นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงสถานการณ์ผู้สูงวัยของประชากรไทยในปี 2558 พบว่าจากจำนวนประชากร 65.1 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป 11 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 16 ของประชากรทั้งหมด ประเด็นสำคัญคือประชากรไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย อย่างรวดเร็วและมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้น ทั้งร่างกายและจิตใจทำให้เกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆได้ง่าย และเกิดได้กับทุกระบบของร่างกาย รวมทั้งเนื้อเยื่อกระดูกและฟัน และอวัยวะที่รองรับฟัน ต่อมน้ำลาย และเยื่อเมือกต่างๆ ในช่องปาก เป็นต้น ซึ่งสุขภาพช่องปากหรือฟันเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิต ประกอบกับปัจจุบันผู้สูงอายุมีความตระหนักในภาวะสุขภาพช่องปากของตนเองมากขึ้น พร้อมกับต้องการที่จะเก็บรักษาฟันของตนเองไว้ให้คงทนและมีความสวยงาม เนื่องจากมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกาย ทั้งด้านกายภาพ ด้านจิตใจ และการเข้าสังคม รวมทั้งคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุสำหรับการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุเบื้องต้น ควรเริ่มจากการดูแลความสะอาดของฟัน อุปกรณ์ทำความสะอาด ควรเลือกแปรงสีฟันที่มีขนาดเหมาะกับช่องปาก ขนแปรงนิ่ม ควรเปลี่ยนแปรงสีฟัน เมื่อขนแปรงบานหรือมีอายุการใช้งาน 2-3 เดือน สำหรับผู้สูงอายุที่ใส่ฟันปลอมควรทำความสะอาดฟันปลอม ด้วยการแช่ในน้ำสะอาดและควรถอดฟันปลอมอย่างน้อยวันละ 4-8 ชั่วโมง ไม่ควรใส่ฟันปลอมนอนเพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อราในช่องปากได้ ส่วนผู้สูงอายุที่ชอบรับประทานอาหาร ระหว่างมื้อ ควรเลือกอาหารกลุ่มธัญพืช ถั่ว นม และผลไม้ที่รสไม่หวานจัด เช่น พุทรา ชมพู่ มันแกว เป็นต้น เพราะนอกจากจะมีผลดีต่อช่องปากแล้ว ยังมีวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ รวมทั้งมีเส้นใยช่วยให้ลำไส้ทำงานได้อย่างปกติ ด้าน ทันตแพทย์บุญชู สุรีย์พงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันในผู้สูงอายุเป็นเรื่องสำคัญ หากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี อาจสูญเสียฟัน รวมถึง ฟันผุ /รากฟันผุ โรคปริทันต์ มะเร็งช่องปาก ภาวะน้ำลายแห้ง ฟันสึก และควรเลือกใช้เครื่องมือช่วยทำความสะอาดฟันเพิ่มเติม เช่น แปรงซอกฟัน ทำความสะอาดฟันที่เป็นช่องมีเหงือกร่นหรือฟันห่าง รวมถึงการทำความสะอาดกระพุ้งแก้มไปจนถึงโคนลิ้น เพื่อขจัดอาหารและคราบจุลินทรีย์ที่ตกค้าง และควรรับประทานอาหารเป็นมื้อไม่กินจุบจิบ เพื่อลดการตกค้างของเศษอาหารบริเวณช่องปาก ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ เคี้ยวหมาก การรับประทานอาหารที่มีรสหวานหรือมีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ทั้งนี้ผู้สูงอายุควรพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 4-6 เดือน เพื่อรักษาสุขภาพฟันและช่องปากให้แข็งแรงอยู่เสมอ