ศาลออกหมายจับ “ชัยวัฒน์” พร้อมพวกรวม 4 ราย คดีอุ้มฆ่า “บิลลี่”

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับแก๊งอุ้มฆ่านายอุ้มฆ่าพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกระเหรี่ยง

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำประชาชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย เป็นคดีพิเศษ ที่ต้องสืบสวนและสอบสวนตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 เป็นคดีพิเศษที่ 13/2562 ซึ่งมีการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งพบชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะและถังน้ำมันรวมทั้งมีพยานบุคคลและพยานเอกสารเกี่ยวกับคดีเพิ่มเติมเป็นลำดับตามที่ปรากฏเป็นข่าวมาแล้ว และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ความสำคัญ รวมถึงมอบนโยบายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีด้วยความรอบคอบและรวดเร็วนั้น

ล่าสุด ในวันนี้ (วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562) ได้มีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว โดยมี พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาพยานหลักฐานรวมทั้งผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ประชุมเห็นว่ามีพยานหลักฐานพอขออนุมัติต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติชอบกลาง ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้ พ.ต.ท. เชน กาญจนาปัจจ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าว เป็นผู้ยื่นคำร้องและแถลงข้อเท็จจริงต่อศาล ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อนุมัติได้ออกหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก ประกอบด้วย นายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ รวม 4 คน ในความผิดฐาน

(1) ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้

(2) ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้นและได้กระทำโดยมีอาวุธ

(3) ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย

(4) ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น และมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ

(5) ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป

(6) ร่วมกันโดยทุจริตเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 289 (4) (7), 309, 310, 337, 340, 340 ตรี ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ รวมทั้งความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 148, 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 123/1 และมาตรา 172 อันเป็นความผิดที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ไต่สวนพบมูลความผิดแล้วด้วย

พ.ต.อ. ไพสิฐ กล่าวว่า หลังจากนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการประกาศสืบจับ ตามระเบียบกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับหมายจับในคดีพิเศษ พ.ศ. 2562 โดยขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการประกาศสืบจับและจับกุม และในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษเอง ก็มีศูนย์สืบสวนสะกดรอย เป็นผู้สืบสวนติดตามจับกุมตัวตามหมายจับในคดีพิเศษด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นการติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับต่อไป.

“รอง ผบช.อังกูร”เดินสาย ตรวจเยี่ยม สั่งกำชับ ตำรวจท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ในเทศกาลลอยกระทง

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าว ไทยแทบลอยด์ รายงานว่า พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบช.ทท. , พ.ต.อ.ศราวุธ ตันกุล ผกก.2 บก.ทท.มาตรวจเยี่ยม ส.ทท.1 กก.2 บก.ทท.1 มี พ.ต.ท.ศรุต ระยานนท์ สว.ส.ทท.1 กก.2 บก.ทท.1(อยุธยา)พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจในสังกัดให้การต้อนรับ และร่วมประชุมวางแผนและกำชับแนวทางการรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2562 จากนั้น ตรวจสถานที่ลอยกระทง วัดภูเขาทอง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ในเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2562

ในเวลาต่อมา พล.ต.ต.อังกูร มาตรวจเยี่ยม ส.ทท.2 กก.3 บก.ทท.2(นครสวรรค์) เพื่อยกระดับสถานี ตามนโยบาย ผบ.ตร.โดยมี พ.ต.ท.มนต์ชัย มะลิพวง สว.ส.ทท.2 กก.3 บก.ทท.2 พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจในสังกัดให้การต้อนรับ ตรวจความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งรับทราบปัญหาอุปสรรค์ เพื่อแก้ไขให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาและร่วมประชุมวางแผนและกำชับแนวทางการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2562
จากนั้น ตรวจสถานที่ลอยกระทง วัดกบ จ.นครสวรรค์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ในเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2562

กรุงศรี เปิดบริการ Krungsri Blockchain Interledger

กรุงเทพฯ (11 พฤศจิกายน 2562) — กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เปิดตัวบริการ Krungsri Blockchain Interledger โอนเงินจาก สปป.ลาว มายังประเทศไทย แบบเรียลไทม์ รองรับทั้งสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและบาท ช่วยสนับสนุนธุรกิจการค้าไทย-สปป.ลาว เพิ่มความคล่องตัวให้กับธุรกิจแบบไร้พรมแดน

นายแดน ฮาร์โซโน่ ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การค้าและการลงทุนระหว่างไทยและ สปป.ลาว เติบโตและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรุงศรีจึงนำนวัตกรรมทางการเงินมาใช้เพื่อสนับสนุนการธุรกิจการค้าระหว่างสองประเทศ โดยธนาคารได้เปิดตัว Krungsri Blockchain Interledger ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการธุรกิจไทย-สปป.ลาว ให้สามารถโอนเงินระหว่างประเทศสำเร็จภายในเวลาไม่กี่วินาที ก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-3 วันทำการ และนวัตกรรมดังกล่าวยังสามารถรองรับทั้งสกุลเงินบาทและ ดอลลาร์สหรัฐด้วย”

“กรุงศรีเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สปป.ลาว โดยวิจัยกรุงศรีได้คาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของ สปป. ลาว เติบโตอยู่ที่ 6.4% ในปี 2562 และ 6.5% ในปี 2563 และหากดูตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไปยัง สปป. ลาว (Foreign Direct Investment) พบว่า
นักลงทุนจากประเทศไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ที่ลงทุนใน สปป. ลาว ดังนั้นการเปิดตัวนวัตกรรม Krungsri Blockchain Interledger จะช่วยขับเคลื่อนภาคธุรกิจไทยและ สปป. ลาว ให้ขยายตัวและเติบโตได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น” นายแดน กล่าวเพิ่มเติม

ปัจจุบัน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีสาขาอยู่ใน สปป. ลาว จำนวน 2 สาขา ได้แก่ เวียงจันทน์ และ สะหวันนะเขต และยังมีดำเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อผ่อนชําระให้แก่ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจใน สปป.ลาว ภายใต้แบรนด์ “กรุงศรี ลีสซิ่ง” ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ 5 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นวัตกรรม Krungsri Blockchain Interledger ของกรุงศรีได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญใน ภูมิทัศน์ทางการเงินสำหรับภาคธุรกิจ จากความสำเร็จในการโอนเงินระหว่างประเทศแบบเรียลไทม์เป็น ครั้งแรกในการซื้อ-ขายน้ำมันระหว่างไออาร์พีซีและ บริษัท พลังงานบัวสวรรค์ จำกัด คู่ค้าของไออาร์พีซีในสปป. ลาว และต่อมากรุงศรีได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าองค์กรชั้นนำในไทยและต่างประเทศร่วมใช้นวัตกรรม Krungsri Blockchain Interledger ภายใต้กรอบ BOT Regulatory Sandbox และส่งผลให้ กรุงศรีเป็นธนาคารแรกที่ได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทยในการพัฒนานวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีดังกล่าวระหว่างไทยกับสปป.ลาว

ธนชาตเปิดประมูลหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท

ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดประมูลซื้อสิทธิเรียกร้องในหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ไตรมาสที่ 4/2562 รวมจำนวน 12,172 บัญชี ยอดหนี้เงินต้นรวม 2,391,689,946.82 บาท รูปแบบการประมูลแบบรายกลุ่ม โดยระบุราคาแต่ละรายลูกหนี้ ตามแบบฟอร์มการยื่นซองประมูลราคาโดยวิธีปิดซอง ณ ที่ทำการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดจำหน่ายเอกสารประกอบการประมูลและซีดีรอม ตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 12 พฤศจิกายน 2562 และยื่นซองประมูลเสนอราคาซื้อ ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายกลยุทธ์และแผนงาน ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) อาคารเพชรบุรี ชั้น 9 หมายเลขโทรศัพท์ 02-208-6296 และ 02-208-5751

บัตรเครดิต TMB ให้ชำระค่าเบี้ยประกันแบบสบายๆ พร้อมรับเงินคืนรวมสูงสุด 5,000 บาท

บัตรเครดิต TMB ช่วยลูกค้าแบ่งเบายอดการชำระค่าเบี้ยประกันปลายปี มอบเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 5,000 บาท เมื่อชำระเบี้ยประกันด้วยบัตรเครดิต TMB และทำรายการแบ่งจ่าย So GooOD 3, 6, 10 เดือน ตั้งแต่ วันที่ 1 พ.ย. 62 – 31 ธ.ค. 62 จำกัดเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 5,000 บาท/บัตรตลอดรายการ (จำกัดสูงสุด 2,500 บาท/บัตร/เดือน) โปรโมชั่นไม่รวมทีเอ็มบี เวลธ์ตี้ ทรี เจนส์, ทีเอ็มบี เวลธ์ตี้ ลิงค์, ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงค์) และกองทุนรวมทุกประเภท  ลงทะเบียน SMS ก่อนทำรายการเพื่อรับสิทธิ์ พิมพ์ TMBIS ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต TMB 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4806026 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ TMB Contact Center โทร. 1558 และดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.tmbbank.com

“ธนชาต” ก้าวหน้าไม่หยุดยั้ง ขยายบริการหนังสือค้ำประกันบนบล็อกเชน สู่กลุ่ม “ไทยออยล์ – ปตท.”

ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ขยายบริการ หนังสือค้ำประกันบนเทคโนโลยี “บล็อกเชน” ไปสู่องค์กรธุรกิจชั้นนำอีก 2 องค์กร ได้แก่ กลุ่ม บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และ กลุ่ม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยพร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมเป็นต้นไป หลังจากที่นำร่องให้บริการไปแล้ว 4 องค์กร ได้แก่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัทจีซี มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น จำกัด กลุ่มบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และกลุ่มธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์ใน กลุ่ม บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เพื่ออำนวยความสะดวกให้การเชื่อมต่อรวดเร็วและง่ายดายมากยิ่งขึ้นในยุคดิจิทัล สนับสนุนให้ลูกค้าและกลุ่มธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการ ก้าวหน้าไปพร้อมกับการขยายบริการอย่างต่อเนื่องสำหรับเครือข่ายกลุ่มธุรกิจเพิ่มเติมในอนาคต

หนังสือค้ำประกันบนเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความปลอดภัยสูง ตรวจสอบง่าย และปลอมแปลงยาก ให้บริการแก่หน่วยงานผู้รับหนังสือค้ำประกัน และคู่ค้าผู้วางหนังสือค้ำประกัน โดยบริษัทผู้รับหนังสือค้ำประกันสามารถดูเอกสารหนังสือค้ำประกันของคู่ค้าที่ออกโดยธนาคารได้ผ่านระบบซึ่งสะดวกและรวดเร็วกว่ารูปแบบเดิม เอื้อให้เกิดการเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายธนาคารและภาคธุรกิจต่างๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ บริการหนังสือค้ำประกันบนเทคโนโลยี“บล็อกเชน” นับเป็นก้าวแรกตามแผนการสร้างชุมชน Thailand Blockchain Community Initiative ซึ่งธนาคารธนชาต ร่วมมือกับสมาชิกสมาคมธนาคารไทย พร้อมด้วยรัฐวิสาหกิจและองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อขานรับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมายกระดับประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของประเทศ

ติดต่อสอบถามได้ที่ธนาคารธนชาต ทุกสาขา โทร.1770

อำนาจ..!!!

คำกล่าวของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับไปนานแล้ว ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่มีเนื้อหาเป็นอมตะใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะกับการบริหารและการปกครองในประเทศของเรา

อาจารย์หม่อม กล่าวไว้ว่า ” อำนาจนั้นเปรียบเหมือนยาเสพติด ใครได้มาแล้ว ย่อมวางไม่ลง ไม่มีวันพอได้ ฉะนั้นจะเห็นว่า นักการเมือง การทหาร บำเพ็ญกรณีการแสวงหาอำนาจ เมื่อได้มาแล้ว ก็อยากได้ต่อไปอีกในที่สุดอำนาจนั้น ก็จะทำลายตนลงไป เฉกเช่น ยาเสพติด ย่อมทำลายผู้เสพฉันใด ? ฉันนั้น “

คำกล่าวนี้จริงแท้แน่นอน กับบทบาทการเมืองการปกครองในประเทศไทย ที่สามารถนำมาใช้เปรียบเทียบกับผู้มีอำนาจในสายงานราชการต่างๆ

โดยเฉพาะผู้รักษากฎหมาย ตำรวจก็เป็นส่วนหนึ่งของอาชีพตามระบบราชการ ที่ต้องดูแลบังคับใช้กฎหมาย เป็นลำดับต้นๆเช่นกันในยุคปัจจุบัน องค์กรตำรวจมีผู้นำ คือพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือบิ๊กแป๊ะ กุมบังเหียน ปกครองตำรวจกว่า 2 แสนชีวิต บนเก้าอี้ ผบ.ตร. ยื่นหยัดอยู่ในตำแหน่ง ครบ 4 ปีเต็มๆ ก้าวสู่ปีที่ 5 อย่างมั่นคง

แม้จะมีอุปสรรคต่อการบริหารงานอย่างมากมาย ต้องขานรับนโยบาย บิ๊กทางการเมือง ที่ถูกมองกันว่า พล.ต.ต และพล.ต.ท.ใหญ่กว่า ผบ.ตร.ล้วงลูกการแต่งตั้งโยกย้ายแทบทุกคำสั่ง เกิดกระแส ผบ.ตร.น้อยที่ปกครองหลังม่าน ปัจจุบันปัญหานี้หมดไปเพราะ “ฟ้ามีตา ” อำนาจเบ็ดเสร็จ ที่เคยใช้ ถูกจัดสรรแบ่งปันไปให้นักการเมืองอาชีพ เข้ามาช่วยบริหารงานประเทศในตำแหน่งรัฐมนตรี

การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจทุกระดับ หนีไม่พ้น “ตั๋วฝาก” ที่อาจเปลี่ยนรูปแบบ จากหนังสือกำกับการขอตำแหน่ง เป็นการหารือโดยตรง โดยวาจา หรือทางโทรศัพท์ อำนาจขั้วเดิม นายทหารใหญ่ พ่วงด้วยนักการเมืองระดับสูงถูกใช้สุด

โดยเพื่อคนของกู ไม่คำนึงถึงผลงาน เป็นความหนักใจอีกครั้งของผู้นำตำรวจ อย่าง ” บิ๊กแป๊ะ ” ที่ต้องใช้ความลงตัวทุกด้าน มาไกลเกลี่ยตำแหน่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชา คนมีผลงานอาจโดนลืม แต่ความอาวุโสที่เข้าหลักเกณฑ์ 33 เปอร์เซ็นต์

ยังคงใช้ได้ตามกฎกติกาการแต่งตั้งที่บังคับไว้ การซื้อขายตำแหน่งนั้น มีแน่ แต่ซื้อกับใคร ?? ยากที่จะมีหลักฐาน

การแต่งตั้งระดับ รองผู้บังคับการลงไปถึงสารวัตร ที่กำลังเข้ม และงวดเข้ามาทุกขณะ ที่คาดการว่า สิ้นเดือนนีพฤศจิกายน จะแล้วเสร็จ มีผลภายในต้นเดือนหน้า ธันวาคม กำลังเป็นที่จุดจ้อง  ในสายตาสื่อ และประชาชนภายนอก รวมทั้งข้าราชการตำรวจทั่วไป

คำว่า อำนาจต่างๆ ที่น่าจะมาจากนอกระบบ จะแทรกแชงมากน้อยแค่ไหน ?

การซื้อขายตำแหน่งที่เคยโจษขานกันมาก่อนๆ มีมากหรือไม่.?

ทั้งหมดทั้งปวงอยู่ในความรับผิดชอบของ ผบ.ตร.แต่เพียงผู้เดียว

คงยากจะปฏิเสธ กลิ่นไอความหอมหวล ในอำนาจ ที่ต้องใช้ ต่อไปอย่างแน่นอน.

‘เคทีซี’ หนุนพัฒนาการเรียนรู้สู่ความก้าวหน้า จับมือ ‘สกิลเลน’ มอบข้อเสนอพิเศษ

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ “สกิลเลน” (SkillLane) แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์สำหรับคนทำงานคุณภาพมากกว่า 500 คอร์ส สอนโดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญและสถาบันชั้นนำจากประสบการณ์จริงกว่า 400 ท่าน มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี รับส่วนลด 300 บาททันที พร้อมรับคะแนน KTC FOREVER เมื่อสมัครคอร์สออนไลน์ผ่าน www.SkillLane.com ครบ 2,000 บาทต่อรายการ โดยระบุรหัสส่วนลด “KTCSKL300” ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 – 31 มกราคม 2563

“SkillLane (สกิลเลน)” หรือ Digital Learning Platform ชั้นนำของไทย เป็นแพลตฟอร์มเพื่อให้คนทำงานเข้าถึงความรู้ที่เน้นการพัฒนาทักษะตามความต้องการ (on-demand) เพื่อเพิ่มพูนทักษะการทำงานและการใช้ชีวิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้เองตามใจแม้จะมีเวลาว่างเพียง 15 นาทีในแต่ละวัน ปัจจุบันมีคอร์สเรียนออนไลน์ครอบคลุมมากกว่า 15 หมวดหมู่ ทั้งหมวดการเงินการลงทุน  หมวดอสังหาริมทรัพย์ หมวดธุรกิจ  หมวดการตลาด  หมวดพัฒนาตนเอง  หมวดภาษา  หมวดคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงหมวดไลฟ์สไตล์ อัดแน่นด้วยอาจารย์ผู้สอนที่เชี่ยวชาญและสถาบันชั้นนำ อาทิ ลูกเกด-เมทินี / อาจารย์อดัม       แบรดชอว์ / ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ / กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล / ภาววิทย์ กลิ่นประทุม / หยง-ธำรงชัย            เอกอมรวงศ์ / 2Morrow Group, SCBS, SCG, AIS The StartUp ฯลฯ

นอกจากนี้ สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซียังสามารถแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ากับยอดซื้อต่อรายการ และรับคะแนน KTC FOREVER สูงสุด X12 (คะแนนปกติ 1 เท่า + คะแนนพิเศษสูงสุด 11 เท่า) เพียงใช้จ่ายและลงทะเบียนรับสิทธิที่ www.ktc.co.th/shoponline ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 และวันที่ 12 ธันวาคม 2562 เท่านั้น

 

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชั่นออนไลน์อื่นๆ ของเคทีซีได้ที่ www.ktc.co.th/shoponline แหล่งรวมโค้ดส่วนลดจากพันธมิตรออนไลน์ที่มากที่สุด สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์   หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ #สุขสุดคุ้ม กับบัตรเคทีซี

กสิกรไทย คว้า 3 รางวัลใหญ่ จาก The Digital Banker ตอกย้ำผู้นำด้านดิจิทัล แบงกิ้ง

ธนาคารกสิกรไทย ประกาศความสำเร็จ คว้า 3  รางวัลใหญ่จากเวที Global Retail Banking Innovation Awards 2019 ได้แก่ รางวัล Best Customer Centric Business Model รางวัล Outstanding Innovation Program และรางวัล Outstanding Digital Innovation in SME Banking จากการพัฒนา       K SME DIGIBIZ เว็บไซต์บริการให้คำปรึกษาและรวบรวมแอปจัดการธุรกิจแบบดิจิทัลอย่างครบวงจรสำหรับเอสเอ็มอี ตอกย้ำผู้นำด้านดิจิทัล แบงกิ้ง และความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในยุคดิจิทัล ซึ่งจัดโดย The Digital Banker เว็บไซต์ด้านข่าวสาร การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินการธนาคารระดับโลก ณ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

 

KBank wins three major awards from The Digital Banker event, reaffirming leadership in digital banking

Recently, in Singapore, KBank won three major awards from theGlobal Retail Banking Innovation Awards 2019”, namely, Best Customer Centric Business Model, Outstanding Innovation Program and Outstanding Digital Innovation in SME Banking, thanks to KBank success in developing K SME DIGIBIZ, a website to provide comprehensive counseling service and digital applications for SME business management. The awards reaffirm KBank leadership in digital banking and success in developing financial innovation to address the customer needs in the digital era. The event was organized by The Digital Banker, an international business intelligence website focusing on research and financial innovation.

กรุงไทยลดดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ลง 0.25 % ต่อปี ช่วยผู้ประกอบการลดภาระต้นทุน

ธนาคารกรุงไทย สนองนโยบายรัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยผู้ประกอบการลดภาระต้นทุน ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบมีระยะเวลา MLR ลง 0.25% ต่อปี เริ่มวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ธนาคารตระหนักถึงการมีส่วนช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ อีกทั้งช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงของภาวะความผันผวนของค่าเงินและสงครามการค้า พร้อมทั้งตอบสนองทิศทางดอกเบี้ย ธนาคารจึงได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบมีระยะเวลา MLR ลง 0.25% ต่อปี จากอัตรา 6.275% ต่อปี  เหลืออัตรา 6.025% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป ซึ่งธนาคารหวังว่า การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงิน มีส่วนสนับสนุนศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย ตลอดจนร่วมผลักดันเศรษฐกิจไทยโดยรวม

นอกจากนี้ ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำลง 0.25% ต่อปี ยกเว้นบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลที่ไม่แสวงหากำไร ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้ารายย่อย