“ก่อนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สื่อสำนักต่างๆจะเฟ้นหาบุคคลที่มีบทบาทโดดเด่นในด้านต่างๆรวมถึงมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนในองค์กรและสังคม เพื่อยกให้เป็นบุคคลแห่งปี”
ในแวดวงสีกากี”ประดู่แดง”มองว่าพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)เหมาะที่จะเป็น”บุคคลแห่งปี” ของชาวสีกากี แต่อาจจะมีชาวบ้านหรือตำรวจบางนายเห็นต่าง จึงขอยกเหตุผลอธิบายประกอบว่า หลังคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ลงมติเอกฉันท์ให้พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นั่ง ผบ.ตร. ชาวสีกากีหลายกลุ่มต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าด้วยบุคลิกแล้ว น่าจะยอมอ่อนข้อให้กับฝ่ายการเมืองแบบอ่อนปวกเปียกเหมือน ผบ.ตร.ในอดีตหลายคน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายในระดับต่างๆที่ยอมงอถึงขั้นหงอ
ซึ่งกลุ่มที่วิพากษ์วิจารณ์ใช้ข้อมูลเส้นทางการรับราชการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มาเปรียบเทียบ เพราะถ้าดูประวัติหลังจบจากโรงเรียนนายตำรวจรุ่น 41 ประเด็มรับตำแหน่งเป็นรองสารวัตรสอบสวน สภ.เมือง ระยอง จากนั้นเติบโตตามหน้าที่การงาน รับตำแหน่งนายเวร พล.ต.อ.ธวัชชัย ภัยลี้ รอง ผบ.ตร. ติดยศพล.ต.ต.นั่งเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โยกไปเป็นผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 1 ขยับเป็นรองจเรตำรวจ โยกไปนั่งรองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล(รองผบช.สกพ.)ขยับติดยศ พล.ต.ท.ตำแหน่ง ผบช.ประจำตร. ก่อนโยกได้เป็น ผบช.ภ.8 ขยับเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.และรับหน้าที่เป็นหัวหน้าสำนักงาน พล.ต.อ.สุวัฒน์แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ก่อนขยับเป็นรอง ผบ.ตร.
จากประวัติจะพบว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เติบโตจากสายบุ๋นมากกว่าสายบู๊ จึงไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าวเชิงบู๊มากนัก แต่ในแวดวงสีกากีต่างทราบดีว่างานใดที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายจะมีผลสำเร็จให้เห็นเสมอ เพราะด้วยบุคลิกที่มีอัธยาศัยดีมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมงาน ยิ่งในช่วงที่มีคำสั่งให้นั่งรักษาการผบ.ตร.แม้ระยะสั้นๆ สามารถบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี กู้ภาพลักษณ์ที่ตกต่ำให้กลับคืนมาได้ระดับหนึ่ง จนตำรวจบางคนบอกว่าเป็นช่วงที่ทำงานแล้วมีความสุข
เมื่อ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ นั่งตำแหน่งเจ้าสำนักปทุมวัน แบบตัวจริงเสียงจริง ได้ขับเคลื่อนงานด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นการสืบสวนจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งพนันออนไลน์ แก๊งยาเสพติดและอาชญากรรมด้านอื่นๆ ทำให้ประชาชนค่อนข้างอุ่นใจ ขณะเดียวกันโชว์ฝีมืองานบริหารด้านคดีแบบไร้ที่ติ โดยเฉพาะคดีดิไอคอน มูลค่าความเสียหายเกือบหมื่นล้านบาท มีผู้ต้องหาล้วนเป็นคนดัง ทีมสืบสวนสอบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจับกุมผู้ต้องหาได้ภายใน 1 เดือน ก่อนส่งคดีให้กรมสอบสวนคดีพิเศษไปลุยต่อ
ซึ่งบทบาทเหล่านี้ในแวดวงสีกากีต่างมองว่าเป็นภาระหน้าที่ต้องดำเนินการอยู่แล้วก็ทำได้เป็นอย่างดี แต่ที่อดีตบิ๊กตำรวจหลายคนและอดีตผบ.ตร.บางคนเซอร์ไพรส์มาก เพราะไม่คาดคิดว่าพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผู้มีบุคลิกอ่อนน้อมถ่อมตนถึงขั้นมองว่าอ่อนแอ กล้าที่จะต่อกรกับฝ่ายเมืองที่พยายามจะฝืนหลักการในการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผบ.ตร.-ผบช.อดีตพลสีกากีตำรวจคนหนึ่งเล่าว่าช่วงพิจารณาโผแต่งตั้งนายพลใหญ่ ฝ่ายการเมืองส่งโผมาให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จัดการแต่งตั้งลงตำแหน่งต่างๆ แต่ในโผพบว่าคุณสมบัติไม่ครบและขัดหลักกฎหมาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ไม่ดำเนินการให้แล้วชี้แจงกลับว่าไม่สามารถดำเนินการให้ได้พร้อมยกหลักการและข้อกฎหมายอธิบายประกอบ จนฝ่ายการเมืองต้องยอมตาม
“ซึ่งแตกต่างกับ ผบ.ตร.ในอดีตที่ส่วนใหญ่ ยอมจัดสรรให้ฝ่ายการเมืองแบบทุ่มหมดใจ ไม่กล้าฮือเพราะกลัวกระเด็นตกเก้าอี้ บางคนยอมเป็นน้ำใต้เข่าให้นายพลเด็กที่ยืนเคียงข้าง นายใหญ่ในรัฐบาล “อดีตพลสีกากีตำรวจบอกและว่าที่เห็นบทบาทอ่อนน้อมของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ แต่ความจริงแล้วเป็นบุคคลที่อ่อนนอกแข็งใน
จากที่อธิบายความมาทั้งหมด”ประดู่แดง”เชื่อว่าพอที่จะทำให้ตำรวจทั้งหลายเห็นพ้องว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เหมาะที่จะเป็นบุคคลแห่งปีได้ แต่ถ้าจะครองตำแหน่งขวัญใจชาวสีกากีอีกตำแหน่ง ต้องจัดทำโผแต่งตั้งโยกย้ายระดับ รอง ผบช.-สว.ที่จะมีขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้า แบบเดียวกับโผนายพลใหญ่ !!!เพราะเมื่อตำรวจมีภาพบวก ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของตำรวจคือ นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็จะมีภาพบวกเช่นกัน ประชาชนก็ได้รับการบำบัดทุกข์บำรุงสุข มีความศรัทธา ปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินไปด้วยพร้อมๆกัน ..!!!