มหาอุทกภัย 9 จังหวัดแดนใต้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส อาทิหลายอำเภอของจ.สงขลา ทั้ง อ.สิงหนคร สทิ้งพระ กระแสร์สินธุ์ และอ.ระโนด ยังจมบาดาล เพียงแต่ความเสียหายในอ.หาดใหญ่ มีมากกว่าสื่อจึงพุ่งเป้านำเสนอเป็นหลัก รวมถึงรัฐบาลและนักการเมืองเกือบทุกพรรคลงพื้นที่ช่วยเหลือต่างเน้นที่ อ.หาดใหญ่
จากมหาอุทกภัยบทบาทของรัฐบาลโดยเฉพาะนายอนุทิน ชาญวีรกูล ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าบริหารจัดการล้มเหลว ทั้งในภาวะที่ชาวบ้านประสบภัยน้ำท่วมและหลังจากน้ำลดเข้าสู่ภาวะปกติ การบริหารจัดการดูโกลาหลขาดแผนงานโดยเฉพาะการเยียวยาจ่ายเงินก้อนแรก 9,000 บาท

ประเดิมวันแรก 1 ธันวาคม สื่อหลายสำนักนำเสนอข่าวชาวบ้านต้องไปเข้าแถวเพื่อถ่ายเอกสาร บัตรประชาชน สำเนาทะเบียน และภาพความเสียหาย แบบยาวเหยียด ชาวบ้านต่างตั้งคำถามมากมายไปถึงรัฐบาลว่ามีความจำเป็นแค่ไหนถึงต้องใช้เอกสารเหล่านี้ทั้งที่ควรใช้บัตรประชาชนใบเดียวก็จบ หรือเพียงแค่ทราบชื่อแล้วค้นหาในระบบสามารถที่จะทราบแล้วว่ามีตัวตนจริง
แต่ที่น่าเห็นใจมากที่สุดคือข้าราชการระดับปฏิบัติต้องรับหน้ากับประชาชนที่เดือดร้อน เพราะต้องทำตามกฎเกณฑ์ตามที่กรมบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย กำหนด หากไม่มีเอกสารยืนยัน นอกจากจะถูกผู้บังคับบัญชาเล่นงานแล้ว ยังต้องโดนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ตรวจสอบ มีโอกาสเดินคอตกเข้าคุกได้
เมื่อสื่อนำเสนอแบบเขย่าหนัก อธิบดี ปภ.ต้องรีบออกมาชี้แจงผ่านรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ของสรยุทธ สุทัศนะจินดา ว่าไม่ต้องใช้เอกสารใดๆเพียงแค่บัตรประชาชนหรือยืนยันตัวตน หลังจากนั้นโฆษกรัฐบาล ขอชี้แจงต่อว่านายอนุทิน บอกตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ช่วงลงพื้นที่หาดใหญ่แล้วว่าไม่ต้องใช้เอกสารอะไรมากแค่บัตรประชาชนหรือการยืนยันตัวตน
ขณะเดียวกันประชาชนที่ประสบภัยต่างโวยวายผ่านสื่อโซเซียลสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่ล้มเหลว โดยเฉพาะการแจ้งความเสียหายให้ระยะเพียง 3-5 วัน ทั้งที่หลายพื้นที่บ้านเรือนยังจมบาดาล เดินทางเข้าออกลำบาก บ้านบางหลังอาศัยอยู่เพียง 1-2 คน แต่เจ้าของบ้านยังนอนพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลไม่สามารถไปแจ้งเพื่อรับเงินเยียวยาได้
สถานการณ์ที่โกลาหลเกิดขึ้นเกือบทุกพื้นที่ที่ประสบภัย บางพื้นที่ไปเข้าคิวถ่ายเอกสารแล้ว ต้องไปยืนเข้าคิวยื่นเอกสารกับเจ้าหน้าที่ต่อต้องเสียเวลาตลอดทั้งวัน แทนที่จะใช้เวลาไปล้างบ้าน ต้องมาเสียเวลาโดยใช้เหตุ
ปัญหาเหล่านี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลนายอนุทิน ทำงานแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด ยิ่งโฆษกรัฐบาลนั่งรอว่าสื่อเสนอประเด็นปัญหาอะไรแล้วจะรีบออกมาชี้แจงทันที ทั้งที่กำลังประชุมอยู่
จากปัญหาที่ยกมาสะท้อนให้เห็นนายอนุทิน ไร้ศักยภาพในการบริหารจัดการ ขาดการวางแผน มองแต่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งที่ในความเป็นจริงนายอนุทิน ต้องมองออกแล้วว่าหลังน้ำลดจะต้องจัดการเยียวยาอย่างไร ให้เงินถึงมือประชาชนโดยเร็ว เพราะเคยเป็นรัฐมนตรีมาเกือบทุกกระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย นั่งบริหารมากว่าสองปี
ถ้านายอนุทิน มีศักยภาพในเชิงบริหารจริง หลังเดินทางกลับจากตรวจน้ำท่วมที่หาดใหญ่ ต้องเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมวางแนวทางช่วยเหลือเบื้องต้นก่อน โดยเฉพาะเงินเยียวยาเป็นปัจจัยสำคัญ ด้วยการเรียก ปภ. กระทรวงการคลัง กรมปกครองส่วนท้องถิ่น อธิบดีกรมการปกครอง สตง.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือว่ามีข้อกฎหมายใดที่เป็นอุปสรรค์ต่อการช่วยเหลือบ้าง จากนั้นหารือร่วมกันว่าจะยกเว้นอย่างไร เป็นอำนาจของใคร
ถ้าทำได้แบบนี้นายอนุทิน ไม่จำเป็นต้องลงไปตรวจน้ำท่วมและดูปัญหาในพื้นที่หาดใหญ่ถึง 5 ครั้ง ลงเพียงครั้งที่ 3 ก็พอแล้ว แต่กลับไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย มีแต่สั่งด้วยวาจา ทำให้อนุมานได้ว่าว่านายอนุทินบริหารแบบลอยตัวและทำไขสือลักษณะว่า ไม่รู้และไม่เข้าใจระบบราชการและนิสัยของข้าราชการ ว่าการสั่งการต้องสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร
กระทั่งเกิดความโกลาหลช่วงที่ที่ผู้ประสบภัยเดินไปลงทะเบียนรับเงินเยียวยา จนอธิบดีปภ.ต้องออกคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรว่าไม่ต้องใช้เอกสารยืนยันแล้ว รวมถึงผู้ว่าสตง.ออกมาชี้แจงว่าความเดือดร้อนของประชาชนต้องมาก่อน เอกสารเป็นเรื่องรอง ใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลักก็พอ ฝากท้องถิ่นอย่าโยนภาระให้ผู้เดือดร้อน
ถ้านายอนุทินบริหารจัดการเป็น เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บทสรุปแล้วแถลงกฎเกณฑ์การเยียวยาและข้อปฏิบัติ ผ่านสื่อมวลชนรวมถึงทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรลงนามด้วยตัวเองส่งไปยังจังหวัด อำเภอ อบต. เทศบาล รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก่อนที่น้ำจะลด ขอฟันธงได้เลยว่าความโกลาหลไม่เกิด ผู้ปฏิบัติทุกคนเกิดความสบายใจเพราะมีนายกรัฐมนตรียืนเป็นกำแพงให้พิง
ดังนั้นที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา ออกมาเหน็บว่า”นายอนุทิน เป็นได้แค่พระรอง การประชุมคณะรัฐมนตรีแต่ละครั้งสายตาจะมองนายกรัฐมนตรี แต่หูจะฟังนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย”คงไม่ใช่เรื่องแปลก

ที่สำคัญหากนายอนุทิน จัดการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ระดับหนึ่งแล้ว ควรลาออกพร้อมผู้เกี่ยวข้องเหมือนที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย บอกนายณรงค์พร ณ พัทลุง หรือนายกฯแป้น นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ว่าทำงานให้จบ ให้เสร็จ ขอโทษประชาชนแล้วลาออกไปเลย
เชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศคงเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างแน่นอน !!!


