สพฉ. จับมือ ตำรวจน้ำเฝ้าระวังและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ-เสริมแกร่งท่องเที่ยวไทย

92

สพฉ. จับมือ ตำรวจน้ำ ขยายเครือข่ายการเฝ้าระวังและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ  ตอกย้ำความมั่นใจความปลอดภัยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว เสริมแกร่งท่องเที่ยวไทย

วันที่ 24 มีนาคม 2568  ณ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ร่วมกับ พลตำรวจตรีเศรษฐสิริ นิพภยะ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ กองบังคับการตำรวจน้ำ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามบันทึกความเข้าใจ “ในการเฝ้าระวังและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ เพื่อคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินทางน้ำอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพมาตรฐาน” ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของการขยายเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินทางน้ำของประเทศไทยให้แข็งแกร่งและมีมาตรฐานยิ่งขึ้น สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และนักท่องเที่ยวที่อยู่อาศัยและสัญจรทางน้ำ โดยได้รับเกียรติจาก พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง สมาชิกวุฒิสภา ประธานอนุกรรมาธิการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและการกีฬา ร่วมเป็นสักขีพยาน

ความร่วมมือครั้งนี้ครอบคลุมหลายมิติทั้งการปฏิบัติการฉุกเฉิน ผู้ปฏิบัติการ และบูรณาการความรู้ การพัฒนาและใช้ทรัพยากรของแต่ละฝ่ายอย่างเต็มศักยภาพ ทั้งเรือ ยานพาหนะทางน้ำ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ของแต่ละฝ่าย เทคโนโลยี และระบบสื่อสาร ให้มีความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ หรือจำเป็นต้องใช้ระบบการขนส่งทางน้ำ  รวมถึงการฝึกอบรมบุคลากร และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว มีโอกาสเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่มีมาตรฐานทั้งในภาวะปกติและเมื่อเกิดสาธารณภัย 

 สพฉ.ยังมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางน้ำ ผ่านหลักสูตรการอบรมที่ได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองหน่วยงาน มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็น การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุเรือชนกัน การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุในทะเล หรือแม้แต่สถานการณ์ภัยพิบัติขนาดใหญ่ นอกจากนี้จะร่วมกันส่งเสริมนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับระบบการแพทย์ ฉุกเฉินทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็นระบบแจ้งเตือนภัยทางน้ำ ระบบนำทางการกู้ภัยแบบเรียลไทม์ หรือการใช้โดรนและอากาศยานไร้คนขับเพื่อสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัย