“เศรษฐา”สั่งลุยผู้มีอิทธิพล ขู่ 3 บิ๊ก จว.เอาไม่อยู่-ตกเก้าอี้ หวั่นแค่ไฟไหม้ฟาง-ตามกระแส

กวาดล้างผู้มีอิทธิพลหรือขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพล กลับมาอยู่ในกระแสอีกคำรบหนึ่ง หลังเกิดเหตุสารวัตรทางหลวงถูกยิงตายในบ้านนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ต่อหน้าต่อตาตำรวจระดับพ.ต.อ.ยันชั้นประทวน 25 นาย
โดยนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาลแถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดแรกว่า “นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งทีมกวาดล้างผู้มีอิทธิพล การจ่ายส่วย ซื้อตำแหน่ง ยาเสพติดและกิจกรรมสีเทาต่างๆ
นายกรัฐมนตรีให้เป็นตัวชี้วัดในระดับจังหวัด ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด(ผวจ.)ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(ผบก.ภ.จว.)และผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด(ผอ.รมน.จว.)ถ้าเอาไม่อยู่ทั้ง 3 ท่านต้องรับผิดชอบ ถ้าอยากรักษาตำแหน่งเอาไว้ต้องตอบสนองนโยบายนี้ให้ราบคาบ รวดเร็ว”
ข้อสั่งการนี้นายอนุทิน ได้ทำก่อนแล้วตามสไตล์สั่งวันนี้เสร็จตั้งแต่เมื่อวาน โดยตั้งนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบปราบปรามและขึ้นบัญชีผู้อิทธิพล จนเป็นที่วิจารณ์ว่าทำงานแบบกลือจิ้มเกลือหรือหนามยอกเอาหนามบ่ง
“แต่การปราบปรามผู้อิทธิพลไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะเอาจริงแค่ไหน เพราะเมื่อจับอาการของนายชาดา ในฐานะผู้รับผิดชอบทางปฏิบัติยังไม่มีแนวทางอะไรที่เห็นเป็นรูปธรรมให้ผู้ปฏิบัติได้ยึดถือดำเนินการ นอกจากบอกว่าให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานขึ้นมา”
ถ้าหากรัฐบาลจริงจัง ปราบให้ราบคาบตามปากาศิตของนายกรัฐมนตรี ควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาให้ชัดเจน วางแนวทางการทำงานให้ประชาชนเห็นเป็นรูปธรรม ตีกรอบแล้วชี้ให้เห็นว่าบุคคลประเภทไหนเข้าข่ายเป็นผู้อิทธิพลที่ประพฤติชั่วบ้าง
เพราะผู้มีอิทธิพลที่ประพฤติชั่วมีทุกวงการทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่น นักธุรกิจ รวมถึงสื่อมวลชน
ถ้าไม่มีการวางกรอบกจะเกิดข้อสงสัยได้ว่าพฤติกรรมแบบโน้นแบบนี้เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลที่ประพฤติชั่วหรือไม่ อาทิ มีข้อมูลว่า นักการเมืองหรือ สส.หรือรัฐมนตรี มีเครือข่ายทำธุรกิจสีเทา จะเข้าข่ายหรือไม่
หรือ ธุรกิจเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหด ชาวบ้านแถบชัยนาท อุทัยธานี ยันนครสวรรค์ ต่างทราบดีว่าเครือข่ายนี้มีนักการเมืองบางกลุ่มยืนเป็นกำแพงให้พิง นักการเมืองกลุ่มนี้เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลหรือไม่
หรือในพื้นที่ภาคใต้ ลูก สส. 2 จังหวัดร่วมหุ้นกันเปิดบ่อนพนันออนไลน์ คนในพื้นที่ทราบกันดีแต่เจ้าหน้าที่ไม่จับกุม สส.ในฐานะพ่อเข้าข่ายผู้มีอิทธิพลหรือไม่
หรือขบวนการค้าน้ำเถื่อนในทะเลอ่าวไทยและอันดามัน มีนักการเมืองเป็นนายทุนใหญ่ มี ทหารเรือ ศุลกากร ตำรวจน้ำ รู้เห็นเป็นใจ กลุ่มนี้เข้าข่ายหรือไม่
หรือขบวนการฮั้วประมูลที่เกิดแทบทุกจังหวัด ไม่เว้นแม้แต่หลานอดีตนายกรัฐมนตรี นายทุนเจ้าของบริษัทที่จับฮั้วประมูล ข้าราชการที่เป็นหัวเบี้ยจับฮั้ว หรือ สส.บางคนที่คอยสั่งการให้แก๊งฮั้วประมูลดำเนินการแบบผ่านฉลุย เข้าข่ายหรือไม่
หรือขบวนการขายสติ๊กเกอร์ส่วยให้รถทุกชนิดที่ทำผิดกฎหมายจราจร แล้วรวมเงินที่ขายจ่ายให้ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ขนส่ง ขบวนการนี้เข้าข่ายหรือไม่
หรือขบวนการค้ายาเสพติด ที่มีทหาร ตำรวจ บางคนบางกลุ่มคอยหนุนหลัง นายทหารและนายตำรวจบางคนถึงขั้นบุกไปเคลียร์คดียาเสพติดบิ๊กล็อตถึงฝั่งพม่ากลับมาแบบกระเป๋าตุง เข้าข่ายหรือไม่
หรือขบวนการรับวิ่งเต้นเรียกรับเงิน สอบบรรจุข้าราชการท้องถิ่น มีทั้งเอกชนและข้าราชการ ร่วมขบวนการรวบรวมส่งเงินให้บิ๊กมหาดไทยบางคนในรัฐบาลที่แล้วเฉลี่ยหัวละครึ่งล้าน เข้าข่ายหรือไม่ เพราะมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้อีก
หรือในเมืองหลวง ที่พวกมีสีแบ่งพื้นที่กันคุม อาทิ วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง วินรถตุ๊กตุ๊ก รวมถึงสถานบันเทิงต่างๆ เป็นที่ทราบกันดีว่าฝั่งธนต้องทหารน้ำ ฝั่งพระนครต้องทหารบก ฝั่งดอนเมือง สายไหม ต้องลูกทัพฟ้า เข้าข่ายหรือไม่
หรือ ส.ส. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรี หรือนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ชาวบ้านต่างทราบกันดีว่าส่วนใหญ่มีธุรกิจรับเหมาก่อสร้างได้งานเพราะฮั้วประมูล และส.ส.บางคนเป็นเจ้าของบ่อนการพนัน เจ้ามือหวยเถื่อน ลักษณะนี้เข้าข่ายด้วยไหม
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ชาวบ้านในพื้นที่หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงต่างทราบดี เว้นแต่เจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนต่างอยู่ในอาการบอดใบ้และแบมือ กรณีของกำนันนกเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของผู้มีอิทธิพลในประเทศนี้
“ถ้านายเศรษฐา หวังจะปราบผู้มีอิทธิพลให้ราบคาบ รวดเร็ว ตามประกาศิต ต้องตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาแล้วนั่งหัวโต๊ะเอง เพราะเป็นปัญหาใหญ่และหยั่งรากลึกมานานเกินกว่าที่ผู้ว่าฯ ผู้การฯและผอ.รมน.จะรับมือได้ หากให้ทั้งสามร่วมดำเนินการเพียงลำพัง จะได้เห็นภาพเดิมๆคือ ผลการกวาดล้างอาชญากรรม เก็บปืนคืน หรือบุกจับบ่อนการพนัน หรือจับมือปืนตามหมายจับถี่ขึ้น หรือจับฮั้วประมูลมาแซมบ้าง เมื่อกระแสจางวังวนนี้จะย้อนมาเหมือนเดิม”
ยิ่งให้นโยบายคาดโทษว่าถ้าทั้งสามไม่สนอง เอาไม่อยู่ มีผลกระทบต่อตำแหน่งอย่างแน่นอน ให้รัฐบาลเตรียมเปิดตำแหน่งรองรับไว้เยอะๆเพราะโอกาสย้ายแบบครึ่งประเทศเป็นไปได้สูง
หากนายเศรษฐาไม่นั่งหัวโต๊ะลุยเอง ขอฟันธงเลยทำตามกระแส จบแบบไฟไหม้ฟาง เพราะเพียงแค่ตั้งรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบชาวบ้านก็ทำนายได้แล้วว่าผลจะออกมาแบบไหน เพราะเข้าทำนองหยิกเล็บเจ็บเนื้อ !!!


