ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุม “CLMVT Forum 2018” โดยกล่าวในตอนหนึ่ง ว่า รัฐบาลไทยมีความยินดีที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม CLMVT Forum 2018 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการสร้างความเชื่อมโยง (Connectivity) อย่างใกล้ชิด รวมทั้งเพื่อสร้างเครือข่ายของผู้นำทางธุรกิจ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ผู้กำหนดนโยบาย นักวิชาการ และเยาวชนคนรุ่นใหม่ในภูมิภาค CLMVT ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนโลก เพื่อส่งเสริมความเจริญ ก้าวหน้าร่วมกัน สอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดหลักของการประชุมคือ “การทะยานสู่อนาคตของภูมิภาค CLMVT ด้วยเทคโนโลยี” (CLMVT Taking-Off Through Technology)

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยยึดมั่นในหลักการ Stronger Together โดยการเคารพและเกื้อกูลกันแบบ win-win รวมถึงการกระจายโอกาสให้ทั่วถึง (Inclusive Growth) ดังนั้น การแข่งขันและความร่วมมือจะต้องดำเนินควบคู่กันไปอย่างสมดุล จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และนำไปสู่การเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน กลุ่ม CLMVT ได้รับความสนใจจากทั่วโลกในฐานะของภูมิภาคที่มีศักยภาพทางการค้าและการลงทุน ดังนั้น CLMVT ควรมีเวทีหารือทิศทางอนาคตร่วมกัน และประสานเสียงกันเพื่อร่วมมือกับนานาประเทศโดยรอบ ซึ่งเวที CLMVT Forum จะเป็นการหารือความร่วมมือในการขับเคลื่อนการส่งเสริมความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อภายใน CLMVT ด้วยการนำของภาคเอกชนและวิชาการเป็นหลัก เพื่อปรับตัวรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ไปพร้อม ๆ กัน โดยไม่มีช่องว่างในการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน ที่เชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่าจากภูมิภาคสู่ตลาดโลก โดยการประชุมในวันนี้จะครอบคลุมใน 2 มิติ คือ การพัฒนาที่ทั่วถึงและลดความเหลื่อมล้ำ

ในเวลาต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดงาน CLMVT Forum 2018 ถึงกรณีคำสั่ง คสช. ที่ 3/2561 แต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ซึ่งปลดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษากรรมการ และเพิ่มพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็นรองประธานกรรมการ ซึ่งเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุผล ที่มาจากการถูกโจมตีทางการเมือง ว่า ไม่เกี่ยว ซึ่งการแต่งตั้งใหม่เพื่อให้พล.อ.ฉัตรชัย แบ่งเบาภาระงานของพล.อ.ประวิตร เพียงเท่านั้น เพราะขณะนี้พล.อ.ประวิตร ต้องรับผิดชอบงานของคณะกรรมการต่างๆ กว่า 50 คณะ จึงต้องมีการแบ่งงานออกมาบ้านเท่านั้น ขอสื่อมวลชนอย่าไปคิดให้มีปัญหาและอย่าหาเรื่อง

เมื่อถามว่า คำสั่งคำสั่งดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบปมนาฬิกาหรูหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่เกี่ยว ไม่ได้สนใจ เพราะเป็นเรื่องของใครก็ต้องตรวจสอบ หากการตรวจสอบเป็นอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น แล้วทำไมไม่ถามต่อว่านายต่อตระกูล ยมนาค ทำไมถึงยังอยู่ เห็นเขาว่านู้นว่านี่ แต่ยังอยู่เหมือนเดิมในคณะ ”

เมื่อถามต่อว่า เป็นการปรับภาพลักษณ์ของรัฐบาลด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ไร้สาระ ถามคำถาม”