5 ชายฉกรรจ์ อาวุธครบมือ บุกก่อเหตุอุกอาจกลางกรุง อุ้มลักพาตัวชาวจีนขึ้นรถรีดทรัพย์ 4 ล้าน แล้วปล่อยทิ้งกลางทาง
เมื่อวันที่ื 20 ตุลาคม เวลา 22.30 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เสียหายชาวจีน 2 คน พร้อมเพื่อนชาวจีนที่สามารถพูดไทยได้ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คนพร้อมอาวุธปืนสั้นและปืนยาวครบมือ บุกเข้าไปในที่ทำงานย่านถนนรัชภาเษก ท้องที่ สน.สุทธิสาร ก่อนจะกรรโชกเงินและอุ้มลักพาตัวผู้เสียหายไป รวมเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท
เพื่อนผู้เสียหายชาวจีน เล่าให้ฟังว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมาเวลาประมาณ 16.00 น. มีชายฉกรรจ์เป็นชาวไทย 2 คน และเมียนมา 3 คนพร้อมอาวุธปืน บุกเข้ามาที่ทำงาน และขู่รีดไถเงิน ผู้เสียหายยอมให้เงินสดไปจำนวน 3 ล้าน 2 แสนบาท แต่กลุ่มคนร้ายก็ยังขู่บังคับผู้เสียหายทั้ง 2 คน พาขึ้นรถยนต์มุ่งหน้าไปที่จังหวัดนครนายก และขู่รีดไถเงินอีก 6 แสนดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้เสียหายไม่มีเงิน จึงต้องขอยืมญาติชาวจีนให้โอนเงินมาให้คนร้ายไป 2 แสน 7 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ คนร้ายจึงยอมพาผู้เสียหายกลับมาปล่อยไว้ย่านถนนนวมินทร์ กรุงเทพมหานคร และได้ยึดโทรศัพท์มือถือ มาทำลายซิมการ์ดทิ้ง ก่อนจะคืนโทรศัพท์มือถือให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงได้ไปซื้อซิมการ์ดใหม่ที่ร้านสะดวกซื้อและติดต่อตนเองให้พาเข้าแจ้งความ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสารได้รับเรื่องไว้ และประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำต่อไป
ตำรวจ..เร่งไล่ล่าแก๊งอุ้ม 2 ชาวจีน ผกก. ระบุ แก๊งอุ้มทำทีติดต่อขอแลกเงินดิจิตอล ก่อนเข้ามาชิงเงิน 3 ล้านบาท พร้อมอุ้ม ฝ่ายผู้เสียหายให้เบาะแสว่า อดีตภรรยาอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง
จากกรณี 2 เสียหายชาวจีน เข้าแจ้งความตำรวจ สน. สุทธิสาร ระบุถูกชายฉกรรจ์ 5 คน พร้อมอาวุธปืนบุกลักพาตัวข่มขู่เรียกเอาเงิน ภายในบ้านเช่าแห่งหนึ่งภายในซอยรัชดา 24 สูญเงินกว่า 4 ล้านบาท ก่อนปล่อยตัว
วันนี้ (21 ต.ค.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางทีมงานได้ลงพื้นที่เดินทางไปยัง สน.สุทธิสาร เพื่ิอติดตามความคืบหน้าในส่วนของคดี โดยพันตำรวจเอก พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผกก.สน.สุทธิสาร เปิดเผยถึงการอุ้มนักธุรกิจชาวจีนไปรีดทรัพย์ว่า ผู้เสียหายทำธุรกิจเป็นนายหน้าจัดสรรหาที่พักให้แก่ชาวจีนที่มาเมืองไทย มีการจดทะเบียนบริษัทถูกต้องตามกฎหมาย โดยในวันเกิดเหตุได้รับการติดต่อจากบุคคลหนึ่ง ที่เคยติดต่อขอแลกเงินดิจิตอลกันมาก่อน ที่จะขอแลกเงินดิจิทัลคริปโตเคอเรนซี่ โดยให้เตรียมเงินสดไทยไว้จำนวน 3 ล้านบาท หลังจากนั้นไม่นานมีกลุ่มคนร้าย 5 คนก็เข้ามาภายในออฟฟิศ พร้อมอาวุธครบมือ ทำทีเป็นเข้ามาถามถึงคนชื่อ “ไมเคิล” ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียหาย จากนั้นได้เข้าไปรื้อค้นเงินแล้วพากลุ่มผู้เสียหายรวม 2 คน ที่เป็นชาวจีนแต่พูดไทยได้ ไปยังจังหวัดนครนายกโดยการนำตัวไปมีการแยกผู้เสียหายออกขึ้นรถ 2 คัน พร้อมรีดเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐไปอีก 270,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นได้นำตัวผู้เสียหายทั้งสอง ขึ้นรถเพียงคันเดียวมาส่งที่บริเวณย่านบางเขน
ผกก.สน.สุทธิสารกล่าวว่า โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสน.สุทธิสาร ร่วมกับกก.สส.บก. 2 และตม.ได้ทำการตรวจสอบทะเบียนรถยนต์ของผู้ก่อเหตุพบว่าเป็นการใช้ทะเบียนปลอม และได้ทำการสอบสวนผู้เสียหายเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 03.00 น. วันนี้ ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาวพม่าร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากการสื่อสารพบว่าเป็นคนจีน ส่วนบุคคลที่ชื่อไมเคิลขณะนี้ได้ประสานกับตม.เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลที่เข้ามาในราชอาณาจักรถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่ยืนยันว่ามีตัวตน
พ.ต.อ.พรเทพกล่าวว่า โดยคนกลางที่ติดต่อมาขอแลกเงินกับผู้เสียหายมีตัวตน เช้าวันนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกับทาง ตม.เพื่อไล่เรียงพฤติกรรมการก่อเหตุทั้งหมด ยืนยันว่าผู้ ผู้เสียหายเข้าเมืองไทยมาโดยถูกต้องและทำธุรกิจถูกกฎหมาย โดยจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้เสียหายสงสัยว่า น่าจะเชื่อมโยงกับตัวอดีตภรรยาที่ได้เลิกลากันไป โดยมีลูกด้วยกัน ขณะนี้ผู้ต้องสงสัยรายนี้ยังอยู่ในเมืองไทย แต่ในเบื้องต้นยังเป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน ส่วนการติดตามตัวคนร้ายขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ไล่ตรวจสอบเส้นทางการก่อเหตุ และเชื่อว่าขณะนี้ผู้ต้องหายังคงอยู่ในประเทศไทย แต่การติดตามมีความยากลำบากเพราะเนื่องจากผู้ต้องหาได้ทำการแยกย้ายรถออกไปคนละคันและหลบหนี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงให้การดูแลผู้เสียหายทั้งสองคน เนื่องจากทั้งคู่ยังอยู่ในความหวาดกลัวอันตราย