เมื่อเวลา 9.40 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายสมเจตน์ เหล่าสอน อายุ 34 ปี พร้อมทีมงานไฟแนนซ์บริษัทแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ทรงพล หมอกกลั่น สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป.ภายหลังถูกเจ้าของรถที่ค้างค่าชำระ จำนวน 9 งวด ไม่ยินยอมให้ยึด ก่อนใช้อาวุธมีดแทงจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ

นายสมเจตน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ระหว่างตนขับรถไปตามถนนในซอยกำนันแม้น 13 แยก 31 ได้พบกับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ท สีน้ำตาล ทะเบียน สฮ4102 กทม.คันดังกล่าวภายในซอยโดยบังเอิญ จึงขับตามไปเพื่อแจ้งขอยึดรถเนื่องจากค้างชำระค่างวดมาแล้ว 9 ครั้ง แต่ไม่ขอเปิดเผยยอดเงิน ตนจึงลงไปแนะนำตัวว่าเป็นไฟแนนซ์ พร้อมแสดงหนังสือรับมอบอำนาจ คำฟ้องศาลและหนังสือยกเลิกสัญญาที่ส่งให้กับเจ้าของตัวจริง แต่ปรากฎว่าผู้ที่ขับขี่รถคันนี้ไม่ยอมเจรจา บอกว่าตนเองไม่ใช่เจ้าของรถ แต่เป็นรถที่จำนำไว้ ก่อนจะต่อยตนจนเซ แล้วคว้ามีดพับในรถมาจ้วงแทงตนจนบาดเจ็บเอ็นนิ้วชี้ซ้ายขาด เย็บ 5 เข็ม มีแผลที่ท้ายทอยเย็บอีก 5 เข็ม รวมถึงแผลที่หน้าท้อง

นายสมเจตน์ กล่าวต่อ ทางทีมงานตนเห็นท่าไม่ดี จึงช่วยกันล็อคตัวผู้ก่อเหตุซึ่งทราบชื่อคือ นายพรประเสริฐ แก้วตา ซึ่งไม่ใช่เจ้าของรถตัวจริง เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้พยายามติดต่อไปแล้วแต่ไม่ได้ จากนั้นคู่กรณีได้โทรศัพท์ พร้อมเปิดภาพบุคคลหนึ่งที่สวมเครื่องแบบตำรวจ มีชื่อว่า “ผู้กำกับแป๊ะ” แต่ไม่ทราบว่าสังกัดใด มาคุยกับตนว่า หากไม่มีคำสั่งศาล ก็ไม่สามารถยึดรถได้ แต่ตามหลักสัญญาเช่าซื้อแล้ว ไฟแนนซ์สามารถยึดได้หากยกเลิกสัญญาไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีคำสั่งศาล ทั้งนี้หลังเกิดเหตุได้ไปลงบันทึกประจำวัน ที่ สน.บางขุนเทียน จากนี้ตรวจร่างกายเสร็จจึงจะนำผลแพทย์ไปประกอบการแจ้งความอีกครั้ง
เบื้องต้น พ.ต.ท.ทรงพล สอบปากคำผู้แจ้งความพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานที่นำมาเพื่อประกอบการพิจารณาคดี ก่อนรายงานผู้บังคับบัญชาสั่งการต่อไป








โครงการนี้มีเป้าหมายจัดอบรม 5 รุ่น รวม 250 คน เน้นการปลูกฝังและสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดเป็นกลุ่มเด็กและเยาวชนในชุมชนมุสลิมที่มีอายุระหว่าง 9 – 13 ปี โดยสำนักงาน ปปส.กทม. สนับสนุนงบเงินอุดหนุนให้แก่เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินกลุ่มพื้นที่กรุงเทพตะวันออก ขณะนี้สามารถสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนมุสลิมในพื้นที่ดังกล่าว และปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนดำรงตนตามวิถีของอิสลามด้วยการเสริมสร้างศักยภาพทั้งทางโลกและทางธรรม การดำเนินชีวิตตามหลักการของศาสนา เด็กและเยาวชนได้มีส่วนร่วมดูแลเฝ้าระวังรักษาชุมชนของตนได้ตามโครงการแล้วจำนวน 3 รุ่น รวม 150 คน โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากเครือข่ายภาคีในพื้นที่ ได้แก่ ผู้นำศาสนา เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินกรุงเทพมหานคร/เขตบางกะปิ และ ปปส.กทม.
ทั้งนี้ ผอ.ปปส.กทม.ได้มอบสื่อรณรงค์ป้องกันยาเสพติดและอุปกรณ์กีฬาให้แก่เด็กและเยาวชน และเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินเขตบางกะปิด้วย




ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลศาลมณฑลทหารบกที่ 31 ที่ 84/2561 ลงวันที่ 5 ต.ค.2561 ข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่นและทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในทาง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุม”
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้รับเรื่องดังกล่าว ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายเอ็ม ได้หลบหนีคดีมาพักอาศัยอยู่บริเวณอิมเพคเมืองทองธานี ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ประกอบอาชีพรับจ้างเป็นผู้ช่วยทำอาหารฮ่องกง จึงวางกำลังเข้าจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปางมะค่า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยมี นายปานทอง สระคูพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธาน พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมบูรณาการการปฏิบัติ ตามนโยบายการแก้ใขปัญหาแรงงานต่างด้าวฯ ประจำเดือน ตุลาคม 2562 ณ บริษัทโรงงานทออวนเดชาพานิช จำกัด และ บริษัทมหาชัยกรุ๊ป ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด ผลการปฏิบัติ ไม่พบผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมแนะนำสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับกฎหมายโดยเคร่งคัด ได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการเป็นอย่างดี

พ.ต.อ.ปิยรัช กล่าวได้รับแจ้งว่า มีกลุ่มบุคคลลักลอบใช้รถกระบะขนย้ายยาเสพติดจากทางภาคตะวันออกมาซุกซ่อนไว้ท่ีบริเวณเขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และบริเวณหอพักใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยย่านเมืองเอก ทั้งยังลักลอบขายยาเสพติดให้กับประชาชน หรือนักเรียนนักศึกษา ในบริเวณดังกล่าว ชุดจับกุมจึงสืบสวนติดตามตัวผู้กระทำผิด ก่อนลงพื้นที่หาข่าวและทราบว่าขบวนการกลุ่มนี้ได้รับการติดต่อจากนายบาส ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ว่าจ้างให้ขนลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยได้ทำมาแล้วประมาณ 3 เดือน ขายสัปดาห์ละ 1 ล้านเม็ด ส่วนอาวุธปืนนั้น ผู้ต้องหาอ้างว่า มีไว้เพื่อป้องกันตัวเอง จากนี้เจ้าหน้าที่เตรียมส่งอาวุธปืนตรวจเทียบเคียงกับคดีอื่นๆ ในพื้นที่นครบาลต่อไป
พ.ต.อ.ปิยรัช กล่าวว่า สืบเนื่องจาก สายตรวจ 2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. พบเบาะแสว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “คุโด้คุง” ประกาศรับต่อภาษี รถหลุดจำนำ เล่มทะเบียนรถยนต์ ทำใบอนุญาตขับขี่ปลอม พร้อมทั้งบัตรประชาชนปลอม จึงสืบสวนเรื่อยมากระทั่งทราบชื่อเจ้าของเพจ คือนายธงไชย เมื่อตรวจสอบประวัติเพิ่มเติมพบว่านายธงไชย มีหมายจับติดตัว 13 หมาย ทั้งยังมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ต่อมาตำรวจจึงสืบสวนติดตามตัวและพบนายธงไชย ที่ลานจอดรถห้างฟู๊ดแลนด์ดังกล่าว จึงเข้าจับกุมตัวก่อนขยายผลพาเข้าตรวจห้องพักเลขที่ 912 ชั้น 30 คอนโดย่านรามคำแหง ก่อนจะพบของกลางต่างๆ จำนวนมาก สอบสวนผู้ต้องหารับว่ามีนายหน้าสั่งให้ผลิตบัตรต่างๆ โดยมีราคาบัตรประชาชน 5,000 บาท ใบขับขี่ 4,000 บาท บัตรต่างด้าว 3,000 บาท ก่อนคุมตัวพร้อมนำของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย และขยายผลสืบสวนหาตัวผู้สั่งซื้อหรือผู้ที่มีภาพหน้าบัตรต่างๆ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยภายใต้นโยบายกาสั่งการของกรุงเทพมหานคร โดย นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการเขตพระนคร ได้มอบหมายให้ ว่าที่ร้อยตรี ฤทธิพันธ์ นันทศุภกร ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตพระนคร สั่งการให้ นายเจษฎา ประภาสะวัต หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ และ นายคณิต ชุมช่วย หัวหน้างานตรวจและบังคับการฝ่ายเทศกิจ จัด จนท.เทศกิจ เขตพระนคร ชุด 254 แบ่งชุดกำลังกัน จนท.เทศกิจ คอยออกตรวจตราความเรียบร้อยและกวดขันผู้ค้าฝ่าฝืน บริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง และ โดยรอบท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เบื้องต้นเมื่อช่วงเช้า เวลา 09.30 น. ในขณะที่ จนท.เทศกิจ เขตพระนคร ชุด 254 ออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจความเรียบร้อย และกวดขันผู้ค้าฝ่าฝืน บริเวณข้างวัดมหาธาตุ อยู่นั้น ได้มี (ชายไทย) สูงอายุ 2 คน ซึ่งที่ผ่านมาบุคคล 2 คนนี้ได้มีการนำสินค้าพระเครื่อง (พระปลอม) แอบนำพระเครื่องมาวางขายบริเวณบนทางเท้า อยู่เป็นประจำโดยที่ผ่านมาจะมีการจับมาดำเนินคดีเสียค่าปรับอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งเมื่อ จนท.เทศกิจ ชุด 254 ได้ไปว่ากล่าวตักเตือนแต่ (ชายไทย) สูงอายุทั้ง 2 คนได้มาพูดจาด่า จนท.เทศกิจ อย่างไม่เกรงกรัวต่อกฎหมาย (ดังภาพคลิป VDO) ข้างต้น และยังได้เอามือตบ จนท.เทศกิจ ในขณะที่ปฎิบัติหน้าที่อีก ซึ่งกรณีดังกล่าวจึงอยากฝากให้ประชนเข้าใจและมอง จนท.เทศกิจ ในมุมกลับกันว่า จนท.เทศกิจ ในขณะปฏิบัติงานต้องเจอกับอะไรบ้าง