สำหรับมาตรการที่จะช่วยลูกหนี้ หรือ ผู้กู้ยืม กยศ. ต้องยึดหลักของความสะดวก และไม่ซับซ้อน เพื่อลดภาระของบุคคลตามสิทธิต่อกระบวนการดังกล่าว ดังนี้
1. ลูกหนี้ กยศ. ที่ยืนยันชำระหนี้ให้หมดภายใน 3 ปี (เม.ย. 2566) ควรได้รับสิทธิประโยชน์ คือ ไม่มีเบี้ยปรับ, งดดอกเบี้ยค้างชำระ และลดเงินต้น 30%
2. ลูกหนี้ กยศ. ทั่วไป (นอกเหนือจากข้อ 1) จะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ งดเบี้ยปรับตั้งแต่ 1 เม.ย. 2563-64, งดการหักเงินเดือนตั้งแต่ 1 เม.ย. 2563-64, ปลอดดอกเบี้ยตั้งแต่ 1 เม.ย. 2563-64 และระงับการขายทอดตลาด และชะลอการบังคับคดีตั้งแต่ 1 เม.ย. 2563-64
3. สำหรับกรณีผู้กู้ยืม กยศ. ที่เข้าร่วมมาตรการชำระหนี้ให้หมดภายใน 3 ปี ทำผิดสัญญา ขอให้ถือว่ายกเลิกสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับ และต้องกลับไปใช้เงื่อนไขตามปกติของ กยศ. บังคับแทน”
ขณะเดียวกัน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังย้ำถึงหลักการสำคัญที่ต้องไม่ลืมว่า “ผู้กู้ยืม กยศ. ต้องมีความรับผิดชอบต่อหนี้ที่ตนเองก่อขึ้น ด้วยการชำระคืนเงินกับทาง กยศ. ตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงเอาไว้ และต้องระลึกอยู่เสมอว่า กองทุน กยศ. ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยให้โอกาสทางการศึกษา แก่นักเรียน และนักศึกษาที่มีฐานะยากจน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
ดังนั้น การร่วมด้วยช่วยกันรักษาและพัฒนากองทุน กยศ. ให้มีความเข้มแข็ง