ศาลสั่งจำคุก2ปีไม่รออาญา”จิรัฎฐ์”อดีตสส.พรรคส้ม​ ใช้ใบสด.43ปลอม!!

ศาลสั่งจำคุก อดีต สส.จิรัฏฐ์ พรรค ปชน.2 ปี ไม่รอลงอาญา ใช้ใบสด.43 ปลอม

วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.45 น. ที่ห้องพิจารณา 910 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี ปลอมใบสด.43 หมายเลขดำอทย.155/2567 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายจิรัฏฐ์ หรือนวรินทร์ ทองสุวรรณ์ อดีตส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นจำเลยในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ อันเป็นเท็จ


กรณีนายจิรัฏฐ์ จำเลย แสดงใบผ่านเกณฑ์ทหารหรือใบสด.43 ปลอม แล้วนำมาเผยแพร่ในโซเชียลโดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากกรณีเกิดข้อสงสัยการได้มาซึ่งใบผ่านการเกณฑ์ทหาร หรือใบ สด.43 ของนายจิรัฏฐ์ ว่า อาจจะได้มาโดยไม่ถูกต้อง จนเป็นที่มาร้องเรียนให้กองทัพบกตรวจสอบ ต่อมา พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) ในขณะนั้น ได้มอบหมายให้นายทหารพระธรรมนูญเข้าแจ้งความดำเนินคดี นายจิรัฏฐ์ ที่สน.ประชาชื่น ข้อหาปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมฯ​จำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว

สำหรับคดีนี้มีพยานโจทก์เป็นเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 6 ปากเข้าเบิกความ ขณะที่จำเลยมีนายจิรัฏฐ์ เป็นพยานเบิกความต่อสู้คดีพียงปากเดียว

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำผิดฐานใช้เอกสารราชการผ่านการเกณฑ์ทหาร(ใบ สด.43)จริง จำคุก2ปีโดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาอื่นให้ยก

“นนทบุรีวิทยาลัย – หมอนทองวิทยา” จัดศึกฟุตบอลการกุศล ระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 น.ส.ศิริวรรณ บรรดาศักดิ์ ประธานการจัดการแข่งขันฯ (น้องสาวนายพลวัตร บรรดาศักดิ์ หรือ อดีตสจ.บอย), นายปราโมทย์ คำโถ ผู้อำนวยการโรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย พร้อมด้วย ดร.สุเมธ ริดหมัด ประธานชมรมฟุตบอลศิษย์โรงเรียนหมอนทองวิทยา ได้ร่วมแถลงข่าวการแข่งขันฟุตบอลการกุศล “Friendly Match” พบกับคู่แรก ระหว่างทีม “จังหวัดนนทบุรี – ทีมรวมดารา” และไฮไลท์คู่พิเศษ ระหว่างทีม ”นนทบุรีวิทยาลัย – หมอนทองวิทยา“ ซึ่งถือเป็นฟุตบอลนัดประวัติศาสตร์ที่จะจัดขึ้นในวันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 15.30 น.-19.00 น. ณ สนามกีฬา นนทบุรี สเตเดียม (วัดโบสถ์ดอนพรหม) ต.วัดชลอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี

น.ส.ศิริวรรณ บรรดาศักดิ์ ประธานการจัดการแข่งขันฯ กล่าวว่า การจัดการแข่งขันฟุตบอลการกุศลในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสมทบทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนนทบุรี และเป็นทุนสนับสนุนทีมฟุตบอลโรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย และโรงเรียนหมอนทองวิทยา โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก พ.ต.อ.ดร.ธงชัย เย็นประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี, นายภาคิน วรวรรณปรีชา ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ให้ใช้สนามฟุตบอลนนทบุรี สเตเดียม เพื่อใช้ในการแข่งขัน ที่รองรับผู้เข้าชมได้กว่า 14,000 คน นอกจากนี้ยังมีพี่ๆทีมจังหวัดนนทบุรี และทีมรวมดารา มาสร้างสีสันในงาน โดยจะมีการขายบัตรเข้าชม แบบปกติราคา 200 บาท, แบบ VIP 500 บาท (น้องๆนักเรียนเข้าชมฟรี) ขอขอบคุณหน่วยงานราชการ และเอกชนทุกภาคส่วน คณะครูโรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย และโรงเรียนหมอนทองวิทยา รวมถึงคณะกรรมการผู้จัดงานทุกท่าน ขอบคุณพี่ๆสื่อมวลชนที่ให้ความสนใจและช่วยประชาสัมพันธ์กิจกรรมดีๆในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการแข่งขันฟุตบอลการกุศลในครั้งนี้จะได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี

นายปราโมทย์ คำโถ ผู้อำนวยการโรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย กล่าวว่า ขอขอบคุณทางคณะผู้จัดการแข่งขันฟุตบอลการกุศลในครั้งนี้ ขอบคุณทีมฟุตบอลจากโรงเรียนหมอนทองวิทยาที่มีโอกาสได้สร้างบุญร่วมกัน ซึ่งในขณะนี้ทีมฟุตบอลจากโรงเรียนหมอนทองวิทยากำลังเป็นที่รู้จักและถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง ตนในฐานะเป็นเจ้าบ้านยินดีต้อนรับการมาเยือนในครั้งนี้ และขอขอบคุณอย่างยิ่งที่เราได้ร่วมกันส่งเสริมให้เด็กๆได้เล่นกีฬาฟุตบอล รวมถึงได้ปลูกฝังให้เด็กๆสร้างคุณงามความดี ช่วยเหลือสังคม นับว่าเป็นโอกาสดีทีมของโรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัยจะได้ร่วมเตะทีมฟุตบอลที่มีชื่อเสียง ได้โชว์ฝีมือด้านการเตะฟุตบอล ดีใจแทนเด็กๆ และขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การส่งเสริมและสนับสนุนด้วย

ดร.สุเมธ ริดหมัด ประธานชมรมฟุตบอลศิษย์โรงเรียนหมอนทองวิทยา กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทางคณะผู้จัดการแข่งขันฟุตบอลการกุศลในครั้งนี้ รวมถึงผู้อำนวยการโรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย และสื่อมวลชนทุกๆท่าน ในวันนี้ตนเป็นตัวแทนของผู้อำนวยการโรงเรียนหมอนทองวิทยา ในฐานะตำแหน่งประธานชมรมฟุตบอลศิษย์โรงเรียนหมอนทองวิทยา หลังจากที่ได้รับการติดต่อมารู้สึกดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะสังคมที่จะประสบอุทกภัยทางน้ำ เป็นความยินดีที่จะได้เป็นส่วนร่วมในการสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆแบบนี้ เป็นสิ่งที่จะได้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาทุกคน สนับสนุนและส่งเสริมเพื่อที่จะได้ห่างไกลจากยาเสพติด ห่างไกลจากสังคมก้มหน้า ฝากประชาสัมพันธ์ถึงแฟนๆทีมฟุตบอลหมอนทองวิทยา มาร่วมชมการแข่งขันฟุตบอลการกุศล “Friendly Match” ในวันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 15.30 น.-19.00 น. ณ สนามกีฬา นนทบุรี สเตเดียม (วัดโบสถ์ดอนพรหม) ต.วัดชลอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี

วันนี้เปิดจำหน่ายบัตรชมฟุตบอลแล้วนะคะ ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป จนถึง วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม 2568 ณ โรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย

หมายเหตุ

  1. โซน VIP เต็มแล้ว
  2. Gate 4 – 5 พื้นที่สำหรับนักเรียนทั่วไป
  3. Gate 11 – 12 พื้นที่สำหรับนักเรียน นบ.ว.
  4. พื้นที่ที่เหลือ สำหรับประชาชนทั่วไป

เลื่อนอ่านฎีกา คดี นปช.ก่อการร้ายปี53 เหตุ ”เจ๋ง ดอกจิก“ ป่วยเส้นเลือดสมองตีบ นัดใหม่ 20 ม.ค. ปีหน้า

เวลา 09.30น. วันที่ 16 ธ.ค.ที่ห้องพิจารณา609 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีแนวร่วมนปช.ก่อการร้ายหมายเลขดำอ.2542/2553ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ1เป็นโจทก์ฟ้องนายวีระ หรือวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายจตุพร หรือตู่ พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.นายณัฐวุฒิ หรือเต้น ใสยเกื้อเลขาธิการนปช.กับพวกรวม24 คนเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย มั่วสุมสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ

กรณีช่วงระหว่างวันที่ 28 ก.พ. – 20 พ.ค. 2553พวกจำเลยได้ยุยงปลุกปั่นประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ต่อเนื่อง เพื่อกดดัน ต่อต้านรัฐบาล และบังคับขู่เข็ญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี( ขณะนั้น) ประกาศยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ อ้างว่า นายอภิสิทธิ์มาเป็นนายกฯ โดยมิชอบ และให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งพวกจำเลยได้ร่วมกันจัดการชุมนุมที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และบริเวณแยกราชประสงค์ นอกจากนั้น ยังเดินขบวนไปปิดล้อมสถานที่ต่างๆ ด้วย ใช้อาวุธเครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 ยิงใส่บ้านพักประชาชน สะสมกำลังพลและอาวุธสงครามร้ายแรง มีการฝึกกำลังคนและฝึกการใช้อาวุธเพื่อการก่อการร้าย

จำเลยทุกคนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนใหญ่ได้รับการประกันตัว​ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทุกคนอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษพวกจำเลยตามความผิดด้วย

ต่อมาวันที่ 9 ม.ค.66 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกนายยศวริศ ชูกล่อมหรือเจ๋ง ดอกจิกจำเลยที่ 7 รวม8ปี ลดโทษให้1ใน3 คงจำคุก 5 ปี 4 เดือนไม่รอลงอาญา ส่วนนายสุขเสก หรือสุข พลตื้อจำเลยที่ 12 ให้จำคุกตลอดชีวิต สำหรับจำเลยอื่นพิพากษายกฟ้องตามศาลชั้นต้นอัยการโจทก์กับจำเลยที่7และที่12 ยื่นฎีกา

วันนี้จำเลยที่ 12 ทนายจำเลยที่ 12 นายประกันจำเลยที่7 มาศาล ส่วนจำเลยที่7 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลทนายจำเลยที่7 ยื่นคำร้องขอเลื่อนพร้อมใบรับรองแพทย์ประกอบกับภาพถ่ายจำเลยที่7 นอนโรงพยาบาลที่นายประกันจะส่งให้ในวันนี้ ซึ่งใบรับรองแพทย์ได้ระบุว่า จำเลยมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบแพทย์แนะนำให้รักษาตัว 30 วัน จึงไม่มาศาลและขอให้เลื่อนอ่านฎีกาไปอีก 30 วัน

พิเคราะห์แล้วทางจำเลยมีใบรับรองแพทย์ระบุว่าเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ประกอบภาพนอนโรงพยาบาล จึงเชื่อว่าจำเลยป่วยและไม่สามารถมาศาลได้ เห็นสมควรอนุญาตให้เลื่อนนัดฟังพิพากษาศาลฎีกา เป็นวันที่ 20 ม.ค. 2569 เวลา 09.00 น.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด พรุ่งนี้ กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เหลือ 1.25% อาจปรับลดอีกครั้งปีหน้า

กรุงเทพฯ, วันที่ 16 ธ.ค. – ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะมีขึ้นวันพรุ่งนี้ (17) ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าที่ประชุมจะมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ลงมาอยู่ที่ 1.25% ท่ามกลางความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นจากผลกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้  ความตึงเครียดชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา และการยุบสภา

อย่างไรก็ดี มติในการประชุมครั้งนี้อาจออกมาไม่เป็นเอกฉันท์เช่นเดียวกับในการประชุมครั้งก่อนหน้า โดยเสียงส่วนน้อยอาจยังสนับสนุนให้คงดอกเบี้ย เพื่อรอดูผลของการส่งผ่านนโยบายต่อภาคเศรษฐกิจจริง พร้อมให้ความสำคัญกับจังหวะเวลาและประสิทธิผลของนโยบายท่ามกลาง policy space ที่มีจำกัดขึ้น

ในปี 2569 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอีก 1 ครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี ท่ามกลางทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงจากปีนี้

“ร้อยดวงใจปวงประชา น้อมสำนึกพระเมตตตา องค์สภานายิกา สภากาชาดไทย” เชิญชวนเที่ยวงานกาชาด 11-21 ธ.ค.นี้

ไม่ว่าคุณจะเป็นสายกิน สายเที่ยว สายช้อป สายคอนเทนต์ หรือใครก็ตาม งานนี้คืออีเวนต์ที่ไม่ควรพลาดขอเชิญร่วมงานกาชาดประจำปี 2568 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-21 ธันวาคม 2568 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานครงานกาชาดในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ร้อยดวงใจปวงประชา น้อมสำนึกพระเมตตตา องค์สภานายิกา สภากาชาดไทย” โดยเชิญชวนผู้เข้าร่วมงานแต่งกายด้วยผ้าไทยหรือชุดไทย เพื่อร่วมกันอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสบรรยากาศอันงดงาม พร้อมเพลิดเพลินกับโชนและกิจกรรมที่หลากหลายทั่วทั้งพื้นที่จัดงาน

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงาน คือบูธจากนักแสดง ศิลปิน และบุคคลมีชื่อเสียง ที่มาร่วมสร้างสีสันและประสบการณ์การช้อปปิ้งอย่างคึกคักและน่าประทับใจ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ จะร่วมออกบูธนิทรรศการในโชนที่ 5 โดยมีนิทรรศการเทิดพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง นอกจากนี้ ภายในร้านของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังมีกิจกิจกรรมมากมาย เช่นยิงปืน ปาลูกโป้ง โยนห่วง และถ่ายรูป ส่วนร้านของสมาคมแม่บ้านตำรวจมีการจับสลากกาพฤกษากาชาดให้ผู้ร่วมงานได้ลุ้นของรางวัลจำนวนมากด้วยและเพื่อเป็นการรักษ์สิ่งแวดล้อม สภากาชาดไทย ขอความร่วมมือผู้เข้าร่วมงานใช้ระบบขนส่งสาธาธารณะและนำถุงผ้ามาใช้แทนถุงพลาสติก รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการใช้ภาชนะบรรจุอาหารที่สามารถย่อยสลายได้

ด้วยความสำคัญของงาน และจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่คาดว่าจะมีเป็นจำนวนมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดเตรียมมาตรการด้านความปลอดภัยและการรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเหมาะสม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติหน้าที่ ทั้งภายในและบริเวณโดยรอบพื้นที่จัดงาน เพื่อดูแลความเรียบร้อยความปลอดภัยของผู้เข้าชมงาน และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

งานกาชาดประจำปี 2568 เปิดให้ประชาชนเข้าร่วมงานระหว่างวันที่ 11-21 ธันวาคม 2568 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11:00-22:00 น. ณ สวนลมพินี และสามารถร่วมงานออนไลน์ได้ตลอด 24 ชัวโมง ผ่านเว็บไซต์www.iredcross.org รายได้จากการบริจาค จะนำไปใช้สนับสนุนภารกิจด้านมนุษยธรรมของสภากาชาดไทย ช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ

The Royal Thai Police (RTP) invites you to visit the Red Cross Fair 2025.

Food lovers, travel enthusiasts, shopaholics, content creators and everyone in between – this is an event you simply cannot miss. Join us at the Red Cross Fair 2025, taking place from 11–21 December 2025 at Lumphini Park, Bangkok.

This year’s fair is held under the theme “A Hundred Hearts United in Gratitude, Honouring the Compassion of the Former President of the Thai Red Cross Society (The Queen Mother).” The visitors are warmly encouraged to attend this year’s Red Cross Fair dressed in traditional Thai attire. This initiative aims to preserve and promote Thailand’s cultural heritage. Visitors may enjoy a truly special atmosphere across a wide variety of zones and activities throughout the venue.

One of the key highlights, the fair will feature booths operated by renowned actors, artists, and public figures for exciting and vibrant shopping experience.

The Royal Thai Police and the Police Wives Association will also participate with exhibition booths located in Zone 5. These booths will feature Her Majesty Queen Sirikit the Queen Mother’s exhibitions and memorial, along with a range of engaging activities such as shooting games, balloon darts, ring tosses, and photo booths. In addition, the Police Wives Association booth will host the Red Cross Tree Lottery, giving visitors a chance to win numerous prizes.

To support environmental sustainability, The Thai Red Cross Society kindly encourages visitors to use public transportation and bring reusable bags. Also, the exhibitors are encouraged to use recyclable food containers during the event.

Given the significance of the event and the large number of attendees, the Royal Thai Police has ensured that appropriate security and public-safety arrangements are in place. Police officers from relevant units are deployed within and around the venue to maintain public order, support visitor safety, and provide assistance as needed, including for international tourists.

Once again, the Red Cross Fair 2025 is open to the public from 11–21 December 2025, daily from 11:00 a.m. to 10:00 p.m. at Lumphini Park, as well as online at www.iredcross.org, available 24 hours.

All donations will be used to support the Thai Red Cross Society’s mission of providing humanitarian assistance to people across the country.

“พีระพันธุ์” จี้รัฐบาลหยุด “ขอความร่วมมือ” เรือน้ำมัน ให้ใช้ ม.122 จับ-ดำเนินคดีทันที ไม่ต้องรอกฎอัยการศึก สกัดส่งน้ำมันหนุนยุทธปัจจัยเขมร

กรุงเทพฯ, วันที่ 16 ธ.ค. – นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อกระแสข่าวในช่วงหลายวันที่ผ่านมา กรณีบริษัทน้ำมันของไทยยังคงมีการส่งน้ำมันไปยังประเทศกัมพูชา แม้ประเทศไทยกำลังเผชิญสถานการณ์ตึงเครียดด้านความมั่นคง โดยระบุว่า  ตนได้ติดตามรายงานข่าวจากสื่อมวลชนว่า กองทัพเรือกำลังแก้ไขปัญหาเรือไทยที่ลำเลียงน้ำมันอ้อมผ่านประเทศสิงคโปร์ หรือไปรับน้ำมันจากสิงคโปร์ก่อนนำไปส่งต่อให้กัมพูชา โดยมีการชี้แจงว่ากำลัง “ขอความร่วมมือ” จากเจ้าของเรือไม่ให้ดำเนินการดังกล่าว “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้วิธีขอความร่วมมือ ทั้งที่การกระทำลักษณะนี้เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 อย่างชัดเจน”

หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ย้ำว่า กฎหมายอาญามาตรา 122 ระบุชัดว่า การอุปการะ สนับสนุน หรือช่วยเหลือการดำเนินการรบ หรือการตระเตรียมการรบของข้าศึก เป็นความผิดร้ายแรง และหากการกระทำนั้นทำให้ข้าศึกได้เปรียบในการรบ มีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต โดยไม่จำเป็นต้องรอการประกาศกฎอัยการศึกแต่อย่างใด “น้ำมันคือยุทธปัจจัยหลักของสงคราม ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีเหตุผลใดให้เชื่อว่าน้ำมันที่ถูกส่งออกไปจะไม่ถูกนำมาใช้ต่อสู้กับประเทศไทย”

นายพีระพันธุ์กล่าวว่า สิ่งที่รัฐควรดำเนินการไม่ใช่การขอความร่วมมือ แต่ต้องจับกุมและดำเนินคดีทันที ทั้งผู้ควบคุมเรือ เจ้าของเรือ และบริษัทที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากสามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจนว่า เรือไทย บริษัทขนส่ง หรือบริษัทค้าน้ำมันรายใดมีพฤติกรรมเข้าข่ายสนับสนุนยุทธปัจจัยให้ข้าศึก พร้อมเรียกร้องให้รัฐประกาศอย่างชัดเจนว่า ผู้ใดส่งน้ำมันหรือยุทธปัจจัยให้กัมพูชา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ถือเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย และต้องถูกดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบรถบรรทุกน้ำมันทุกคันที่ผ่านด่านช่องเม็กอย่างเข้มงวดโดยไม่มีข้อยกเว้น ทั้งการตรวจเอกสารการส่งออก ตรวจสอบปลายทางที่แท้จริง ผู้รับสินค้า และวัตถุประสงค์การใช้งาน รวมถึงการควบคุมตัวและสอบปากคำคนขับรถทุกคันเมื่อเดินทางกลับเข้าประเทศ เพื่อยืนยันปลายทางสุดท้ายของการขนส่ง “บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าข่ายเป็นผู้ต้องสงสัยว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 ซึ่งเป็นความผิดด้านความมั่นคงของรัฐ” นายพีระพันธุ์กล่าว

ทั้งนี้ การขนส่งดังกล่าว ไม่ว่าจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังประกาศห้ามตามคำสั่งของกองทัพภาคที่ 2 ก็ไม่อาจนำมาเป็นข้ออ้างได้ เนื่องจากเป็นคนละประเด็น โดยคำสั่งห้ามเป็นมาตรการป้องกัน ขณะที่กฎหมายอาญามาตรา 122 เป็นกฎหมายความมั่นคงของชาติที่มีผลบังคับใช้อยู่ตลอดเวลา

นายพีระพันธุ์ ยังระบุว่า นายกรัฐมนตรีสามารถใช้อำนาจได้ทันที ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในการออกคำสั่งหรือกำหนดนโยบายห้ามการกระทำลักษณะดังกล่าวอย่างเด็ดขาด “แต่น่าแปลกใจที่จนถึงวันนี้ ยังไม่มีคำสั่งใดออกมา กลับเลือกใช้วิธีขอความร่วมมือจากภาคเอกชน ในขณะที่ทหารไทยต้องยืนอยู่แนวหน้า เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องประเทศ” นายพีระพันธุ์กล่าว พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ไม่ใช่เวลาของความลังเลหรืออ้อมค้อม แต่เป็นเวลาที่รัฐต้องใช้มาตรการเด็ดขาด เพื่อประเทศ เพื่ออธิปไตย และเพื่อไม่ให้การเสียสละของทหารไทยต้องสูญเปล่า

“จิรัฏฐ์” อดีต สส.ปชน. มั่นใจพยานหลักฐาน ยัน ไม่เคยปลอมใบ สด.43 เชื่อ ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง

จากกรณีที่นายจิรัฏฐ์ หรือนวรินทร์ ทองสุวรรณ์ อดีต สส.จังหวัดฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน (ปชน.) ได้แสดงใบผ่านเกณฑ์ทหาร หรือ “ใบ สด.43 ปลอม” แล้วนำมาเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากกรณีเกิดข้อสงสัยการได้มาซึ่งใบผ่านการเกณฑ์ทหาร หรือใบ สด.43 ของนายจิรัฏฐ์ ว่า อาจจะได้มาโดยไม่ถูกต้อง จนเป็นที่มาร้องเรียนให้กองทัพบกตรวจสอบ ต่อมา พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) ในขณะนั้น ได้มอบหมายให้นายทหารพระธรรมนูญเข้าแจ้งความดำเนินคดี นายจิรัฏฐ์ ที่ สน.ประชาชื่น ในข้อหา “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมฯ” คดีนี้ทางพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจิรัฏฐ์ หรือ นายนวรินทร์ ทองสุวรรณ์ อดีตส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นจำเลยในความผิดฐาน “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ อันเป็นเท็จ” ด้านจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว สำหรับคดีนี้มีพยานโจทก์เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร รวม 6 ปากเข้าเบิกความ ขณะที่ฝ่ายจำเลยมีนายจิรัฏฐ์ เป็นพยานเบิกความแก้ต่างต่อสู้คดีเพียงปากเดียว ที่ห้องพิจารณาคดี 910

วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 910 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายจิรัฏฐ์ หรือนวรินทร์ ทองสุวรรณ์ อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน (ปชน.) จำเลยในคดี “ปลอมใบ สด.43” พร้อมทนาย ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาในคดี ปลอมใบสด.43 หมายเลขดำอทย.155/2567 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายจิรัฏฐ์ หรือนวรินทร์ ทองสุวรรณ์ อดีตส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นจำเลยในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ อันเป็นเท็จ

นายจิรัฏฐ์ กล่าวก่อนขึ้นไปฟังศาลพิพากษาว่า ตนมั่นใจในพยานหลักฐานที่ใช้ต่อสู้ในคดีและยืนยันว่า ไม่ได้มีการปลอมแปลงเอกสาร ใบ สด.43 เพราะก่อนหน้านี้ทางพนักงานอัยการก็ให้คำตอบไม่ได้ว่าปลอมแปลงอย่างไร เพราะในใบเอกสารมีทั้งลายเซ็น มีทั้งตราประทับ ซึ่งยากที่จะปลอมแปลง และโดยส่วนตัวแล้วตนเชื่อว่าคดีนี้ เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองจากฝั่งตรงข้าม เพราะตอนที่นั่งไต่สวนก็มีนายทหารตั้งแต่ยศพันโทไปจนถึงพลโทประมาณ 8-9 นาย เข้ามาร่วมเบิกความ ทั้งที่ความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องใช้นายทหารยศสูงขนาดนี้ อีกทั้งยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การเก็บเอกสารประวัติของตนก็แตกต่างจากคนอื่น เพราะโดยปกติแล้ว จะต้องมีการทำลายทิ้งหากครบ 10 ปี

ขณะที่นายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร นักธุรกิจและนักวิชาการอิสระ ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าจำเลยไม่ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน และจำเลยถูกยกการปฏิบัติหน้าที่ สส. ทันทีตั้งแต่เกิดเรื่อง

“กัณวีร์” อัดคลิปถึง “ทรัมป์” ถ้าจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ต้องหยุดเลือกข้าง สร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยสันติภาพ ยันทหาร-ประชาชนไทย เสียชีวิตไม่ใช่อุบัติเหตุ

วันที่ 16 ธ.ค.68 นายกัณวีร์ สืบแสง หัวหน้าพรรคพลวัต ได้อัดคลิปภาษาอังกฤษส่งข้อความถึง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ต่อความเข้าใจถึงสถานการณ์ไทยและกัมพูชาโดยระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประชาชนไทยและทหารที่เสียชีวิต คงไม่ใช่อุบัติเหตุ ดังนั้นความพยายามในการจะเป็นผู้สร้างสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถ้าจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยคุณต้องหยุดเลือกข้างต่อหน้าสาธารณะ พร้อมบอกคุณสมบัติของผู้ไกล่เกลี่ย มี 8 ข้อ

นายกัณวีร์ ระบุว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่หลายฝ่ายพูดถึงคือบทบาทของ “ผู้ไกล่เกลี่ย” แต่การเป็นผู้ไกล่เกลี่ยที่แท้จริงนั้น มีหลักการพื้นฐานอย่างน้อย 8 ข้อที่ควรยึดถือ หากต้องการพาสถานการณ์ไปสู่สันติภาพอย่างแท้จริง

1. ต้องสร้างพื้นที่พูดคุยที่ปลอดภัย

    ผู้ไกล่เกลี่ยควรสร้างพื้นที่ให้ทุกฝ่ายสามารถเจรจากันได้อย่างปลอดภัยและจริงใจ ไม่ใช่ใช้การข่มขู่หรือกดดันต่อหน้าสาธารณะ เพราะสิ่งนั้นยิ่งทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น

    2. ต้องรักษาความเป็นกลางและไม่เลือกข้าง

      ความเป็นกลางไม่ใช่เพียงคำพูด แต่ต้องสะท้อนผ่านการกระทำและการสื่อสารต่อสาธารณะ หากให้ข้อมูลที่เอนเอียงหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง ก็ยากจะได้รับความเชื่อถือในฐานะผู้ไกล่เกลี่ย

      3. ต้องส่งเสริมการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์

        บทบาทของผู้ไกล่เกลี่ยคือการอำนวยความสะดวกให้คู่ขัดแย้งได้พูดคุยกันอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่บังคับให้ยอมรับข้อตกลงโดยไม่ผ่านการสนทนาอย่างแท้จริง

        4. ต้องเข้าใจรากเหง้าของปัญหา

          ความขัดแย้งไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจากเหตุปะทะรายวัน แต่มีที่มาจากข้อพิพาทเรื่องพื้นที่ อธิปไตย และปัจจัยเชิงโครงสร้างอื่น ๆ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการพูดถึงอย่างตรงไปตรงมา

          5. ต้องออกแบบและบริหารกระบวนการอย่างต่อเนื่อง

            สันติภาพไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งเดียว แต่เป็นกระบวนการที่ต้องมีความต่อเนื่อง ต้องมีการวางแผน การติดตาม และการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังของทุกฝ่าย

            6. ต้องเปิดให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุม

              กระบวนการสันติภาพไม่ควรจำกัดอยู่แค่ผู้นำรัฐบาล แต่ควรเปิดพื้นที่ให้ภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วม เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

              7. ต้องยึดแนวทางที่ไม่ใช้ความรุนแรงและอาศัยความร่วมมือ

              ทางออกของความขัดแย้งต้องเป็นไปอย่างสันติ และอาศัยความร่วมมือระหว่างทุกฝ่าย ไม่ใช่การใช้กำลังหรือการกดดันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

              8. ต้องยึดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศเป็นแกนหลัก

              สิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศคือรากฐานของสันติภาพ หากละเลยหลักการนี้ กระบวนการใด ๆ ก็ยากจะนำไปสู่ความสงบและการพัฒนาที่ยั่งยืนได้

                ชื่นชมแท็กซี่คนดีเป็นจิตอาสารับส่งคนไปสนามหลวงฟรี ล่าสุดหนุ่มเซเว่นโอนเงินผิดเข้าบัญชี 10,000 เตรียมส่งคืน

                เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 15 ธันวาคม 68 นายวินัย นึกมั่น อายุ 51 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ เดินทางเข้าแจ้งความขอลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานกับ พ.ตท.ณัฐวุฒิ มิ่งเมือง สว.(สอบสวน) สภ.รัตนาธิเบศร์ ว่าเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 68 เวลา13.30 น. ผู้แจ้งได้นำเงินสดจำนวน 10,000 บาทไปฝากที่ 7-11 ย่านพหลโยธิน พนักงานบอกกับผู้แจ้งว่ามีค่าธรรมเนียมครั้งละ 15 บาท จึงขอฝากแค่ 1,000 บาท และเอา 9,000 บาทกับคืนมา ต่อมาปรากฏว่าผู้แจ้งพบว่ามีเงินที่ต้องการฝากโอนเงินเข้ามาเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ซึ่งไม่ตรงกับที่ผู้แจ้งต้องการฝากจึงแสดงตนเพื่อความบริสุทธิ์ใจต่อพนักงานสอบสวนว่ามิได้มีเจตนาประสงค์ที่จะเอาเงินจำนวนดังกล่าวที่พนักงานโอนเงินเกินมาและขอติดต่อพนักงานเพื่อส่งมอบคืนเงินจำนวน 9,000 เพราะตนเกรงว่าพนักงานคนดังกล่าวจะได้รับความเดือดร้อนและถูกหักเงินเดือน

                โชเฟอร์แท็กซี่น้ำใจงาม กล่าวต่อว่า ตนนขับแท็กซี่มานานหลายสิบปี หลังจากสมเด็จพระพันปี เสด็จสวรรคต ตนก็เป็นจิตอาสารับส่งผู้โดยสาร ที่จะไปเคารพพระศพ ที่สนามหลวงฟรี ตั้งแต่วันแรกจนถึงทุกวันนี้ โดยติดป้ายบริการทั่วรอบรถว่า “ส่งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย” ขอเพียงแค่ผู้โดยสารแจ้งความประสงค์ว่าจะไปสนามหลวงในเพื่อเคารพพระศพตนเองจะไม่มีปฏิเสธแม้แต่รายเดียว สำหรับการให้บริการตนเองก็ทำมาตั้งแต่ครั้งเสด็จพ่อร. 9 เสด็จสวรรคตแล้ว นอกจากนี้ผู้โดยสารที่จะว่าจ้างตนให้ไปส่งโรงพยาบาลหากไม่มีกำลังทรัพย์หรือเงิน ตนก็จะไม่เก็บค่าโดยสารแต่อย่างใด เพราะว่าเราทำงานจิตอาสาตรงนี้แล้ว เราก็อยากจะช่วยทุกคนไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม ภายใต้สฌลแกนที่ว่า”ถ้าท่านหายคือกำไรของเรา”

                สำหรับที่มาของการส่งผู้โดยสารฟรีที่โรงพยาบาลเนื่องจากสมัยที่ตนยังหนุ่ม ๆ แม่ของตนได้เจ็บป่วย ตนเอง พยายามอย่างยิ่งที่จะเรียกรถเพื่อที่จะให้ไปส่งโรงพยาบาล แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ทำให้ตนเองคิดอยู่ในใจเสมอมาว่า สักวันหนึ่งถ้าตนเองมีรถขับเป็นของตัวเองจะขอบริการผู้เจ็บไข้ได้ป่วยเพื่อไปส่งฟรียังโรงพยาบาลทุกรายไปโดยไม่ปฏิเสธ หากใครต้องไปสนามหลวงหรือเดือดร้อนจริงๆที่จะต้องไปส่งโรงพยาบาลแล้วเรียกรถไม่ได้โทรหาตนที่เบอร์นี้เลย 098-4499087 “ฟรีทุกการเดินทาง” นายวินัย กล่าว

                วงจรปิด โจรคล้ายชายอินเดีย ทำทีซื้อเบียร์ 2 กระป๋อง พูดอังกฤษหว่านล้อม ก่อนเชิดเงินทอนพร้อมเบียร์หนี

                จากกรณีเฟซบุ๊กชื่อ “เจ้าสัวน้อยหมูกะทะ สาขาสนามบินน้ำ” ได้โพสต์ คลิปภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้าน สามารถบันทึกพฤติกรรมของชายต้องสงสัยรูปร่างท้วม ลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ สวมหมวกแก๊ป ใส่เสื้อยืดคอปกแขนสั้นสีขาวสลับดำ ทำทีเข้ามาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนใช้การพูดคุยหว่านล้อมจนพนักงานเกิดความสับสน ส่งผลให้ร้านสูญเสียทั้งสินค้าและเงินสด

                เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.68 เวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ ร้านเจ้าสัวน้อยหมูกะทะ สาขาสนามบินน้ำ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี พบกับนายจามร ของสันเทียะ อายุ 47 ปี ผู้จัดการร้าน และนางสาวทองศรี กองพระทัย อายุ 32 ปี พนักงานต้อนรับ ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตามคลิปกล้องวงจรปิด

                นายจามร เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 20.00 น. คนร้ายลักษณะคล้ายชาวอินเดีย รูปร่างท้วม สวมเสื้อคอปกแขนสั้นสีขาวดำ และใส่หมวกแก๊ป เดินเข้ามาขอซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 กระป๋อง โดยยื่นธนบัตรใบละ 1,000 บาทให้กับพนักงานแคชเชียร์ แต่ระหว่างการซื้อขายได้พูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ ทำทีสอบถามว่าจะซื้อ 1 หรือ 2 กระป๋อง ทำให้พนักงานเกิดความสับสน

                นายจามร กล่าวต่อว่า พนักงานแคชเชียร์ได้ทอนเงินให้คนร้ายไปจำนวนกว่า 800 บาท พร้อมเครื่องดื่ม 2 กระป๋อง ต่อมาคนร้ายได้ทำทีจะขอเพิ่มสินค้าอีก 1 กระป๋อง จังหวะที่พนักงานหันไปหยิบของ คนร้ายได้ดึงธนบัตรใบละ 1,000 บาทกลับขณะยื่นให้กับพนักงาน ทำให้พนักงานไม่ทันสังเกต กระทั่งการซื้อขายเสร็จสิ้นก็ไม่มีใครเอะใจ จนเวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที พนักงานจึงมาแจ้งให้ตนทราบ เมื่อย้อนตรวจสอบกล้องวงจรปิดจึงพบพฤติกรรมทั้งหมดอย่างชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าคนร้ายน่าจะตั้งใจมาก่อเหตุและมีลักษณะคล้ายมืออาชีพขณะนี้ทางร้านได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ แล้ว พร้อมฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับร้านอื่นอีก

                ด้านนางสาวทองศรี พนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุมีลูกค้าไม่มากนัก แต่คนร้ายใช้คำพูดและท่าทางหว่านล้อม ทำให้ตนเกิดความสับสนและไม่ทันระวัง จนกระทั่งมีลูกค้าอีกรายเข้ามาชำระเงิน ตนจึงเปิดลิ้นชักเงินเพื่อทอนเงิน และสังเกตว่าธนบัตรใบละ 1,000 บาทที่ได้รับมาก่อนหน้านี้หายไป จึงรีบแจ้งผู้จัดการและตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนพบหน้าคนร้ายและพฤติกรรมการก่อเหตุอย่างชัดเจน

                นางสาวทองศรี กล่าวต่ออีกว่า ปกติตนไม่ได้ทำหน้าที่แคชเชียร์ประจำ แต่ในวันเกิดเหตุพนักงานแคชเชียร์ลางาน จึงมารับหน้าที่แทน ทำให้เกิดความไม่ชำนาญและตกเป็นเป้าของคนร้ายดังกล่าว