเสพติดฯ และปลอมแปลงเอกสารราชการ จับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถห้างฟู๊ดแลนด์ ซ.เอกมัย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.

พ.ต.อ.ปิยรัช กล่าวว่า สืบเนื่องจาก สายตรวจ 2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. พบเบาะแสว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “คุโด้คุง” ประกาศรับต่อภาษี รถหลุดจำนำ เล่มทะเบียนรถยนต์ ทำใบอนุญาตขับขี่ปลอม พร้อมทั้งบัตรประชาชนปลอม จึงสืบสวนเรื่อยมากระทั่งทราบชื่อเจ้าของเพจ คือนายธงไชย เมื่อตรวจสอบประวัติเพิ่มเติมพบว่านายธงไชย มีหมายจับติดตัว 13 หมาย ทั้งยังมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ต่อมาตำรวจจึงสืบสวนติดตามตัวและพบนายธงไชย ที่ลานจอดรถห้างฟู๊ดแลนด์ดังกล่าว จึงเข้าจับกุมตัวก่อนขยายผลพาเข้าตรวจห้องพักเลขที่ 912 ชั้น 30 คอนโดย่านรามคำแหง ก่อนจะพบของกลางต่างๆ จำนวนมาก สอบสวนผู้ต้องหารับว่ามีนายหน้าสั่งให้ผลิตบัตรต่างๆ โดยมีราคาบัตรประชาชน 5,000 บาท ใบขับขี่ 4,000 บาท บัตรต่างด้าว 3,000 บาท ก่อนคุมตัวพร้อมนำของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย และขยายผลสืบสวนหาตัวผู้สั่งซื้อหรือผู้ที่มีภาพหน้าบัตรต่างๆ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ลุงหัวร้อนปัดโทรศัพท์ ถือขวดจะทำร้าย “จนท.เทศกิจ เขตพระนคร”​ โมโหถูก จนท.เทศกิจ ห้ามวางแผงเช่าพระขายบนทางเท้า

วันพุธ​ที่​ 6 พฤศจิกายน 2562 เวลา ​09.30 น. ภายใต้นโยบาย พลตำรวจเอก​อัศวิน​ ขวัญเมือง​ ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร และนโยบาย​ นายสกลธีฯ รองผู้ว่ากทม. โดยสั่งการให้ นายศุภกิจ​ บุญ​ขันธ์​ รักษาการ ผอ.สำนักเทศกิจ สั่งการให้ จนท.เทศกิจ ทั้ง 50 เขต ให้กวดขันวินัยคุมเข้มโดยเน้นในการปฎิบัติงานตาม พรบ.การรักษาความสะอาด เเละ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (พรบ.ปี 2535)​ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยเเละความเป็นระเบียบของบ้านเมือง​
โดยภายใต้นโยบาย​กาสั่งการของกรุงเทพมหานคร​ โดย นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการเขตพระนคร ได้มอบหมาย​ให้ ว่าที่ร้อยตรี​ ฤทธิพันธ์​ นันทศุภกร​ ผู้​ช่วยผู้อำนวยการ​เขตพระนคร สั่งการให้ นายเจษฎา ประภาสะวัต หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ และ นายคณิต ชุมช่วย หัวหน้างานตรวจและบังคับการฝ่ายเทศกิจ จัด จนท.เทศกิจ เขตพระนคร​ ชุด 254 แบ่งชุด​กำลังกัน จนท.เทศกิจ​ คอยออกตรวจตราความเรียบร้อย​และกวดขัน​ผู้ค้าฝ่าฝืน บริเวณ​โดยรอบ​พระบรมมหาราชวัง​ และ โดยรอบ​ท้องสนามหลวง เขตพระนคร​ กรุงเทพฯ
เบื้องต้นเมื่อช่วงเช้า เวลา 09.30 น. ในขณะที่​ จนท.เทศกิจ​ เขตพระนคร​ ชุด 254 ออกปฏิบัติ​หน้าที่​ตรวจความเรียบร้อย​ และกวดขันผู้ค้าฝ่าฝืน บริเวณข้างวัดมหาธาตุ อยู่นั้น ได้มี (ชายไทย)​ สูงอายุ 2 คน ซึ่งที่ผ่านมาบุคคล 2 คนนี้ได้มีการนำสินค้า​พระเครื่อง (พระปลอม)​ แอบนำพระเครื่อง​มาวางขายบริเวณ​บนทางเท้า อยู่เป็นประจำโดยที่ผ่านมาจะมีการจับมาดำเนินคดี​เสียค่าปรับอยู่​บ่อยครั้ง จนกระทั่งเมื่อ จนท.เทศกิจ​ ชุด​ 254 ได้ไปว่ากล่าวตักเตือนแต่​ (ชายไทย)​ สูงอายุทั้ง 2 คนได้มาพูดจาด่า จนท.เทศกิจ อย่างไม่เกรงกรัวต่อกฎหมาย (ดังภาพคลิป VDO)​ ข้างต้น และยังได้เอามือตบ จนท.เทศกิจ ในขณะที่​ปฎิบัติหน้าที่​อีก ซึ่งกรณีดังกล่าวจึงอยากฝากให้ประชนเข้าใจและมอง จนท.เทศกิจ ในมุมกลับกันว่า จนท.เทศกิจ ในขณะปฏิบัติงานต้องเจอกับอะไรบ้าง

สุรเชษฐ​ ศิลา​นนท์​ รายงาน​