“ผู้การนนท์”เปิดปฏิบัติการพิเศษนำกำลังกว่า 100 นายเข้าตรวจค้นสถาบันรับน้องโหด พบมีด 1 เล่ม
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 22 ส.ค.67 พล.ต.ต.ปราถนา แผ่นผา ผบก.ภ.จว.นนทบุรี
พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.นนทบุรี
พ.ต.ท.อิศราณุวัฒน์ ธนทรัพย์ทวี รองผกก.ป.สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษภ.จว.นนทบุรี (พยัคฆ์นนท์ 66) และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี รวมกว่า 100 นายปล่อยแถวบริเวณหน้าโรงแรม นนทบุรี พาเลซ ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนมบุรี เข้าตรวจค้นสิ่งผิดกฏหมายภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตนนทบุรี (เขตใต้) กรณีนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ถูกนักศึกษารุ่นพี่ที่รับน้องโหด รุมกระทืบลูกชาย และพ่อ โดยทางมหาวิทยาลัย มีการตรวจเข้มนักศึกษาเข้า ออก ในมหาลัยตั้งแต่บริเวณด้านหน้าประตู มีการตรวจค้นอาวุธ และบัตรนักศึกษาเพื่อป้องกันบุคคลภายนอกเข้าภายในมหาวิทยาลัย โดยทางมหาลัยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปเก็บภาพด้านใน ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น ตำรวจใช้เวลาตรวจค้นกว่า 40 นาที ผลการตรวจค้นพบอาวุธมีดหัวตัดขึ้นสนิม 1 เล่ม
ขณะเดียวกันทางนางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) และกันจอมพลัง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเช่นเดียวกัน
กันจอมพลัง เปิดเผยว่า การปฎิบัติการวันนี้ ตัวเองได้พูดคุยกับทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี เพราะมีบุคคลบางกลุ่มยังติดใจอยู่ จึงต้องปรามให้ทำให้เป็นตัวอย่าง ซึ่งเมื่อเช้านี้กำหนดการคลาดเคลื่อน เนื่องจากประสานกับทางวิทยาลัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยให้เจ้าหน้าที่นำหนังสือเข้ามา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดำเนินการให้ แต่เมื่อนำเอกสารมาให้เซ็น ทางมหาลัยก็อ้างว่าท่านอธิการบดีไม่อยู่ จึงมีการเจรจารรระหว่างเจ้าหน้าที่กับทางมหาวิทยาลัย โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ใช้มาตราการของเจ้าหน้าที่ จึงทำให้การเข้าตรวจค้นในวันนี้ล้าช้าไปกว่า 2-3 ชั่วโมง กว่าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบได้ แต่ทางมหาวิทยาลัยยังไม่อนุญาตมห้สื่อมวลเข้าในพื้นที่ จนกระทั่งมีการประสานเลขาธิการ อ.ว. ทางสถานบันจึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและยอมให้สื่อมวลเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งการปฎิบัติการวันนี้ถือว่าเป็นการตักเตือน เพราะสิ่งที่ท่านบอกว่ารักสถาบัน แต่ท่านทำให้สถาบันเสื่อมเสียแบบนี้ท่านรักสถาบันจริงหรือไม่ เพราะสถาบันได้รับผลกระทบ และหลังจากนี้หากใครอ้างสถาบัน การปฏิบัติดารครั้งนี้คือตัวอย่าง
พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นอาวุธ ปรากฎว่าพบ มียาว มีลักษณะเก่า อยู่บริเวณหลังมหาวิทยาลัย 1 เล่ม แต่ไม่พบอาวุธอื่นๆ ซึ่งการปฎิบัติการครั้งนี้มีการตรวจค้นอย่างละเอียดทุกตารางนิ้ว แต่ที่มีการตรวจค้นครั้งที่แล้ว กลับพบอาวุธมากกว่านี้ ซึ่งการกระทำในวันนี้เป็นการ ป้อมปราม สร้างความเชื่อมั่นใหักับ ผู้ปกครองและนักเรียน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการทำความร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตรวจค้นอาวุธ รวมถึงเรื่องพฤติกรรมของเด็กทุกคน
ส่วนทางด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ พัชระ กัญจนกาญจน์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ชี้แจงว่า ความจริงแล้วทางมหาวิทยาลัยไม่ได้มีการห้ามทีมข่าวเข้าเพื้นที่ แต่เป็นการสื่อสารกันคลาดเคลื่อน เพราะทางมหาวิทยาลัย เกรงกลัวว้าจะมีกลุ่มคนแอบแฝง แอบอ้างเข้ามาด้วย จึงต้องใช้เวลาตรวจสอบ ยืนยันว่าไม่ได้มีการปิดบังหรือกีดกัน ทีมข่าว พร้อมยืนยันว่า บุคคลากลในมหาวิทยาลัยไม่ได้มีการสนับสนุนให้มีกิจกรรมรับน้อง ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้มีการห้ามปรามในกิจกรรมดังกล่าว รวมถึงมีกฎระเบียบกติกาของทางมหาวิทยาลัย หากพบว่ามีการจัดกิจกรรมหรือมีพฤติกรรมดังกล่าว จะมีการไล่ออกทันที เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของมหาวิทยาลัย แต่หากมีการทำกิจกรรมรับน้องนอกมหาวิทยาลัย ทางสถาบันต้องยอมรับว่าอาจจะไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง เพราะเท่าที่ทราบมา มีคนนอกร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย พร้อมยืนยันว่า ก่อเหตุทั้ง 7 คน ยังคงมีสถานะเป็นนักศึกษาอยู่
ส่วนในเรื่องของการพกอาวุธเข้าไปในห้องเรียนตามกระแสข่าวที่ปรากฎ เบื้องต้น ทางมหาวิทยาลัยยังไม่เคยพบว่าการพกอาวุธเข้ามาภายในมหาวิทยาลัย และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ไม่พบอาวุธ เพราะไม่ได้ตรวจค้น หรือ ไว้ใจนักศึกษา ทางคณบดี ตอบดลับทันทีว่า ทั้ง 2 อย่าง
ทั้งนี้กรณีที่นักศึกษามีการอ้างถึงประเพณีวัฒนธรรมในการรับน้องในยุคสมัยอดีตนั้น ทางคณบดี มองว่ายุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว แนวคิดแบบนั้นควรที่จะยกเลิกไปได้แล้ว ควรที่จะมีวิธีการอื่นในการดูแลรุ่นที่ดีต่อกัน เพราะอยากให้มองถึงปัจจุบัน และทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว