ส.ต.อ.สอบติดนายร้อย เพื่อเป็นพนักงานสอบสวน ติดถูกปัดตก ผบ.ตร.สั่งทบทวนแล้ว
โลกโซเชียล งง.!! วิจารย์ยับ ระเบียบ ตร. ก่อนเข้าเป็นตำรวชั้นประทวน ร่างกายสมบูรณ์ แต่เจออุบัติเหตุ

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 กองบัญชาการศึกษามีหนังสือชี้แจ้ง มีใจความว่า ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้มีการเผยแพร่กรณี “ข้าราชการตำรวจยศ ส.ต.อ. ร้องๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ “สอบผ่านแต่ถูกปัดตกเนื่องจากที่ตนเองเป็นผู้มีคุณสมบัติฯ ไม่เป็นไปตามประกาศรับสมัครฯ”เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการทำงานแต่อย่างใดนั้น

กองบัญชาการศึกษา ขอเรียนประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจในข้อเท็จจริง ดังนี้ ข้าราชการตำรวจรายดังกล่าว ได้สมัครเข้าทำการสอบคัดเลือกตามประกาศกองบัญชาการศึกษา ที่รับสมัครข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ผู้มีวุฒิปริญญาตรีนิติศาสตร์บัณฑิต เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อแต่งตั้งเลื่อนชั้นเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร พ.ศ.2567 กลุ่มสายงานสืบสวนสอบสวน (สบ.ด) โดยผลคะแนนของ ส.ต.อ.รายนี้ผ่านการสอบข้อเขียนได้คะแนน (คิดเป็นร้อยละ 60.6) และให้เข้าทดสอบความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ว่ายน้ำและวิ่ง)

ต่อมาเมื่อถึงกำหนดวันทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ขณะจะทำการทดสอบว่ายน้ำ คณะอนุกรรมการฯ พบว่า ส.ต.อ.รายดังกล่าว มีความผิดปกติทางร่างกาย ขาซ้ายขาดตั้งแต่เข่าลงมา โดยใส่ขาเทียมเข้ามารายงานตัวเพื่อขอเข้าทดสอบ และได้ทำบันทึกขอถอดขาเทียมออกเพื่อว่ายน้ำ ผลปรากฏว่าว่ายน้ำอยู่ในเกณฑ์เวลา จากนั้นได้ไปทำการทดสอบวิ่ง แต่ได้ทำบันทึกขอใช้อุปกรณ์ขาเทียมสำหรับวิ่งโดยเฉพาะ และขณะนั้นแพทย์ประจำสนามไม่อาจให้ความเห็นว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์เสริมหรือไม่ ตามที่ระเบียบต้องห้ามไว้ในประกาศ จึงให้เข้าทดสอบไปก่อนจนเสร็จสิ้นกระบวนการ
ต่อมาเมื่อ 12 มี.ค. 2568 คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกๆ ได้ประชุมพิจารณาเพื่อจัดทำบัญชีรายชื่อ ผู้คัดเลือกได้ตามหลักเกณฑ์ที่ได้ประกาศรับสมัครและสอบคัดเลือก โดยกรณีของ ส.ต.อ. ปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้
1) ตามประกาศรับสมัครฯ ข้อ 2.6 ไม่เป็นผู้มีร่างกายผิดปกติ หรือพิกลรูป หรือพิการ อันเป็นอุปสรรค ต่อการปฏิบัติหน้าที่” กรณีที่ ส.ต.อ.รายดังกล่าวมีรายชื่อเข้าสอบข้อเขียนและไม่ได้ถูกตัดสิทธิการขาดคุณสมบัติตาม ข้อ 2.6 แต่แรก เนื่องจากเป็นการรับสมัครทางอินเทอร์เน็ต ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นได้ชัดเจน และในกรณีมีอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์เสริมในการเดิน การวิ่ง ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละภารกิจ ถ้าอุปกรณ์ดังกล่าวชำรุด ไม่พร้อม เสียหาย หรือสูญหายไป จะส่งผลต่อการดำเนินกิจวัตรประจำวัน หรือภารกิจต่าง ๆ ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุ หรือมีเหตุซึ่งหน้า อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นและต่อตนเอง
2) ตามระเบียบการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ในผนวก จ.ท้ายประกาศรับสมัครฯ ข้อ6.2.5 ระบุ “ห้ามใช้อุปกรณ์ช่วยหรืออุปกรณ์เสริม ในการทดสอบใดๆ ทั้งสิ้น…” ที่ประชุมฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ขาเทียม ที่ ส.ต.อ. ใช้ในการทดสอบเป็นแบบ Sport ใช้ในการวิ่งแข่งขันกีฬา มีน้ำหนักเบา และมีสปริง เวลาวิ่งจะเสริมให้เท้ากระดกไปข้างหน้า จึงเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้การวิ่งซึ่งไม่เป็นขาเทียมปกติที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
ดังนั้น คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกฯ พิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ส.ต.อ. รายดังกล่าว เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนถูกต้องตามประกาศรับสมัครฯ จึงตัดรายชื่อออกจากผู้สอบคัดเลือกได้และไม่มีสิทธิเป็นผู้คัดเลือกได้และผู้คัดเลือกได้สำรอง อย่างไรก็ตาม ในการคัดเลือกครั้งนี้ กองบัญชาการศึกษา ได้เปิดการคัดเลือกในสายนิติการ ซึ่ง ส.ต.อ.รายดังกล่าวสามารถเข้ารับการคัดเลือกโดยไม่ต้องทดสอบความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ว่ายน้ำและวิ่ง) ที่มีข้อห้ามตามประกาศรับสมัครแต่อย่างใด กองบัญชาการศึกษา จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ และขอยืนยัน ว่าคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกๆ ได้ดำเนินการสอบคัดเลือกอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบ ประกาศ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทุกประการ”

ด้าน พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.
ได้สั่งการให้ฝ่ายบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , กองบัญชาการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาทบทวนผลการสอบเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรราย ส.ต.อ. ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างระยะเวลาที่ยื่นอุทธรณ์ได้ ขอให้พิจารณาด้วยความละเอียด รอบคอบ มีความเหมาะสมตามสายงาน เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย คำนึงถึงการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา ความตั้งในการรับราชการ แล้วรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบโดยด่วน จึงขอให้ผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญ ดูแล ใส่ใจกับสิทธิประโยชน์และสวัดิการ ขวัญกำลังใจอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
ผบ.หมู่ สอบติด เป็นสัญญาบัตร โพสน์สวน คำชีัแจง บช.ศ.ฟังไม่ขึ้น
ด้าน ส.ต.อ.ธนวรรฒน์ ปัญญาเลิศศรัทธา ผบหมู่ งานสืบสวน สภ.บ้านบึง ได้โฟสน์ข้อควมผ่านเฟสบุค มีใจความระบุว่า
ขอคัดค้านคำชี้แจงครับ
1.ข้อเท็จจริงข้อ 1 กรณีที่ชี้แจงว่าเป็นหากอนาคตอุปกรณ์ชำรุด จะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ ท่านเอาเรื่องอนาคตที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นหรือไม่ นำมาพิจารณา มันไม่เป็นธรรรมครับ เพราะถ้าอนาคตมันไม่ชำรุดละ จะเป็นอย่างไร
2.ท่านต้องการจะให้ พนักงานสอบสวน เผชิญเหตุให้ได้หรืออย่างไร ท่านก็ทราบดีกว่าพนักงานสอบสวน แทบจะไม่มีโอกาสได้เผชิญเหตุซึ่งหน้าเลย ลำพังทำสำนวน สอบปากคำก็หมดเวลาแล้ว และการตรวจที่เกิดเหตุ ท่านอธิบายได้หรือไม่ว่าต้องไปตรวจเหตุอย่างไรที่ขั้นตอนอะไร และขัดตอนใดที่ผมตรวจไม่ได้
3.ข้อเท็จจริงข้อ 2 ที่ท่านแจ้ง ท่านแจ้งข้อห้ามไม่หมด เพราะตามประกาศ ระบุว่า “ห้ามอุปกรณ์ช่วยเหลือหรืออุปกรณ์เสริม ในการทดสอบใดๆ อันได้เปรียบผู้เข้าทดสอบรายอื่น”ซึ่งผมใส่ขาเทียมสำหรับวิ่ง มันทำให้ได้เปรียบผู้เข้าสอบรายอื่นอย่างไร ท่านมีงานวิจัยหรือตัวชี้วัดหรือไม่
4.และขาเทียม ตามนิยามไม่ใช่อุปกรณ์เสริม แต่เป็นอวัยวะเทียม เพื่อใช้ทดแทน และการใช้ขาวิ่งก็ไม่ทำให้ผมได้เปรียบแต่อย่างใด เพราะจะวิ่งเร็วหรือช้า มันก็ขึ้นอยู่กับสมรรถภาพของร่างกาย ถ้าเช่นนั้น บุคคลที่น้ำหนัก 100 กิโลกรัมที่ไม่ได้ออกกำลังกาย หากใส่ขาเทียมวิ่ง จะวิ่งเร็วกว่านั่งวิ่งที่วิ่งเป็นประจำหรือไม่
5.ตำรวจสายนิติกร ก็ถือเป็นตำรวจ หากเผชิญเหตุซึ่งหน้าจะทำอย่างไร
แหล่งอ้างอิง
https://www.facebook.com/share/19XsaRhHBC/?mibextid=wwXIfr