ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้บันทึกจารึกไว้ถึงหายนะของผู้เคยมีอำนาจทั้ง นโปเลียน ฮิตเลอร์ มาร์กอส อีดี้อามิน ที่ลี้ภัยไปไกลสุดกู่ และ “ซัดดัม ฮุสเซน” อดีตประธานาธิบดีอิรัก ที่เดินเข้าหลักประหารด้วยการถูก “แขวนคอ” ล่าสุด “นาจิบ” แห่งมาเลเซียกำลังอยู่ใน “พงหนาม”
กล่าวกันว่าการบริหารอำนาจนั้น ล้วนลึกซึ้งและซับซ้อนยิ่งนัก เพราะที่สุดของการบริหารอำนาจก็คือ “การรักษาอำนาจ” ความซื่อสัตย์สุจริต ก็เป็นองค์ประกอบปัจจัยที่สำคัญทำให้ “ฐานอำนาจ” แข็งแกร่งมั่นคง
ขึ้นชื่อว่า “อำนาจ” แล้วย่อมยิ่งใหญ่ เป็นที่หมายปองของใครๆ ทั่วทั้งแผ่นดิน เพราะกว่าจะได้อำนาจมาอยู่ในมือ ย่อมผ่านกำแพงอุปสรรคยากเย็นแสนเข็ญ นานัปการ
การได้อำนาจไม่สำคัญเท่ากับการ “รักษาอำนาจ” เพราะการรักษาอำนาจได้อย่างถาวรนั้น ยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่า
ช่วงเปลี่ยนผ่านทางประวัติศาสตร์ การเมืองไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน เราได้พิสูจน์หลายครั้งหลายหนแล้วกับการผู้มีอำนาจแล้ว จากไปกับการ “ไร้อำนาจ”!!
บางคนแทบไม่มีแผ่นดินอยู่ หลบหลีกลี้ภัยไปตายนอกประเทศ เช่น “จอมพลป.พิบูลสงคราม” ก็มี
เมื่อข้าพเจ้ามีอำนาจ ข้าพเจ้าไร้ประสบการณ์ เมื่อมีประสบการณ์ ข้าพเจ้ากับ “ไร้อำนาจ” นี่คือคำรำพึงรำพันของอดีตผู้นำตรา “ไก่” ที่ลี้ภัยไปตายไกลถึง “ญี่ปุ่น”
“หมอประเวศ วะสี” เคยระบุถึงการลงจากหลังเสือ หรือหลุดจาก “กรงเล็บแห่งอำนาจ” ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบุคคลแวดล้อมที่มีผลประโยชน์จะไม่ยอมให้ผู้มีอำนาจ “ลงจากอำนาจ”!
ฉะนั้นการรู้ตัวเองของเจ้าตัวผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ไม่ว่าพลเรือน หรือทหาร จึงสำคัญที่สุดแต่ก็ยากที่สุด
ผู้อยู่ในอำนาจยากที่จะเป็นคนดี เพราะโครงสร้างอำนาจ มีบุคคลแวดล้อมหลายซับซ้อนถักทอกันเป็น “กรงเล็บแห่งอำนาจ” ให้ผู้ที่เคยมีอำนาจล้นฟ้าจำนวนมากไม่อาจตายดีได้ เพราะหลงอำนาจ
ประวัติศาสตร์จึงดารดาษไปด้วยการตายไม่ดี ดังกล่าว
ความไม่เข้าใจความจริงแท้ (สัจธรรม) ด้วยอำนาจแห่งราคะ โทสะ โมหะ ของมาร จึงทำให้ดวงตามืดมน เดินหลงทางวกวนอยู่ในวนเวียนแห่งกิเลส…วนเวียนแห่งกรรม…วนเวียนแห่งวิบาก จนยากที่จะออกมาจากวัฏ สงสาร ดังกล่าวได้
บทสรุปของ “กรงเล็บแห่งอำนาจ” น่ากลัวจริงๆ!