ไทยประกันชีวิตจ่ายสินไหมฮอตเคลม กรณีทนายดังถูกยิงในศาลจังหวัดจันทบุรี กว่า 5 ล้านบาท

นายสวัสดิ์ นฤวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Life Operation Officer บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดเหตุยิงกลางศาลจังหวัดจันทบุรี เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 5 ราย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิต คือนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ เป็นผู้เอาประกันของบริษัทฯ ซึ่งเป็นทนายความชื่อดัง รวมถึงยังเป็นอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ (สปช.) และอดีตสมาชิกสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)

บริษัทฯ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมกันนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการพิจารณาและอนุมัติการจ่ายสินไหมมรณกรรมอย่างเร่งด่วน จำนวน 5,433,064 บาท ตามโครงการไทยประกันชีวิตฮอตเคลม

กรุงไทยนำที่สุดของนวัตกรรมการลงทุนร่วมงาน SET in the City 2019

ธนาคารกรุงไทย นำที่สุดของทุกปรากฏการณ์การลงทุน ผสานความล้ำยุคของ Digital Solution มารวมไว้ในที่เดียว กับ “ปรากฏการณ์ NEXT สู่อนาคต : NEXT to the Future” มอบประสบการณ์ธุรกรรมทางการเงินและการลงทุนที่ครบครัน ตอกย้ำการเป็น Invisible Banking อย่างเต็มรูปแบบ ด้วย 4 NextPerience Zone ผนึกบริษัทในเครือ นำเสนอแอปพลิเคชั่นในการซื้อขายหลักทรัพย์และกองทุน พร้อมเครดิตเงินคืนสูงสุด 6 หมื่นบาท

นายพิชิต จงสฤษดิ์หวัง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์รายย่อย ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารขอเชิญชวนนักลงทุนรุ่นใหม่สัมผัสประสบการณ์โลกการเงินและการลงทุนยุคใหม่ ด้วย Digital Banking ที่ผสมผสานหลากหลายบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างลงตัว สะดวกทุกธุรกรรมอย่างครบวงจร ในงาน SET in the City 2019 ระหว่างวันที่ 14-17 พฤศจิกายน 2562 ที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยบูธของธนาคารได้นำเสนอแนวคิด ปรากฏการณ์ NEXT สู่อนาคต : NEXT to the Future ด้วย 4 NextPerience Zone พร้อมกับข้อเสนอสุดพิเศษให้นักลงทุนยุค Digital ทุกคนได้สัมผัสนวัตกรรมทางการเงินการลงทุนที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ด้วยความเชื่อมั่นว่าอนาคตการลงทุนคือสิ่งที่กำหนดได้

สำหรับ NextPerience Zone แรก คือทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย ด้วยฟีเจอร์บริการกองทุน ในแอปพลิเคชั่น กรุงไทย NEXT ที่สามารถเปิดบัญชี ดูพอร์ต ซื้อขาย สับเปลี่ยนกองทุน ซื้อ LTF หรือ RMF เพื่อลดหย่อนภาษีได้ทันที นอกจากนี้ยังมีเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษ Krungthai Bonus Savings ให้ดอกเบี้ยสูงสุด 2.25% ต่อปี อีกทั้ง ยังสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ทุกกลุ่มทุกขนาด ด้วยแคมเปญ กรุงไทย SME เคียงข้างธุรกิจคุณ ด้วยสินเชื่อ SME 10 ประเภทและสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษอีก 1 ประเภท ในวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 4% ต่อปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกัน บสย. 4 ปี

นายพิชิต จงสฤษดิ์หวัง กล่าวต่อไปว่า ธนาคารยังได้ร่วมกับบริษัทในเครือจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษอีก 3 NextPerience Zone ได้แก่ บมจ.หลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย (KTAM) นำเสนอแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ที่สามารถทำรายการซื้อขายกองทุน และวางแผนการทำรายการล่วงหน้าได้ด้วยตนเอง โดยเครดิตเงินคืน 100 บาท เข้ากองทุน KTSTPLUS เมื่อลงทุนใน LTF หรือ RMF ทุก 50,000 บาท บล.เคที ซีมิโก้ (KT- ZMICO) นำเสนอแอปพลิเคชั่น WEALTH ME ที่สามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว อนุมัติภายใน 30 นาที บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จัดโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันชีวิต ได้รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 60,000 บาท หรือเมื่อชำระด้วยบัตรเครดิต KTC รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 14% หรือผ่อน 0% นาน 3 เดือน นอกจากนี้ ยังมีบูธตรวจสุขภาพฟรี และของสมนาคุณอีกมากมาย ภายใน Zone ต่างๆ อีกด้วย

เตือนภัย​ พิกัดโซน สามแยกปักฯ โคราช

เตือนภัย​ ประชาชนที่ขับขี่รถไปตามทาง​ ระวังทางเปลี่ยว รวมทั้งตามตรอก ซอก ซอย คนเดียว มันอันตรายสุดๆ

วันนี้​ วัน​พุธ​ที่ 13 พ.ย.62 : ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก คุณทอย (ขอสงวนนามสกุล และ ที่อยู่) ว่า ขณะที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านมาซื้อของที่เซเว่นอีเลฟเว่น หน้าปากซอยก๋วยเตี๋ยวเมืองโอ่ง เเถวโรงงานแป๊บซี่ ท้องที่ สภ.โพธิ์กลาง

คุณทอยฯ เล่าอีกว่า หลังจับจ่ายซื้อของในเซเว่นฯ​ เสร็จ​ ขึ้นรถจยย.กลับบ้าน ระหว่างที่ขับขี่มาตามเส้นทางก็มีชายวัยรุ่น 2 คน โดยคนขับขี่สวมหมวกกันน๊อก ส่วนคนซ้อนท้ายไม่ได้สวมหมวกกันน๊อก แต่ก็ไม่ทันสังเกตุใบหน้าคนขับขี่รถจยย.​ ได้ขับมาเทียบประกบข้างๆ​ แล้วก็มองหน้าเหมือนจะหาเรื่อง


คุณทอยฯ เล่าต่อว่า ขณะนั้นเองก็มีความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณหน้าขาก็เเลยเอามือลูบดูตรงที่เจ็บปรากฎว่า ถูกมีดกรีดจนกางเกงขาดแล้วมีบาดแผลเลือดไหลซิบๆ จึงรีบขี่รถหนีไห้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่วัยรุ่นสองคนก็ยังขี่รถไล่ตามมา จนกระทั่งถึงบริเวณแยกไฟแดงชลประทานมองดูกระจกข้างก็ไม่พบวัยรุ่นทั้งสองคนแล้ว จึงรีบขี่รถไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.โพธิ์กลาง เรียบร้อยแล้วดังกล่าว

คุณทอยฯ เปิดเผยตอนท้ายว่า จากเหตุการณ์ที่แล้วมาทั้งหมด อยากจะฝากเตือนประชาชนทุกท่านที่ขับขี่รถจยย.คนเดียว โดยเฉพาะสุภาพสตรีทุกท่านไว้เป็นอุทาหรณ์ เพื่อที่จะได้ระวังตัวกันให้มากขึ้น เพราะคนร้ายลงมือก่อเหตุได้ทั้งกลางวัน และกลางคืน หวังที่จะชิงทรัพย์ ดังกล่าว

กองปราบรวบ “ปิง ท่าม่วง” ฉุนถูกรถบรรทุกปาดหน้า ไล่ยิงโชเฟอร์เจ็บ รับเข้าใจผิดคิดว่าอริตามราวี

วันนี้ (14 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป.
พ.ต.ต.เกริก เสนาะสำเนียง สว.กก.5 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายมนัสวุฒิ วิโรจนะ หรือปิง ท่าม่วง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/13 หมู่ 8 ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 447/2559 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2559 ข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง,พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุและทำลายทรัพย์ของผู้อื่น” ได้หน้าร้านสะดวกซื้อริมถนนปลายบาง ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2559 ขณะที่ นายมนัสวุฒิ ผู้ต้องหาได้ขี่รถจักรยานยนต์มาถึงบริเวณถนนสาธารณะ ม.1 ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี แต่ถูกรถบรรทุกหกล้อส่งของขับแซงลักษณะปาดหน้า ทำให้ผู้ต้องหาโกรธ ชักอาวุธปืนไล่ยิงรถหกล้อหลายสิบนัด ทำให้คนขับได้รับบาดเจ็บและรถเสียหาย หลังเกิดเรื่องผู้เสียหายได้แจ้งความที่ สภ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี กระทั่งศาลออกหมายจับไว้ จากนั้นผู้ต้องหาก็หลบหนีออกจากพื้นที่เรื่อยมา จนทราบว่าล่าสุดได้มาซ่อนตัวกับญาติใน จ.นนทบุรี จึงนำกำลังจับกุมได้ดังกล่าว

สอบสวน นายมนัสวุฒิ ให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุขณะนั้นตนเองเมาสุราจากงานเลี้ยงคิดว่าเป็นคู่อริตามมาหาเรื่อง จึงเกิดความโกรธแค้นไล่ยิงหมายเอาชีวิต ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นได้ยืมมาจากเพื่อนหลังจากเกิดเรื่องได้โยนทิ้งไปแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่ง สภ.ท่าม่วง ดำเนินคดีต่อไป

“สง.ศาลยุติธรรม ร่วมมือกับ สตม.”เชื่อมข้อมูลคำสั่งศาล บุคคล ห้ามออกนอกประเทศ

วันนี้ 14 พฤศจิกายน 2562 นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และพลตำรวจตรี พรชัย ขันตี รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือการเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งห้ามออกนอกราชอาณาจักรโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของทั้งสองหน่วยงานให้รวดเร็วและถูกต้องยิ่งขึ้น

เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมกล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า สำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จะนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการส่งและรับข้อมูลคำสั่งศาลที่ห้ามผู้ต้องหาหรือจำเลยซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราวเดินทางออกนอกราชอาณาจักร รวมถึงคำสั่งศาลที่อนุญาตให้บุคคลดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราว และการเพิกถอนคำสั่งห้ามออกนอกราชอาณาจักร โดยจะเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวจากระบบฐานข้อมูลของสำนักงานศาลยุติธรรม ผ่านระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ (Government Information Network : GIN) ไปยังระบบฐานข้อมูล BIOMETRICS ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่มีการจัดเก็บและตรวจสอบข้อมูลตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ประจำอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองต่าง ๆ มีรายชื่อบุคคลที่ต้องห้ามออกนอกราชอาณาจักร รวมทั้งบุคคลที่ได้รับอนุญาตชั่วคราวให้ออกนอกราชอาณาจักรหรือศาลได้เพิกถอนคำสั่งห้ามออกนอกราชอาณาจักรแล้ว แบบ real-time ทันทีที่เจ้าหน้าที่ของศาลส่งข้อมูลคำสั่งศาลผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลนี้ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพื่อใช้ตรวจสอบบุคคลดังกล่าวโดยไม่ก่อให้เกิดข้อขัดข้องในการเดินทาง และสามารถสกัดกั้นการเดินทางหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยศาลได้ทันที

เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม

 

โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า การบูรณาการความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการอำนวยความยุติธรรมและเป็นการให้บริการแก่ประชาชนด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม ทั้งยังส่งเสริมให้การทำงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และในอนาคตสำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะร่วมกันศึกษาและพัฒนาปรับปรุงระบบ รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลด้านอื่น ๆ ต่อไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันมากขึ้น

ด้าน พลตำรวจตรี พรชัย กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมให้ความร่วมมือกับทางสำนักงานศาลยุติธรรม ในการเชื่อมโยงระบบสารสนเทศกัน กรณีการเชื่อมโยง ตามคำสั่งศาลห้ามบุคคลเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร เพื่อนำไปใช้ในการตรวจสอบการเข้าออกบุคคลดังกล่าว และดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งศาล อันจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยงานทั้งสอง พร้อมทั้งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่บุคคลในคำสั่ง กรณีหากศาลมีคำสั่งยกเลิกการห้ามเดินทางของบุคคล บุคคลนั้นไม่จำเป็นต้องมาติดต่อกับทางสำนักงานตรวจคจเข้าเมืองด้วยตนเอง ทั้งนี้เป็นการดำเนินการตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ฯ

นอกจากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตรวจคเข้าเมืองได้นำระบบไบโอเมตริค มาใช้ในการตรวจเข้าออกราชอาณาจักรของบุคคลทั่วไป เป็นระบบที่ทันสมัยมีการตรวจเช็คตัวบคุคลด้วยลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่าย และมีความพร้อมที่จะเชื่อมโยงระบบสารสนเทศกับทุกหน่วยงานราชการ เพื่อำนวยความสะดวกแก่หน่วยงานราชการและประชาชนทั่วไปด้วย

“ผบก.ภ.จว.ปทุมฯ”ฟิตปั๋ง นำทัพ ตะลุยตรวจพื้นที่ สั่งเข้มขันน๊อต นโยบาย ผบ.ตร.-ผบช.ภ.1 ทุกมิติ ปิดท้ายแถลงผลงานจับยาบ้า-ยาไอซ์ 4 กก.

เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2562  ที่กองบังการตำรวจภูธร จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี , กล่าวว่า  ตน พร้อมด้วย พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี  ได้เดินทางตรวจเยี่ยม”โครงการประชารัฐร่วมใจต้านภัยยาเสพติด”  (ปักกลด) ที่ ชุมชนบางพูด ต.บางพูด อ.เมือง จ.ปทุมธานี โดยมี พ.ต.อ.พงศ์พัชร แจ้งหมื่นไวย์ ผกก.สภ.สวนพริกไทย พร้อมทั้ง นายสมศักดิ์ ธัมรูปา นายก อบต.บางพูด นายวรวุฒิ ช่อผกา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.บางพูด และ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปักกลด รายงานผลการป้องกันยาเสพติดเป็นที่น่าพอใจ

โดยในเวลาต่อ พล.ต.ต.ชยุต และคณะ ได้เดินทางตรวจเยี่ยม สภ.สวนพริกไทย พบ พ.ต.อ.พงศ์พัชร แจ้งหมื่นไวย์ ผกก.สภ.สวนพริกไทย พร้อมคณะ รอรับการตรวจเยี่ยม ผลการตรวจในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตนได้กำชับการปฏิบัติ ตามนโยบาย ผบ.ตร. ในการพิทักษ์ ปกป้อง และเทิดพระเกียรติเพื่อความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ , การรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยในสังคม , การป้องกันปราบปรามและลดระดับอาชญากรรม , การแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ , การเร่งรัดขับเคลื่อนกระบวนการปฏิรูปองค์กร , การเสริมสร้างความสามัคคีและการบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ , โครงการยกระดับการให้บริการประชาชน และตู้สวัสดิการประจำ สภ. และยังได้สั่ง กำชับการปฏิบัติ ตามนโยบาย ผบช.ภ.1 ตามโครงการประชารัฐร่วมใจต้านภัยยาเสพติด (ปักกลด) , โครงการตำรวจมาแล้ว , โครงการระฆังทอง , โครงการธงสายตรวจ , โครงการโรงพักเคลื่อนที่ , โครงการ Line ไล่ล่าตาสับปะรด และโครงการสัปดาห์พระพุทธศาสนา โดยให้ดำเนินการให้ครบถ้วนทุกโครงการและต่อเนื่อง  ยังได้สั่งการให้พัฒนา ปรับปรุง ปรับภูมิทัศน์ และทำความสะอาดภายในสถานีตำรวจ และพื้นที่โดยรอบตลอดจนตู้ยามตำรวจให้สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมให้บริการประชาชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ทุกสายงานหมั่นตรวจสอบดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา หากพบผิดปกติให้สอบถามพูดคุยให้กำลังใจ และหาทางช่วยเหลือ แก้ปัญหาในเบื้องต้น นอกจากนี้ต้องดูแลสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของข้าราชการตำรวจในสังกัด เพื่อให้เกิดขวัญ กำลังใจในการปฏิบัติงาน รวมถึงความสามัคคีในหน่วยงาน

พร้อมทั้งได้สั่งกำชับให้กวดขัน ควบคุม กำกับดูแล ความประพฤติ และระเบียบวินัยของข้าราชการตำรวจในสังกัด ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ลง 1 ต.ค. 2537 โดยเฉพาะเรื่องการแต่งกาย การประดับเครื่องหมาย ทรงผม ให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของ ตร.

ให้เร่งรัดระดมกวาดล้างอาชญากรรม โดยให้มีผลการจับกุมอย่างเป็นรูปธรรม และบรรลุตามเป้าหมาย เน้นกำชับให้ ผกก. อยู่ปฏิบัติหน้าที่ และเวรอำนวยการต้องสามารถติดต่อได้ตลอดเวลา และดูแลควบคุมการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาในการควบคุมผู้ต้องหา อย่าให้มีเหตุผู้ต้องหาหลบหนีจากห้องควบคุม โดยเฉพาะคดีสำคัญ คดียาเสพติด และขอให้มุ่งมั่น ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง และช่วยกันปรับภาพลักษณ์ของตำรวจให้ดีขึ้น ทำให้ประชาชนเกิดความรัก ความศรัทธา และเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของตำรวจ โดยให้ยึดถือหลัก “ทำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำเดี๋ยวนี้ ไม่มีเดี๋ยวก่อน”

ทั้งยังได้กำชับในเรื่อง ของการปฏิบัติของ พงส. ที่ทำหน้าที่เวรสอบสวนคดีอาญา-จราจร ให้มาปฏิบัติหน้าที่ตรงต่อเวลา อำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน ตลอดจนเอาใจใส่การให้บริการประชาชนดุจญาติมิตร สอบสวนดำเนินคดีอย่างรวดเร็วเป็นธรรม และโปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินคดีให้ทราบ ถือปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย และคำสั่ง ตร. ที่ 419/2556 ลง 1 ก.ค. 2556 อย่างเคร่งครัด ซึ่งขอชมเชย ความสะอาด และการจัดอาคารสถานที่อยู่ในเกณฑ์ดีมาก

พล.ต.ต.ชยุต ยังได้เปิดเผย อีกว่า ในวันเดียวกัน ตนพร้อมคณะประกอบด้วย พ.อ.จรัส วาดเขียน หน.ฝ่ายการข่าวกอ.รมน.จว.ปท. ,พ.ต.อ.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ , พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และ พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ธัญบุรี ได้ร่วมกันแถลงข่าว สภ.ธัญบุรี จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ โดยได้แถลงจับกุมผู้ต้องหา นายอาณัติ เครือละม้าย อายุ 34 ปี ที่อยู่ 18 ซ.โกสุมรวมใจ เขตดอนเมือง กทม. พร้อมด้วยของกลาง 1.ยาไอซ์ น้ำหนัก 4 กิโลกรัม รถยนต์กระบะ โตโยต้า รุ่นวีโก้ คันทะเบียน 1 ฒม-3666 กทม.,โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ออปโป้ จำนวน 1 เครื่อง ที่จุดตรวจจุดสกัดบริเวณถนนเลียบคลอง 7 ใต้ต่างระดับธัญบุรี-วังน้อย หมู่ 4 ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 62 ที่ผ่านมา

และในวันเดียวกัน ผบก.ภ.จว.ปทุมฯก็ยังได้เป็นประธาน ประชุมบริหาร ภ.จว. ครั้งที่ 2/2563 ประจำเดือน พ.ย. 62 เพื่อกำชับข้อสั่งการผู้บังคับบัญชาจากการประชุมบริหาร ภ.1 มอบประกาศเกียรติคุณตำรวจดีเด่น และกำชับการปฏิบัติหน้าที่

กรุงไทยขานรับชิมช้อปใช้เฟส3

กรุงไทยลุยชิมช้อปใช้เฟส3 ดึงเครือโรงแรมดังทั่วประเทศร่วมโครงการ ศรีพันวา เครือเอดับบลิวซี เซ็นทารา แอคคอร์ ดุสิต ไฮแอท ไอเอสจี แมริออท โรงแรมบูติค และร้านอาหารชื่อดัง เพื่อรองรับทุกกลุ่มลูกค้า กระตุ้นใช้จ่ายผ่านG-Wallet 2 และเตรียมความพร้อมจัดโครงการชิมช้อปใช้ชิงโชค มีสิทธิลุ้นรับรางวัลทองคำทั้งร้านค้าถุงเงินและผู้รับสิทธิใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 2 จับรางวัลทุกสัปดาห์ ตลอดโครงการถึงวันที่ 31 มกราคม 2563
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี ที่มีมติเห็นชอบมาตรการ “ชิมช้อปใช้ “ เฟส3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการส่งเสริมให้ประชาชนท่องเที่ยวในประเทศ อีกจำนวน 2 ล้านคน แบ่งเป็นประชาชนทั่วไป 1.5 ล้านคน และผู้สูงอายุที่ครบ 60 ปีแล้ว 5 แสนคน เปิดลงทะเบียนในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป วันละ 750,000 คน โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือรอบเวลา 6.00 น. และ 18.00 น. รอบละ 375,000 คน และผู้สูงอายุที่ครบ 60 ปี เปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 จำนวน 500,000 คน ตั้งแต่เวลา 8.00 น.เป็นต้นไป จนกว่าจะครบตามสิทธิ โดยผู้รับสิทธิในเฟส 3 จะได้รับสิทธิเฉพาะการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G-Wallet 2 เท่านั้น และมีการขยายมาตรการเพิ่มเติม โดยผู้ที่ได้รับสิทธิในเฟส 1-3 สามารถใช้จ่ายได้ทุกจังหวัด พร้อมขยายระยะเวลาการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G-Wallet2 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2563
ธนาคารกรุงไทย มีความมั่นใจในระบบการลงทะเบียนผ่าน www. ชิมช้อปใช้ .com รวมทั้งแอปพลิเคชั่นทั้งถุงเงินและเป๋าตัง สามารถรองรับการทำธุรกรรมของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปัจจุบันมีร้านค้า โรงแรมเข้าร่วมโครงการ มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้รับสิทธิ์ได้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะโรงแรมในเครือดังระดับ 5 ดาว เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก เช่น เครือโรงแรมเซ็นทารา ศรีพันวา เอดับบลิวซี แอคคอร์ ดุสิต
ชาเทรียม ไฮแอท ไอเอชจี แมริออท อินเตอร์คอนดิเนียลตัล ใบหยก โรงแรมบูติค และรีสอร์ตอื่นๆ ทั่วประเทศกว่า 4,600 แห่ง รวมทั้งร้านอาหารชื่อดังที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้รับสิทธิเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทย เตรียมความพร้อมในการจัดโครงการชิมช้อปใช้ชิงโชค ลุ้นรับทองคำ ตลอดโครงการถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 สำหรับผู้รับสิทธิที่ใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G-Wallet 2 และร้านค้าถุงเงิน โดยการจับรางวัลแบ่งเป็น ผู้รับสิทธิที่ใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G – Wallet 2 ทุกๆ 1,000 บาท ได้รับ 1 สิทธิ์ และร้านถุงเงิน 1 ใบสลิป จะได้รับ 1 สิทธิ
ส่วนขั้นตอนการเติมเงินในกระเป๋า G-Wallet 2 ง่าย ไม่ซับซ้อน และสะดวกรวดเร็ว โดยเติมเงินผ่านการสแกน QR Code ด้วยแอปของทุกธนาคาร หรือเติมเงินผ่านตู้ ATM ของ 5 ธนาคารใหญ่ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา ด้วยบัตร ATM ที่ตรงกับตู้ธนาคารนั้นๆ เมื่อมีการใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G-Wallet 2 ในร้านค้าที่ร่วมโครงการชิมช้อปใช้ได้ทุกจังหวัด จะได้รับสิทธิเงินคืน ยอดใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท รับเงินคืน 15% และยอดใช้จ่ายตั้งแต่ 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท รับเงินคืน 20% รวมเงินคืนสูงสุด 8,500 บาท
วิธีการชำระเงินเพื่อรับสิทธิเงินคืน เข้าแอปเป๋าตัง เพียงกดที่เมนูใช้สิทธิรับเงินคืน15-20% และเลือกใช้จ่ายร้านค้าถุงเงิน หลังได้ QR Code ให้ร้านค้าใช้แอปถุงเงินสแกน ผู้รับสิทธิตรวจสอบยอดเงินที่ต้องชำระ และกดยืนยันการชำระเงิน ในส่วนการรับเงินคืนจะคืนมี 2 รอบ รอบแรกสำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่ วันที่ 27 กันยายน – 30 พฤศจิกายน 2562 จะได้รับเงินคืนภายในกลางเดือนธันวาคม 2562 และ รอบที่ 2 การใช้จ่ายในช่วงระหว่างวันที่ 1-31 ธันวาคม 2562 จะได้รับเงินคืนภายในกลางเดือนมกราคม 2563 โดยลูกค้าสามารถโอนเงินกลับเข้าบัญชีธนาคารของตนเองได้

มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ชิมช้อปใช้ มีเป้าหมายให้ประชาชนที่ได้รับสิทธิ นำเงินไปใช้จ่ายในจังหวัดต่างๆ เพื่อให้เงินหมุนเวียนลงไปสู่ชุมชน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานรากของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล และเป็นการสร้างความเข้าใจตลอดจนเพิ่มประสบการณ์ให้ประชาชนในการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดตามนโยบาย Thailand 4.0

“บิ๊กตู่’ นัดประชุมถก กำหนดตำแหน่ง ก.ต.ช. ,ก.ตร. วันเดียวรวด จับตาดู ก.ตร.อาจแทรกวาระแต่งตั้ง 3 ตำแหน่งนายพลสีกากี

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์ รายงานว่า ในวันที่ 14 พ.ย.นี้ เวลา 14.00 น .พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะเดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) ครั้งที่ 2/2562 ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. เพื่อพิจารณาวาระขอความเห็นชอบ การกำหนดตำแหน่ง ผบช.สง.ผบ.ตร.(นายตำรวจประสานงานรัฐสภา),รอง ผบช.ศ และ รอง ผบช.ทท. โดยมี กรรมการประกอบด้วย ปลัดกระทรวงกลาโหม,ปลัดกระทรวงมหาดไทย ,ปลัดกระทรวงยุติธรรม ,ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และมี พล.ต.อ.จักทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.เป็นเลขาฯ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.กับ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ข่วย ผบ.ตร.เป็นผู้ช่วยเลขาฯพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ต่อมาในเดียวกันเวลา 15.00 น.
พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นประธานประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2562 โดยมี รอง ผบ.ตร.และเลขาธิการ กพ. กรรมการ ซึ่งมีวาระสำคัญ ที่น่าสนใจอาทิ วาระการกำหนดตำแหน่งข้าราชการตำรวจให้กับกองบังคับการกฎหมายและคดี สังกัด ภ.1-9, บรรจุ และวาระแต่งตั้งนางหทัยรัตน์ ลาวัณย์รัตนากุล (นอกราชการ) กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร, วาระร่างกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาบุคคลเพื่อเสนอให้วุฒิสภาเลือกเป็นกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ศ. … และวาระอื่นๆ

มีรายงานว่า ประธานฯในที่ประชุมอาจจะเพิ่มวาระการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับนายพล เข้าไปในวาระอื่นๆโดยต้องรอดูว่า การประชุม ก.ต.ช.มีมติเห็นชอบการกำหนดตำแหน่งที่ ผ่านมติ ก.ตร.หรือไม่อย่างไร

ทริสเรทติ้ง ประกาศอันดับเครดิต “ออมสินแกร่ง” ในระดับ AAA

“ทริสเรทติ้ง” ประกาศคงอันดับเครดิตธนาคารออมสิน ที่ระดับ AAA และแนวโน้ม “Stable” สะท้อนถึงสถานะที่มั่นคงและแข็งแกร่ง เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีบทบาทการดำเนินงานบริการสาธารณะสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในรูปแบบต่างๆ ระบุ “ยากที่จะมีหน่วยงานภาคเอกชนใดๆ ดำเนินงานแบบธนาคารออมสินได้”

ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินได้รับการจัดอันดับเครดิตจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารออมสิน ที่ระดับ AAA พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากรายงานข่าวเครดิต (Credit News) ของบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด โดยระบุว่า อันดับเครดิต AAA ที่ธนาคารออมสินได้รับสะท้อนถึงสถานะที่มั่นคงและแข็งแกร่งของธนาคารฯ ในการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีบทบาทหลักในการดำเนินงานสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ซึ่งในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าการที่หน่วยงานภาคเอกชนอื่นๆ จะสามารถดำเนินบทบาทด้านสาธารณะแบบธนาคารออมสินได้นั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากธนาคารออมสินทำหน้าที่ทั้งการให้บริการทางการเงินและเป็นกลไกในการสนับสนุนมาตรการเชิงนโยบายในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการของธนาคารพาณิชย์ได้ ภายใต้ธุรกรรมตามนโยบายรัฐ ธนาคารออมสินให้สินเชื่อเงื่อนไขที่ผ่อนปรนแก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ขณะเดียวกันธนาคารออมสินยังมีภารกิจในการส่งเสริมการออมและให้ความรู้ทางการเงินแก่ลูกค้าและประชาชนทั่วไปตามวัตถุประสงค์หลักของธนาคารอีกด้วย นอกจากมีเป้าหมายในการส่งเสริมการออมของเยาวชนแล้ว ยังส่งเสริมความมั่นคงทางการเงินของผู้สูงอายุ สนับสนุนการพัฒนาอาชีพของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินในระดับชุมชน

ในความเห็นของทริสเรทติ้งมองว่า ธนาคารออมสินมีจุดแข็งในธุรกิจธนาคารลูกค้ารายย่อย ด้วยความ สามารถในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายซึ่งมีระดับรายได้ที่แตกต่างกัน ทั้งกลุ่มผู้มีรายได้น้อย กลุ่มลูกค้ารายย่อยทั่วไป และกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ขณะที่ยังมีความแข็งแกร่งด้านธุรกิจเงินฝากจากการเป็นสถาบันส่งเสริมการออมชั้นนำของประเทศ มีเครือข่ายสาขาและช่องทางให้บริการที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะต่างจังหวัด รวมถึงมีการให้บริการออนไลน์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนความแข็งแกร่งของธุรกิจธนาคารลูกค้ารายย่อยซึ่งเทียบเคียงได้กับธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่ โดยธนาคารออมสินมีเป้าหมายที่จะขยายการให้บริการและสร้างความมั่นคงทางการเงินไปในกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย และกลุ่มวัยเริ่มทำงาน

ด้านฐานะการเงิน ธนาคารออมสินมีขนาดสินทรัพย์รวมมากที่สุดในกลุ่มสถาบันการเงินเฉพาะกิจและใกล้เคียงกับขนาดสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่มีความสำคัญเชิงระบบ (Domestic Systematically Important Banks : D-SIBs) โดย ณ มิถุนายน 2562 ธนาคารออมสินมีขนาดสินทรัพย์รวม 2.7 ล้านล้านบาท ให้บริการทางการเงินผ่านช่องทางสาขาที่มีอยู่จำนวน 1,063 แห่งทั่วประเทศ ในจำนวนดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดจำนวน 900 แห่ง มีส่วนแบ่งตลาดเงินฝากร้อยละ 12 และส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อร้อยละ 11 โครงสร้างสินเชื่อประกอบด้วย สินเชื่อรายย่อยร้อยละ 57 สินเชื่อแก่ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจร้อยละ 35 สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมร้อยละ 5 และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ร้อยละ 3 โดยธนาคารออมสินมีฐานะสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง ยังคงมีสถานภาพการเป็นผู้ให้กู้ยืมสุทธิในตลาดระหว่างธนาคารอย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกัน ยังเป็นผู้จัดหาสภาพคล่องให้แก่องค์กรของภาครัฐและสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่นๆ อีกด้วย ณ ครึ่งแรกของปี 2562 มีอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อหนี้สินระยะสั้นและเงินฝากอยู่ที่ร้อยละ 40.8 และร้อยละ 24.5 ตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่น่าพอใจ

ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่า ในระยะอีก 3 ปีข้างหน้า รายได้หลักของธนาคารออมสินยังคงมาจากธุรกิจสินเชื่อขณะเดียวกันจะค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการธุรกรรมทางการเงิน หนึ่งในกลยุทธ์ที่จะเพิ่มความหลากหลายของแหล่งที่มาของรายได้คือ การเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจรมากขึ้น ซึ่งทริสเรทติ้งเชื่อว่า ภายใต้แรงกดดันจากสภาพเศรษฐกิจที่มีความเปราะบางและหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังทรงตัวในระดับสูง การปล่อยกู้ที่ระมัดระวังมากขึ้นและเครื่องมือที่ใช้ลดความเสี่ยงทางเครดิตที่มีอยู่น่าจะช่วยควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตในอนาคตของธนาคารออมสินได้ กอปรกับธนาคารมุ่งให้ความสำคัญที่การปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมที่มีหลักประกันมากยิ่งขึ้น และมีการค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) รวมทั้งการปล่อยกู้ให้แก่ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่มีคุณภาพเครดิตดี ทำให้อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารออมสินอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยและค่าเฉลี่ยของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยทริสเรทติ้งยังคาดว่า จากการปล่อยสินเชื่อที่มีน้ำหนักความเสี่ยงต่ำและความสามารถในการทำกำไรในระดับปานกลาง จะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้ธนาคารออมสินมีระดับเงินกองทุนที่เหมาะสม นอกจากนี้ ธนาคารออมสินมีแผนที่จะเพิ่มอัตราส่วนการตั้งสำรองเพื่อรองรับการปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9)

“การประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารออมสิน ที่ระดับ AAA พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ถือว่าเป็นปีที่ 4 ต่อเนื่องติดต่อกัน นับตั้งแต่ปี 2559-2562 สะท้อนให้เห็นถึงความมีเสถียรภาพทางเครดิตของธนาคารฯ เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ยืนหยัดให้บริการประชาชนมายาวนานถึง 106 ปี เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับลูกค้า ประชาชน และผู้ประกอบการรายย่อย สามารถสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโต เข้มแข็งและยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน ซึ่งภายใต้การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาของธนาคารออมสิน ทั้งด้านการดำเนินธุรกิจและการบริหารจัดการคุณภาพองค์กร โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ให้บริการที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมรายกลุ่มลูกค้า รองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี นโยบายและกฎเกณฑ์ในยุคดิจิทัล ผลักดันให้ธนาคารออมสินมีรากฐานที่แข็งแรง มีความพร้อมทางด้านบุคลากร เครือข่ายการให้บริการและระบบงานที่สำคัญ สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ทำให้ธนาคารออมสินอยู่ในใจของลูกค้าและประชาชน”ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวในที่สุด.

‘วัฒนา’ โพสต์แจงคนแดนไกลสั่งสู้ไม่ใช่ ‘ทักษิณ’ แต่เป็นลูกสาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ค ชื่อ Watana Muangsook  กล่าวถึงกรณีที่ตนได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คว่า “ผมได้รับคำสั่งจากคนแดนไกลซึ่งติดตามการทำงานของผมมาตลอดให้ “สู้” ” จึงมีผู้เอาไปตีความถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ทำให้นายวัฒนา เมืองสุข จึงโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คอีกครั้ง โดยกล่าวว่า “โพสต์ล่าสุดของผมได้สร้างความสับสนให้กับผู้อ่านหลายท่าน สื่อบางฉบับเอาไปขยายเสียใหญ่โต บางคนต่อว่าผมหาว่าเอาท่านนายกทักษิณมาอ้างทำให้ท่านเสียหาย ทั้งที่ความจริงคนที่ผมเอ่ยถึงคือน้องเฟลูกสาวที่ส่งข้อความผ่านไลน์มาให้กำลังใจพ่อ เพราะตอนนี้เฟเรียนอยู่ที่นิวยอร์คซึ่งไกลจากไทยมากผมเลยเรียกว่าคนแดนไกล

วานนี้เป็นวันลอยกระทงลูกสาวถามว่าผมไปเที่ยวที่ไหนไปลอยกระทงกับใคร ตอบลูกไปว่าพ่ออยู่บ้านไม่ได้ไปไหนโดยเฉพาะเศรษฐกิจแบบนี้คงไม่มีกระจิตกระใจจะไปไหนทั้งสิ้น แต่ถ้าเลือกได้อยากชวนคนไทยเอาพวกเผด็จการไปลอยน้ำหลังเที่ยงคืนที่เป็นวันอังคาร ส่วนที่หลายท่านยกย่องน้องเฟว่าใจสู้เหมือนพ่อนั้น ผมน่าจะได้ใจมาจากลูกมากกว่าเพราะทุกครั้งเฟจะให้กำลังใจและดันหลังให้พ่อสู้เสมอ เป็นพ่อลูกกันมายังไม่เคยได้ยินลูกสั่งให้ถอยโดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ลูกผมประกาศไม่รับมาตั้งแต่แรกแล้ว แบบนี้ถึงไหนถึงกันเดินหน้าครับ”

[fb_pe url=”https://www.facebook.com/WatanaMuangsook/posts/1676006065868249″ bottom=”30″]

[fb_pe url=”https://www.facebook.com/WatanaMuangsook/posts/1676783819123807″ bottom=”30″]