ทูตญี่ปุ่นขอบคุณตำรวจไทยจับหัวหน้าแก๊งคอลฯ

121

ทูตญี่ปุ่นขอบคุณตำรวจไทยจับหัวหน้าแก๊งคอลฯ

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น และสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น เข้าพบจเรตำรวจแห่งชาติขอบคุณตำรวจไทยที่จับกุมบุคคลตามหมายจับและช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวญี่ปุ่น เตรียมส่งตัวผู้ต้องหากลับญี่ปุ่น

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับนายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทย และคณะ ได้แก่นางอะคิยะมะ มาริ อัครราชทูตฝ่ายการเมือง , นายวาตานาเบะ นาโอโตะ เลขานุการเอกและผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ ,นายซาโตะ โทโมโนริ เลขานุการโทและทูตตำรวจ (ฝ่ายกงสุล) , น.ส.แพรวพฤกษ์ จิตสกุลชัยเดช เจ้าหน้าที่สถานทูตพร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น ได้แก่ นายทารุอิ จุน สารวัตรใหญ่ และ นายโอโนกิ โซโกะสารวัตรใหญ่ , ผู้แทนจากกองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดโอซาก้า ได้แก่ นายอิซุมิ ชิเกโตะ สารวัตรใหญ่ ,นายเดกุจิมาซาฮิโระ สารวัตร และ นายโทชิโอกะ ทัสซีกิ ดาบตำรวจ ซึ่งขอเข้าพบเพื่อขอบคุณกรณีการจับกุม นายยามากูชิฯ บุคคลที่มีหมายจับประเทศญี่ปุ่น และการช่วยเหลือเหยื่อชาวญี่ปุ่นจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา พร้อมหารือเชิญเข้าร่วมประชุมการต่อต้านแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สด จะเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพ ในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้

พร้อมกับมอบเกียรติบัตรให้กับ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ พร้อมคณะข้าราชการตำรวจที่ร่วมจับกุมและช่วยเหลือดังกล่าว จำนวน 27 ราย

พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยว่าทางการญี่ปุ่นได้ร่วมมือกับทางการไทยในการขยายผลเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ล่าสุดสามารถจับกุมตัวการสำคัญคือ นายยามากูชิ ซึ่งเตรียมส่งตัวกลับญี่ปุ่นในเร็วๆ นี้ โดยจากการตรวจสอบพบว่าใน Wallet ของนายยามากูจิมีเงินคริปโตมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติมเพื่อสืบหาวิธีการฟอกเงินของเครือข่ายดังกล่าว

ทั้งนี้ ทางการไทยและญี่ปุ่นจะหารือร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในญี่ปุ่น รวมถึงเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับกลุ่มในเมียนมาและกัมพูชา โดยข้อมูลที่ได้รับชี้ว่า กลุ่มคนญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในสองประเทศนี้มีเจ้าของเดียวกัน และสามารถดำเนินกิจกรรมได้ทั้งสองฝั่ง

จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในหลายสัญชาติกว่า 10,000 คน โดยในชุดแรกมีการส่งตัวกลับประเทศไปแล้ว 7,000 คน ขณะนี้ยังเหลืออีก 2,000 คน ซึ่งต้องประสานงานกับทางการเมียนมาและชนกลุ่มน้อยเพื่อดำเนินการส่งตัวต่อไป

ขณะเดียวกัน ทางการญี่ปุ่นได้เริ่มส่งข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลต้องสงสัยที่หลบซ่อนอยู่ในประเทศไทยให้กับทางการไทยแล้ว โดยเบื้องต้นพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวญี่ปุ่นในเมียนมายังมีจำนวนไม่มาก ไม่ถึงหลักร้อย ส่วนฝั่งกัมพูชา ที่ผ่านมาได้มีการจับกุมสมาชิกเครือข่าย 25 คน และส่งตัวกลับไปยังญี่ปุ่นบางส่วน

นอกจากนี้ มีรายงานว่ามีชาวญี่ปุ่นเดินทางเข้ามาในพื้นที่ อำเภอแม่สอด แต่ยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวัง ตรวจสอบการเข้า-ออกพื้นที่ และที่พักของบุคคลดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมติดตามสถานการณ์เป็นรายวัน

จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางการญี่ปุ่น พบว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมมีความเกี่ยวข้องกับ หลายแก๊งระดับแกนนำ ซึ่งร่วมกันดำเนินการเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน คาดว่าการจับกุมครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ทำให้การดำเนินงานของเครือข่ายเหล่านี้ยากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลไปยังผู้ที่สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือกลุ่มดังกล่าวต่อไป

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#ไทย-ญี่ปุ่น