ธอส.เผย 9 เดือนแรกปี 2562 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 148,693 ล้านบาท

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2562 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 148,693 ล้านบาท 106,285 บัญชี แบ่งเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท 73,395 ราย เทียบกับ ณ สิ้นปี 2561 มียอดสินเชื่อคงค้างรวม 1,173,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.18% สินทรัพย์รวม 1,229,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.65% เงินฝากรวม 985,154 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.32% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 54,451 ล้านบาท คิดเป็น 4.64% ของยอดสินเชื่อรวม ล่าสุด ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2562 สินเชื่อใหม่แตะ 165,642 ล้านบาท คิดเป็น 78.94% ของเป้าหมาย 203,000 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปีทำได้ตามเป้า หลังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก      ของปี 2562 ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 ว่า ธนาคารยังคงเป็นสถาบันการเงินที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ความมั่นคงในสถาบันครอบครัว ด้วยการสร้างโอกาสในการทำให้คนไทยได้มีบ้าน โดยปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 148,693  ล้านบาท 106,285  บัญชี แบ่งเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางจำนวน 73,395 ราย ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2562 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2561 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,173,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.18% มีสินทรัพย์รวม 1,229,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.65% เงินฝากรวม 984,154 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.32% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 54,451 ล้านบาท คิดเป็น 4.64% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 0.47% และมีกำไรสุทธิ 10,319 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งมากที่ 14.66% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ล่าสุด ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2562 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วจำนวน 165,642 ล้านบาท  คิดเป็น 78.94% ของเป้าหมายสินเชื่อปล่อยใหม่ ณ สิ้นปี 2562 ที่กำหนดไว้จำนวน 203,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายเนื่องจาก โดยมีแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยฯ ของ ธอส. ประชารัฐ ทำให้คนไทยมีบ้านได้จริง กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.50% ต่อปี นาน 3 ปีแรก ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดในตลาดขณะนี้ กรณีกู้ 1 ล้านบาท เวลา 3 ปีแรก ผ่อนชำระเพียง 3,300 บาทต่องวดเท่านั้น เทียบกับเงินงวดผ่อนชำระของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อปกติในช่วง 3 ปีแรก วงเงินกู้ 1 ล้านบาท จะประหยัดเงินงวดได้จำนวนถึง 80,400 บาท โดยคาดว่าจะมียอดยื่นกู้ถึง 30,000 ล้านบาทได้ภายในเดือนธันวาคม 2562

“การที่รัฐบาลมีมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2 % เหลือ 0.01 % และลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนองจาก 1 % เหลือ 0.01 % ซึ่งล่าสุดประกาศกระทรวงมหาดไทยในเรื่องดังกล่าวได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้วไปจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนที่อยากมีบ้านตัดสินใจได้เร็วยิ่งขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายในด้านค่าธรรมเนียมลดลง อาทิ กรณีกู้ 3 ล้านบาทเดิมต้องชำระค่าจดทะเบียนการโอนและจดทะเบียนจำนองรวมกว่า 90,000 บาท ก็จะลดเหลือเพียง 600 บาทเท่านั้น รวมถึงแรงสนับสนุนจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จะเร่งจัดทำโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยให้การปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารเป็นไปตามเป้าหมาย      203,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน”นายฉัตรชัยกล่าว

นายฉัตรชัยยังกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่กฎกระทรวง ฉบับที่ 352 (พ.ศ.2562) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ซึ่งลงนามโดยนายอุตตม           สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2562 โดยมีสาระสำคัญคือ ให้เงินได้ที่เป็นดอกเบี้ยและรางวัลสลากออมทรัพย์ของ ธอส. (ไม่รวมถึงดอกเบี้ยซึ่งผู้รับมิใช่ผู้ทรงคนแรก)ที่ออกจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป และดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ ของ ธอส. ที่คำนวณตั้งแต่วันที่     1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้น ไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษี เงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อสนับสนุนภารกิจของ ธอส. ในการให้สินเชื่อโครงการต่าง ๆ

“เชื่อว่าการที่ดอกเบี้ยและรางวัลสลากออมทรัพย์ของ ธอส. ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะยิ่งช่วยให้ได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการออมเงินกับ ธอส. มากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะได้รับผลตอบแทนดีและมีโอกาสถูกรางวัลสูงแล้ว ยังได้มีส่วนในการสร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้านได้ง่ายขึ้นอีกด้วยซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ธนาคารสามารถมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยฯ ของ ธอส. ประชารัฐ ทำให้คนไทยมีบ้านได้จริง กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2.50% ต่อปี คงที่ได้นานถึง 3 ปีแรกได้ เพราะการนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากออมทรัพย์มาปล่อยสินเชื่อโดยตรงทั้งสลากรุ่นที่ 1 ชุดวิมานเมฆ หน่วยละ 1 ล้านบาท ที่มีลูกค้าให้ความสนใจจับจองเป็นเจ้าของครบทุกหน่วยที่ธนาคารเปิดจำหน่ายทั้ง 27,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับสลากออมทรัพย์ ธอส. รุ่นที่ 2 ชุดพราวพิมาน มูลค่าหน่วยละ 10 ล้านบาท จำนวน 3,000 หน่วย รวมเป็นจำนวนเงิน 30,000 ล้านบาท ซึ่งพบว่ามีลูกค้าแสดงความสนใจเป็นจำนวนมากเช่นกัน”นายฉัตรชัยกล่าว

ทั้งนี้ ธนาคารจะเริ่มเปิดจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส. รุ่นที่ 2 ชุดพราวพิมานตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2562 – 15 มกราคม 2563 โดยคาดว่าจะสามารถจำหน่ายหมดทั้ง 30,000 ล้านบาทเช่นกัน เนื่องจากเป็นสลากที่มีจุดเด่นและแตกต่างจากสลากที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน ทั้งการเป็นสลากเลี่ยมทองซูเปอร์พรีเมี่ยมที่จะออกรางวัล ไตรมาสละ 1 ครั้ง ครั้งละ 3 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 3 ล้านบาท คิดเป็นโอกาสในการถูกรางวัล 0.1% และพิเศษ!! เฉพาะในเดือนกันยายน 2563 และกันยายน 2564 ยังได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลพิเศษมูลค่า 100,000 บาท เพิ่มอีกจำนวนถึง 30 รางวัล/เดือน คิดเป็นโอกาสในการถูกรางวัลพิเศษสูงถึง 1% หากฝากครบ 2 ปี รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยหน่วยละ 240,000 บาท หรือคิดเป็น 1.2% ต่อปี เริ่มออกรางวัลครั้งแรก 17 มกราคม 2563 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000

สตม.กระบี่​ รวบพระต่างด้าวออกเรี่ยไรเงิน

สตม.เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบุคคลเป้าหมายชาวกัมพูชา ซึ่งต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา และจะก่อความไม่สงบในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 นี้
เมื่อวันที่​ 3 พ.ย.62 : ตม.จ.กระบี่ ได้ x-ray พื้นที่ อ.ปลายพระยา พบกำนันตำบลเขาเขน แจ้งข่าวว่ามีพระสัญชาติกัมพูชา มีพฤติการณ์น่าสงสัย (บอกไม่ได้ว่าจำพรรษาอยู่วัดไหน พูดภาษาไทยไม่ชัด) จึงได้เข้าไปตรวจสอบ พบพระชาวกัมพูชา จำนวน 4​ รูป บวชจากกัมพูชา แล้วเดินทางเข้ามาในไทย (เมื่อ​ 7​ วันที่แล้ว) แต่ไม่มีหนังสือเดินทาง มีพฤติกรรมเรี่ยไรเงินทำบุญ และกำลังจะเดินทางเข้า กทม.
เจ้าหน้าที่​ตม.กระบี่​ จึงได้นิมนต์เจ้าคณะตำบล ให้มาทำพิธีกรรมทางศาสนา จากนั้นได้จับกุมตัวชาวกัมพูชาทั้ง 4​ รายไว้พร้อมของกลาง (เงินสดที่ได้เรี่ยไรมา) และจะได้ดำเนินการผลักดันต่อไป

“นายกฯ” เสนอกรอบความร่วมมืออาเซียน+3

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 62 เวลา 08.30 น. ที่ห้อง Sapphire 204 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 22 ภายหลังเสร็จสิ้น  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กล่าวถึงสาระสำคัญ ว่า  การประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 22 ประกอบด้วย 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี และญี่ปุ่น โดยจัดขึ้นเพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือในกรอบอาเซียนบวกสาม โดยเน้นแนวคิด “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของการเป็นประธานอาเซียนของไทย และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่เป็นข้อห่วงกังวลร่วมกัน

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในนามรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 22  พร้อมแสดงความเสียใจกับรัฐบาลและประชาชนชาวญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นฮากิบิสเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ภายใต้กระแสความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายต่างๆ ในปัจจุบัน ทั้งการแข่งขันทางการค้า และการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ที่เป็นผลมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 ซึ่งอาเซียนบวกสามจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เราควรเตรียมความพร้อมให้อาเซียนบวกสามในการรับมือ และมุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสจากความท้าทายเหล่านั้น

นายกรัฐมนตรียังเสนอแนวทางส่งเสริมความร่วมมือในกรอบอาเซียนบวกสาม 2 ประการ ได้แก่

1.ความเชื่อมโยงในภูมิภาค ซึ่งการส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยงต่าง ๆ ของภูมิภาคจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกให้เป็นกลไกที่สำคัญของการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกและการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปอย่างต่อเนื่อง

2.ความยั่งยืนในทุกมิติ ไทยในฐานะผู้ประสานงานของอาเซียนในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนขอให้ประเทศบวกสามสนับสนุนความมุ่งมั่นของอาเซียน โดยขอให้ประเทศบวกสามสนับสนุนอาเซียน โดยเฉพาะในการจัดตั้ง “ศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการ หารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน” และ “ศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงวัยอย่างมีศักยภาพและนวัตกรรม” ที่ประเทศไทย


 

ไทยพาณิชย์โชว์นวัตกรรมการเงินเชื่อมโยงดิจิทัลในงาน ASEAN Business and Investment Summit 2019

ธนาคารไทยพาณิชย์ร่วมเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อผลักดันศักยภาพอาเซียนสู่ยุค 4.0 ภายในงาน ASEAN Business and Investment Summit 2019 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2562 ด้วยการโชว์นวัตกรรมการโอนเงินไปต่างประเทศผ่านโมบายแบงกิ้ง SCB EASY ด้วยระบบ  Ripple Blockchain Technology โดยเงินถึงบัญชีปลายทางภายในไม่กี่วินาที หรือไม่เกิน 3 วัน ขึ้นอยู่กับระบบการโอนเงินที่ประเทศปลายทาง ได้หลากหลายประเทศ รวม12 ประเทศ 4 สกุลเงินตลอด  24 ชั่วโมง และเทคโนโลยีชีวภาพ (Biometrics) ในการยืนยันตัวตนแบบไร้การสัมผัสด้วยการสแกนเส้นเลือดในฝ่ามือ (Palm Vein) ผู้เข้าชมบูธสามารถสแกนฝ่ามือเพื่อรับเหรียญออนไลน์ ในการเข้าเยี่ยมชมบูธ และนำเหรียญออนไลน์ที่ได้ใช้แลกของที่ระลึก ก่อนออกจากบูธธนาคาร เปรียบเสมือนการใช้จ่ายแบบดิจิทัล โดยใช้การสแกนฝ่ามือเพื่อยืนยันตัวตน และการอนุญาตในการตัดเหรียญออนไลน์ เป็นเทคโนโลยีDigital Payment ในอีกรูปแบบหนึ่ง

ในโอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้เกียรติเยี่ยมชมบูธของธนาคารไทยพาณิชย์ โดยมีนายกมัลกานต์ อากาวัล ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจต่างประเทศ (ที่สองจากขวา) และผู้บริหารระดับสูงธนาคารไทยพาณิชย์ ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ งานดังกล่าวจัดโดยภาคเอกชนของประเทศที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานอาเซียนในปีนั้นๆ ซึ่งในปี 2562 นี้ ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 (ASEAN Summit) ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน 2562

ป.ป.ส. ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นสามเหลี่ยมทองคำ

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 เรียกประชุมอัครราชทูตที่ปรึกษาด้านควบคุมยาเสพติดในประเทศลุ่มแม่น้ำโขง

จากสถานการณ์ในปัจจุบันได้มีการลักลอบลำเลียงเคมีภัณฑ์สารตั้งต้นและยาเสพติดเข้าและออกจากแหล่งผลิตสามเหลี่ยมทองคำ ทำให้ขณะนี้ยาเสพติดประเภทสารสังเคราะห์มีการแพร่กระจายไปในทุกภูมิภาคของโลกที่เพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศไทยต้องเร่งประสานความร่วมมือกับประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อสกัดกั้นทั้งเคมีภัณฑ์ประเภทสารตั้งต้นและยาเสพติด

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562 เวลา 13.30 น. ที่ผ่านมา นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร และอัครราชทูตที่ปรึกษาด้านควบคุมยาเสพติด (อทป.ปปส.) ประจำกรุงพนมเปญ กรุงเวียงจันทน์ กรุงย่างกุ้ง กรุงปักกิ่ง และกรุงฮานอย ณ.ห้องประชุมศูนย์ปฎิบัติการณ์ โดยมีสำนักมาตรการทั้งด้านการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษายาเสพติด เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อให้อัครราชทูตที่ปรึกษาด้านควบคุมยาเสพติด ได้ทราบถึงนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศ ทบทวนสถานการณ์ปัญหายาเสพติดที่เกิดขึ้นในประเทศที่ประจำอยู่ว่ามีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ในประเทศไทยอย่างไร และติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานตามข้อสรุปจากการประชุมทวิภาคี และประการสำคัญเป็นการเตรียมการประชุมหารือพหุภาคีระดับรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นในการประชุม ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน 2562 เพื่อขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการร่วม 6 ประเทศในการปราบปรามยาเสพติด ภายใต้แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย ให้เป็นไปตามมติของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชาติ (ศอ.ปส.) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา เรื่องแนวทางการปฏิบัติการแก้ไขปัญหายาเสพติดเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาล

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า “การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจในนโยบายและกำกับติดตามการดำเนินงานของอัครราชทูตที่ปรึกษาด้านควบคุมยาเสพติดประจำประเทศต่างๆ ที่สำนักงาน ป.ป.ส. ส่งไปประจำ ตามนโยบายที่กำหนดให้การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เน้นย้ำให้ความสำคัญประกอบกับความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยการบูรณาการความร่วมมือของแต่ละประเทศผ่านอัครราชทูตที่ปรึกษาด้านควบคุมยาเสพติด อทป.ปปส. ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีความเชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ไปประจำประเทศต่างๆ 6 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า จีน และเวียดนาม เพื่อประสานความร่วมมือในทุกมาตรการ ทั้งการป้องกัน ปราบปราม สกัดกั้น เพื่อแสดงถึงจุดยืนที่มีร่วมกันในการลดทอนปัญหายาเสพติด โดยที่ประชุมฯ ได้มีการรายงานความคืบหน้าด้านต่างๆ การวิเคราะห์สถานการณ์ยาเสพติดของแต่ละประเทศที่ อทป.ปปส. ประจำการ รวมทั้งการกำกับติดตามการปฏิบัติตามผลการประชุมทวิภาคีและการประชุมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกำกับติดตามการดำเนินงาน ภายใต้โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ (LoA) ปี 2562 และประเด็นความต้องการที่จะขอรับการสนับสนุนในการดำเนินการ ปี 2563 เพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้บรรลุผลสำเร็จและเป็นรูปธรรม

“ธนชาต” ผนึก “พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” กระตุ้นตลาดอสังหาฯ ส่งท้ายปี

  ธนชาตจับมือบิ๊กอสังหาฯ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค กระตุ้นตลาดส่งท้ายปี จัดข้อเสนอพิเศษร่วมแคมเปญ House & Condo of The Year 2019 ให้ดอกเบี้ย 2.5% ต่อปี นาน 3 ปี และให้ผ่อนต่ำเพียงล้านละ 3,000 บาท สำหรับลูกค้าบ้านเดี่ยว 4 แบรนด์ “เพอร์เฟค พาร์ค, เพอร์เฟค เพลส,     เพอร์เฟค เรสซิเดนซ์, เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ” ชูจุดแข็งให้วงเงินกู้สูงสุด 100% อนุมัติไว ดูแลโดยทีมมืออาชีพ ลั่นขยายฐานลูกค้าแบงค์ ต่อยอดใช้บริการธุรกรรมครบวงจร

 นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจขนาดเล็ก ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า ธนาคารธนชาตและพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่สร้างสรรค์แคมเปญให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องมายาวนาน ภายใต้พันธกิจที่มุ่งมั่นให้ลูกค้าสินเชื่อบ้านของธนชาตก้าวสู่ความมั่นคงและความสะดวกสบายอีกขั้นของชีวิตภายใต้แนวคิด Live with Progress ซึ่งช่วงปลายปีนี้ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มีแคมเปญใหญ่ House & Condo of The Year 2019 ธนชาตจึงร่วมมอบอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.5% ต่อปี นาน 3 ปี พร้อมข้อเสนอให้ผ่อนต่ำเพียงล้านละ 3,000 บาท และวงเงินกู้สูงสุดได้ถึง 100% สำหรับลูกค้าที่ซื้อและรับโอนบ้านในโครงการบ้านเดี่ยว 4 แบรนด์ ได้แก่ เพอร์เฟค พาร์ค, เพอร์เฟค เพลส, เพอร์เฟค เรสซิเดนซ์ และเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ ภายใน 30 ธ.ค. 2562 รวมทั้งธนาคารได้จัดเตรียมทีมงานและระบบการพิจารณาสินเชื่อที่ทันสมัยรองรับการให้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึง

“สินเชื่อบ้านธนชาตพร้อมสนับสนุนให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของบ้านในโครงการของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ซึ่งเป็นแบรนด์บ้านคุณภาพที่มีความลงตัวทั้งดีไซน์และประโยชน์ใช้สอย ตั้งอยู่กลางธรรมชาติ มีการดูแลความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม โดยโครงการมีหลายทำเลให้เลือกครอบคลุมทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ครอบคลุมในทุกระดับราคา ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ธนชาตมอบให้นั้น จะทำให้การกู้บ้าน ไม่ปิดกั้นความก้าวหน้าของลูกค้า นอกจากนี้ ธนชาตยังมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านที่หลากหลายให้บริการด้วย อาทิ สินเชื่อบ้านใหม่ สินเชื่อบ้านมือสอง สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ สินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้าน สินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อโฮมพลัส และสินเชื่อบ้าน Offset Housing Loan ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าให้กับธนาคาร และเพิ่มยอดสินเชื่อบ้านในไตรมาสสุดท้ายได้มากกว่า 1 พันล้านบาท พร้อมทั้งต่อยอดให้ลูกค้าใช้ธนชาตเป็นธนาคารหลักผ่านการใช้บริการทางการเงินที่มีให้อย่างครบวงจร (Universal Banking) เพื่อให้ชีวิตลูกค้าก้าวหน้าได้ทุกวัน” นายอนุวัติร์กล่าว

 ด้าน นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โค้งสุดท้ายของปีนี้ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จะรุกทุกกลุ่มทั้งโครงการแนวราบที่เป็นลูกค้ากลุ่มบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ ราคาตั้งแต่ 1.9 – 80 ล้าน และโครงการแนวสูง กลุ่มคอนโดมิเนียม ราคาตั้งแต่ 1.59 – 150 ล้านบาท ด้วยแคมเปญใหญ่ House & Condo of The Year 2019 โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งด้านสินเชื่อบ้านอย่างธนาคารธนชาตซึ่งมีทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์ ครอบคลุมการให้บริการทุกพื้นที่ และตอบโจทย์เรื่องความรวดเร็วในการอนุมัติสินเชื่อ เพื่อมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค โดยนอกจากข้อเสนอด้านอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่จัดให้ลูกค้าบ้านเดี่ยว 4 แบรนด์แล้ว พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคเองยังมีโปรโมชั่น “จองคอนโด Go JAPAN” ให้กับลูกค้าทุกท่านที่ซื้อคอนโดมิเนียม 13 ทำเลใกล้รถไฟฟ้า ทุก 1 ยูนิตรับฟรีตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ-ฮอกไกโด พร้อมที่พัก 5 วัน 3 คืน ที่คิโรโระ สกีรีสอร์ต จำนวน 2 ท่าน ตั้งแต่วันนี้ถึง 20 พ.ย. 2562

ผู้สนใจเป็นเจ้าของบ้านและคอนโดมิเนียมคุณภาพ และสมัครสินเชื่อบ้านธนชาต สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารธนชาต โทร.1770 และเว็บไซต์ www.thanachartbank.co.th และพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค โทร. 1375 เว็บไซต์ www.pf.co.th รายละเอียดเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารและบริษัทฯกำหนด

กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 30.00-30.40 คาดกนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% หลังเศรษฐกิจชะลอตัว

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท
ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00-30.40 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.17 ต่อดอลลาร์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังทดสอบระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 ปี อีกครั้ง  ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 6.5 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 2.6 พันล้านบาท ส่วนเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ย่อตัวลง โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ 1.50-1.75% และส่งสัญญาณว่าอาจหยุดลดดอกเบี้ยในระยะถัดไปยกเว้นว่าเศรษฐกิจจะย่ำแย่ลง

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ และความคืบหน้าประเด็นการค้า หลังข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.ออกมาสดใสเกินคาด ส่วนประธานเฟดระบุว่ามีความหวังว่าสหรัฐฯ และจีนจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟส 1 ซึ่งอาจช่วยลดความไม่แน่นอนลง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยลงอีกครั้งในปี 2563 หากแรงส่งด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจแผ่วลง นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.75% ในการประชุมสัปดาห์นี้ ขณะความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit ลดลงแต่ค่าเงินปอนด์จะยังคงมีทิศทางผันผวนก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 12 ธ.ค.

สำหรับปัจจัยภายในประเทศคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.25% ในการประชุมวันที่ 6 พ.ย. ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและเงินเฟ้อทั่วไปต่ำสุดในรอบ 28 เดือน ขณะที่ธปท.ระบุว่าการส่งออกเดือนก.ย.หดตัวต่อเนื่องตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ส่วนการบริโภคภาคเอกชนเติบโตใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าแม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐแต่กำลังซื้อโดยรวมอ่อนแรงต่อเนื่อง โดยทางการมองว่าจีดีพีไตรมาส 3/2562 อาจต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะเติบโต 2.9% อย่างไรก็ดี ธปท.คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปีจะกระเตื้องขึ้นจากมาตรการภาครัฐและการท่องเที่ยว อนึ่ง เรามองว่าหากกนง.ตัดสินใจคงดอกเบี้ยในรอบนี้ ยังคงมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. โดยการส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบาย การประเมินความเสี่ยงด้านต่ำของเศรษฐกิจและความเสี่ยงด้านเสถียรภาพในระยะยาวจะเป็นประเด็นที่กระทบราคาสินทรัพย์สกุลเงินบาท

 

ข้อมูลเพิ่มเติม                                                                                   

ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์

ติดต่อ นางสาวรุ่ง สงวนเรือง

อีเมล:Roong.Sanguanruang@krungsri.com
โทร. 66-2-266-3011 ต่อ 5646

“ผบช.ภ.5 “นำทีมบุกรวบ แก็งค์ค้ายา ผงะเจอยาไอซ์ 500 ก.ก.คาม่านรูด เชียงใหม่

เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2562 ที่ จว.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์รายงานว่า ตำรวจสืบสวนภาค 5 จับกุมขบวนการ ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากชายแดนภาคเหนือ เข้าพื้นที่ชั้นใน ขณะเช่าห้องพัก ในโรงแรมม่านรูด 3 ห้อง ย่านถนนวงแหวนรอบ 2 หมู่บ้านพระนอนขอนม่วง ตำบล ดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมของกลางไอซ์ ที่ซุกซ่อนในห่อชาเขียว เก็บในกระโปรงท้ายรถยนต์ และในห้องโดยสาร บรรทุกมาเต็มคันรถ ทะเบียน 6 ก อ 3489 ก ท ม จำนวน 500 กิโลกรัม และจับกุม ผู้เกี่ยวข้อง ได้ทั้งหมดรวม 9 คน

พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการ ตำรวจภูธรภาค 5 เผยว่าผู้ต้องหาทั้งหมด ทำเป็นขบวนการ มีรถยนต์คุ้มกัน มีรถนำเส้นทาง และรถที่ใช้ลำเลียง เพื่อลักลอบ นำไปยังพื้นที่ชั้นใน ทำมาเป็นครั้งที่ 3 ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลัง อยู่ระหว่างผล ซึ่งยาเสพติดล็อตนี้ กลุ่มผู้ต้องหาส่วนใหญ่ ทำงานโรงเหล็ก ในพื้นที่ จังหวัดสมุทรปราการ ไปรับยาเสพติด ที่ขบวนการค้ายาเสพติด นำไปกองไว้ข้างทาง ริมถนนในเขตอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อลำเลียงเข้าพื้นที่ชั้นใน

มีรายงานว่า ตำรวจชุดสืบสวนชุดดังกล่าว อยู่ระหว่างเร่งขยายผลผู้ร่วมขบวนการ เพื่อจับกุมมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป


บัญชีเพื่อออม ทีเอ็มบี โน ฟิกซ์ (TMB NO Fixed) ประกาศมอบดอกเบี้ยโบนัสพิเศษ

ทีเอ็มบี ประกาศอัตราดอกเบี้ยโบนัสพิเศษของบัญชีเพื่อออม ทีเอ็มบี โน ฟิกซ์ (TMB No Fixed) สำหรับนักลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่า (Get MORE with TMB) เพียงมีการลงทุนในกองทุนรวมทุกประเภทผ่านทีเอ็มบี โดยมีมูลค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป ในเดือนปัจจุบัน รับอัตราดอกเบี้ยโบนัสพิเศษในเดือนถัดไปทันทีสูงสุดถึง 1.8% ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

อัตราดอกเบี้ยโบนัสพิเศษนี้สำหรับลูกค้าที่เป็นนักลงทุนและมีเงินฝากในบัญชีทีเอ็มบี โน ฟิกซ์ เพื่อนำไปลงทุนในกองทุนรวมผ่านทีเอ็มบี โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมเฉลี่ยตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป  ทั้งนี้เงินฝากตั้งแต่ 0-50 ล้านบาท จะได้รับดอกเบี้ยโบนัสสูง 1.80% และหากมีเงินฝากที่เกิน 50 ล้านบาท ส่วนที่เกินจะได้รับดอกเบี้ยโบนัสพิเศษสำหรับนักลงทุน 0.625% โดยจะได้รับดอกเบี้ยโบนัสพิเศษในเดือนถัดไป

ทีเอ็มบี โน ฟิกซ์ (TMB NO Fixed) บัญชีเพื่อออมดอกเบี้ยสูง ถอนเมื่อใดก็ได้ ไม่กำหนดระยะเวลาฝาก และยังคงให้ดอกเบี้ยสูงตั้งแต่บาทแรก ผู้สนใจสามารถติดต่อเปิดบัญชี ได้ที่ ทีเอ็มบี ทุกสาขา สำหรับลูกค้า ทีเอ็มบี ปัจจุบัน สามารถเปิดบัญชีผ่าน TMB TOUCH ได้ทันที สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ TMB Contact Center โทร.1558 หรือ www.tmbbank.com

กสิกรไทย รับรางวัลบริการจัดการด้านการเงินดีที่สุดในไทย 8 ปีซ้อน

นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ (นั่งซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส และนางกิติยา ฤกษ์ภูริทัต (นั่งขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย พร้อมทีมผู้บริหารฝ่ายบริการจัดการด้านการเงิน ร่วมภาคภูมิใจกับความสำเร็จที่ธนาคารกสิกรไทยได้รับ “รางวัลธนาคารที่ให้บริการจัดการด้านการเงินที่ดีที่สุดในไทย (Best Cash Management Bank in Thailand)  ซึ่งได้รับเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน จากงานประกาศรางวัล 13th Annual Alpha Southeast Asia Best Financial Institution Awards 2019 จัดโดยนิตยสาร Alpha Southeast Asia ณ โรงแรมแชงกรี-ลา ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเร็วๆ นี้

KBank wins “Best Cash Management Bank in Thailand” award for the 8th consecutive year

Mr. Silawat Santivisat (seated left), KBank Senior Executive Vice President, and Ms. Kitiya Rerkpooritat (seated right), KBank First Senior Vice President, along with other executives of the Cash Management Department, received the “Best Cash Management Bank in Thailand” award for the 8th consecutive year from Alpha Southeast Asia magazine at the 13th Annual Alpha Southeast Asia Best Financial Institution Awards 2019. The award presentation ceremony was held recently at the Shangri-La Hotel, Singapore.