ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ถ.พหลโยธิน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ดูแลงานฝ่ายความมั่นคงและกิจการพิเศษ เดินทางมาที่กองบังคับปราบปราม เพื่อรับมอบตัว นายกฤษชาภณ พูลสิน อายุ 53 ปี อดีตทหารปลดประจำการ ผู้ต้องหาที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 2/28 อาคารที 10 คอนโดเมืองทองธานี ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี แล้วพบวัตถุระเบิด 6 ลูกประกอบด้วยระเบิดเอ็ม 26 จำนวน 1 ลูก ระเบิดปิงปอง 4 ลูกและไปป์ บอมบ์ 1 ลูก ที่ซุกซ่อนไว้ในห้องพัก จากทหารฝ่ายความมั่นคงที่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ควบคุมตัวนายกฤษชากร ไปสอบปากคำเพื่อขยายผลเพิ่มเติมตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นเวลา 7 วัน
ซึ่งจากการสอบสวนนายกฤษชาภณ ยอมรับว่า ตัวเองเป็นเครือข่ายของนายโกตี๋จริง และร่วมชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเข้าร่วมกับแกนนำ นปช. ในการก่อเหตุปาระเบิดเข้าไปในบ้านพักนายสำราญ ซึ่งตำรวจได้ออกหมายจับ นางระพิน อุตรวิเชียร ซึ่งเป็นผู้เบิกจ่ายอาวุธจากโกตี๋,นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ เจ้าของอาวุธและวัตถุระเบิดและคนสั่งการ, นายอุดมชัย นพสวัสดิ มือขวางระเบิด, นานนิคม ชัยต้นเชือก ผู้คุ้มกัน มีอาวุธเป็นปืนพกสั้น, นายพีรพัฒน์ หรือ ธวัชชัย บุญมาก ดูต้นทาง และนายกฤษชาภณ ผู้ดูต้นทาง
นายกฤษชาภณ ระบุว่า ก่อนวันก่อเหตุได้ใช้รถจักรยานยนต์ขับดูเส้นทางก่อนลงมือ 2 วัน ส่วนอีก 1 ชุดเดินทางโดยรถกระบะอิซูซุ ตอนเดียวสีเขียว ของสถานีเรดการ์ดเรดิโอ
สำหรับแผนการลอบสังหารนายแทนคุณ จิตอิสระ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหายอมรับว่าโกตี๋มีแผนที่จะลอบสังหารนายแทนคุณ ซึ่งก่อนหน้านี้นายธวัชชัยและนายเกษมนำอาวุธปืน M16 จำนวน 2 กระบอกขับรถไปตระเวนตามล่านายแทนคุณ 2 ครั้งที่บริเวณพรรคประขาธิปัตย์ แต่ตอนนั้นตนเองไม่ได้ไปด้วยเพราะอยู่ระหว่างประชุม
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ สั่งการให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม สอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม และส่วนคดีของนายแทนคุณ ขึ้นอยู่กับนายแทนคุณว่าจะร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่ พร้อมยอมรับว่ายังมีอีกหลายคดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีผู้สั่งการเหนือกว่าโกตี๋
ขณะที่นายแทนคุณ ระบุว่า จะแจ้งความร้องทุกข์ต่อไป และคาดหวังว่าจะมีการขยายผลต่อไป และอยากให้บทเรียนครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนสติของผู้เข้าร่วมชุมนุม ให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย
ขณะที่นายสำราญ ระบุว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ยกคดีนี้ขึ้นมาดำเนินการและขยายผลจนนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ส่วนตัวยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม
เบื้องต้นคดีที่ สภ.ปากเกร็ด ศาลออกหมายจับนายกฤษชาภณ ข้อหามีวัตถุระเบิด ที่นานทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง ส่วนที่ สน.คันนายาว ศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 6 คน ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่น หรือทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และพาอาวุธ (ลูกระเบิด) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร