ที่รัฐสภา นายอนุชา บูรพชัยศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อภิปราย แสดงความไม่เห็นด้วยกับ ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่นำเสนอโดยฝ่ายค้าน ว่า ปัจจุบันต้องยอมรับว่ารถโดยสารสาธารณะยังไม่เพียงพอต่อการให้บริการพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่ขอยืนยันว่าการไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ไม่ใช่การไม่เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจ หรือไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้ต่างจังหวัดมีระบบขนส่งมวลชนที่ดี
นายอนุชากล่าวว่า ในส่วนของการกระจายอำนาจนั้นมี พรบ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งกำหนดแผนแม่บทในการถ่ายโอนภารกิจให้แก่ อปท.อยู่แล้ว และกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ก็ได้ดำเนินการไปตามแผนแม่บทดังกล่าว ทั้งการถ่ายโอนภารกิจสถานีขนส่งผู้โดยสารที่แล้วทั้งสิ้น 97 สถานี อยู่ระหว่างดำเนินการ 1 สถานี
ขณะที่การให้สัมปทานเดินรถนั้น กระทรวงคมนาคมได้ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ 64 (พ.ศ. 2567) ออกตามความในพรบ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 กฎกระทรวงฉบับดังกล่าวได้ให้ อปท.สามารถขอใบอนุญาตประกอบกิจการขนส่งในพื้นที่ของตนเองได้ และเมื่อได้รับการอนุญาตแล้วยังสามารถให้เอกชนเป็นผู้บริหารจัดการและดำเนินการได้ด้วย หมายความว่าสถานะปัจจุบันขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการเดินรถคือเป็นผู้ให้บริการหรือ Operator
สส.บัญชีรายชื่อ รทสช.กล่าวว่า หากมีการแก้ไขกฎหมายตามร่างที่ฝ่ายค้านเสนอมาจะทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรือ นายก อบจ. ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกประจำจังหวัด ซึ่งมีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้มีการเดินรถในเขตจังหวัด ซึ่งก็คือการเป็นผู้ควบคุมการขนส่งในพื้นที่ หรือ Regulator ด้วย ด้วยเหตุนี้จะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นทั้งผู้ประกอบการและผู้ควบคุม ขัดแย้งกับแนวทางที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ที่จะแยกสถานะทั้ง 2 นี้ออกจากกัน ซึ่ง 2 ประเด็นดังกล่าวเป็นเหตุผลที่ตนไม่เห็นด้วยกับ ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …