กรมน้ำบาดาลพลิกฟื้น”พื้นที่อีสานแห่งภาคกลาง”ให้มีน้ำกินน้ำใช้
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ลงพื้นที่โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชนบ้านหนองบัวหิ่ง จ.กาญจนบุรี ติดตามความสำเร็จในการพลิกฟื้น”พื้นที่อีสานแห่งภาคกลาง”ให้มีน้ำกินน้ำใช้ ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 3,000 ครัวเรือน หรือกว่า 10,000 คน นายกเทศมนตรี ต.สระลงเรือ เผยชาวบ้านชื่นชมกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเปลี่ยนชีวิตจากเดิมต้องซื้อน้ำกินน้ำใช้ปีละกว่า 5 แสนบาท
นายทนงศักดิ์ ล้อชูสกุล ผอ.สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวหลังลงพื้นที่โครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชนบ้านหนองบัวหิ่ง หมู่ 4 ต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ ประจำปี 65(งบกลาง) ภายใต้โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริบ้านหนองบัวหิ่ง เพื่อติดตามการแก้ปัญหาการขาดแคลนและเพิ่มความมั่นคงด้านน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคพร้อมนายระเบียบ ปทุมสูตร นายกเทศมนตรีตำบลสระลงเรือ จ.กาญจนบุรี ว่า ในจ.กาญจนบุรี มีพื้นที่ประมาณ 4 – 5 อำเภอ คือห้วยกระเจา บ่อพลอย เลาขวัญ หนองปรือและบางส่วนของอ.สมเด็จเจริญ ถูกเรียกว่าเป็น”พื้นที่อีสานแห่งภาคกลาง”เพราะมีปริมาณฝนตกต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของประเทศ ขาดแคลนน้ำและหาแหล่งน้ำยากทั้งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ถึงขนาดต้องแก้ปัญหาด้วยการไปซื้อน้ำมาใช้เพื่อนำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนเฉพาะที่ อ.ห้วยกระเจา ประมาณปีละกว่า 5 แสนบาท แต่ปัจจุบันหมดปัญหาเพราะกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้สำรวจหาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ เพื่อเจาะและทำระบบประปาขนาดใหญ่ก่อนกระจายน้ำไปยังพื้นที่ทำให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากน้ำ สำหรับโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งระยะที่ 2 พื้นที่บ้านหนองบัวหิ่งหมู่ 4 เพื่อแก้ปัญหาครอบคลุมทั้งตำบลจำนวน 15 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 3,000 ครัวเรือน หรือกว่า 10,000 คน ที่สำคัญ จ.กาญจนบุรี มีโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ถึง 8 แห่ง ทำให้การแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำสมบูรณ์แบบ ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม
ด้านนายระเบียบ เปิดเผยว่า ขณะนี้การแก้ปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคในพื้นที่ ต.สระลงเรือ ค่อนข้างสมบูรณ์ ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นจากมาก จากที่ผ่านมา ต.สระลงเรือ จะไม่มีตู้น้ำชุมชนสำหรับการอุปโภคบริโภคให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ เป็นพื้นที่ที่แล้งมาก ใน ต.สระลงเรือ มี 17 หมู่บ้าน มีน้ำบริบูรณ์จริงๆ 6 หมู่บ้าน อีก 11 หมู่บ้านจะใช้น้ำผิวดิน น้ำสระ น้ำลำห้วย ฯลฯ เมื่อถึงเดือน เม.ย. – มิ.ย.น้ำใต้ดินก็จะหมด แต่เมื่อปี 64 กรมทรัพยากรน้ำบาดาล มาสำรวจเจอแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่หมู่ 4 บ้านหนองบัวหิ่ง แต่เป็นที่ดินเอกชนเทศบาลไม่สามารถนำเงินไปซื้อได้ ตนได้เรียกผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทั้งหมดมาหารือว่าเราต้องการแหล่งน้ำมาให้ประชาชน ใน 11 หมู่บ้านที่ไม่เคยมีน้ำใช้ ปรากฎทุกคนตกลงเสียสละเงินเดือนเพื่อนำเงินไปซื้อที่ดิน จำนวน 3 ไร่ 3 งาน เป็นเงิน 7 แสนกว่าบาทรวมค่าถมและอื่นๆ ตกประมาณ 1.5 ล้านบาท จากนั้นกรมน้ำบาดาลได้มาเจาะและกระจายน้ำบาดาลไปทั้ง 11 หมู่บ้าน จนมีโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน 2 จุด
“ตอนนี้ชาวบ้านเรียกกรมทรัพยากรน้ำบาดาลว่าเทวดา เพราะนำน้ำมาให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ ได้ดื่มกิน จากที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าพื้นที่ ต.สระลงเรือ ที่เดิมเรียกกันว่าอีสานแห่งภาคกลาง เพราะแล้งมากจนไม่มีน้ำใช้คิดว่าแค่เจาะบ่อบาดาลก็จะใช้ได้แค่ในหมู่บ้านนั้นๆ แต่ได้รับคำแนะนำจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาลว่าต้องหาแหล่งน้ำขนาดใหญ่เพื่อเจาะและกระจายน้ำไปให้หมู่บ้านอื่นๆ ได้ใช้ประโยชย์ด้วย” นายระเบียบ กล่าว