นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงเหตุการณ์ระเบิดที่บริเวณตลาดสด จังหวัดยะลา เมื่อเช้าวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ตนรู้สึกห่วงมาก และน่าจะมีความสูญเสียด้วย จึงอยากแสดงความเสียใจ แต่มีประเด็นที่น่าเป็นห่วง เพราะเกิดขึ้นในใจกลางเมือง ซึ่งน่าจะเป็นพื้นที่ที่คนปกติจะเล็งว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย เมื่อไม่กี่วันมานี้ ตนตามข่าวอยู่ว่ามีการให้ข่าวของทางฝ่ายรัฐ ทำนองว่า กลุ่มก่อความไม่สงบ พูโล BRN อะไรต่างๆ เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เหลือแต่พวกก่อกวนที่มีอิทธิพลอะไรต่างๆ ซึ่งตอนที่ตนเห็นข่าว ก็ต้องบอกว่า ยังคิดอยู่ในใจว่า ต้องระวังการให้ข่าวแบบนี้ เพราะเท่าที่พยายามติดตามสถานการณ์ ตนมั่นใจว่าขบวนการที่เรียกว่าแบ่งแยกดินแดน หรืออะไรก็ตามนั้น ยังมีอยู่ การไปพูดในลักษณะนี้เหมือนกับทำให้เขาต้องยืนยันการแสดงตัว และกระบวนการพูดคุยก็ยังคงมีประเด็นที่หลายฝ่ายก็มองว่ายังไม่สามารถครอบคลุมทุกกลุ่ม ซึ่งรัฐบาลก็ยังไม่มีท่าทีว่ากลุ่มที่ยังไม่เข้ามานี้จะมีท่าทีกับเขาอย่างไร เพราะฉะนั้นก็อยากให้ระมัดระวัง แล้วก็เร่งสะสางเรื่องพวกนี้

ส่วนการที่จะมีกลุ่มใดออกมาประกาศความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ระบุว่า ปกติเขาไม่ประกาศอยู่แล้ว และเหตุการณ์ภาคใต้ที่ผ่านมาจะไม่มีการประกาศ จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกในแง่ที่ว่าไม่เหมือนกับในประเทศอื่นๆ แต่ได้กลายเป็นเหมือนกับยุทธวิธีของเขาไปแล้ว จากการที่มีคนไปศึกษาติดตาม วิเคราะห์เรื่องนี้มา มันไม่ใช่ลักษณะของการรวมศูนย์ แต่จะเป็นหลายองค์กร ที่เป็นเครือข่าย แล้วก็อาจจะมีเป้าหมายเดียวกัน แยกกันไปตามความเชื่อ

“ขณะนี้นโยบายหลักก็กลับมาที่เรื่องการพูดคุย หรือการเจรจา อย่างที่ว่า เพียงแต่ว่ากระบวนการนี้ทำอย่างไรที่จะทำให้ครอบคลุมให้มากที่สุด รัดกุมให้มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องยาก ก็ต้องเห็นใจคนทำงาน แต่ก็ต้องระมัดระวังอย่างที่บอก ก็คือว่า ถ้าตัวกระบวนการมันไม่ครอบคลุม แล้วมันยังมีกลุ่มซึ่งยังมีอิทธิพลในพื้นที่ สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ ปัญหามันก็จะไม่จบ”

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าอยากให้กระบวนการการพูดคุยนี้เดินต่อ ซึ่งกระบวนการการพูดคุยนี้เริ่มกันมานานแล้ว แต่มันมาถูกเปิดเอาขึ้นมาบนโต๊ะในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งในความเห็นของตนเห็นว่ามันเร็วไปนิดนึง เพราะยังไม่สามารถที่จะดูเรื่องความครอบคลุมกับเรื่องของการกำหนดมาตรการสร้างความไว้ใจซึ่งกันและกัน ซึ่งตัวนี้ก็คงต้องทำกันต่อเนื่องต่อไป ในการพูดคุยนี้รัฐก็ต้องมีเป้าหมายว่า พูดคุยกับคนกลุ่มเหล่านี้แล้ว ข้อเสนอของรัฐคืออะไร จะไปคาดหวังว่ามีการพูดคุยแล้วบอกว่า ขอให้คุณหยุดนั้นมันคงจะเป็นไปไม่ได้

“คงต้องคุยกันในกรอบของการกระจายอำนาจ แต่ขณะเดียวกัน สมัยที่ผมทำงานอยู่ ก็จะมี 2 เรื่องที่ต้องได้ความชัดเจนจากคนที่มาพูดคุย ข้อที่ 1 ก็คือทุกอย่างยังต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ข้อที่ 2 ก็คือว่า ข้อตกลงอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นนี้ต้องเป็นข้อตกลงที่ให้หลักประกันเสรีภาพ สิทธิขั้นพื้นฐานของคนทุกกลุ่มในพื้นที่ ก็คือทั้งพุทธ มุสลิม เชื้อสายมาเลย์ เชื้อสายไทย เชื้อสายจีน ต้องไม่มีลักษณะของการไปทำอะไรที่เป็นการจำกัด หรือไปละเมิดสิทธิ์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” นายอภิสิทธิกล่าว