กฎหมายเลือกปฎิบัติหรือไม่.? ยังมีอีกหลายคนที่อยากกลับบ้าน…!!!

500

สัปดาห์นี้ไม่มีใครไม่พูดถึงกรณีที่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรได้กลับบ้าน หลังจากอยู่พักรักษาตัวและรับโทษอยู่ที่ โรงพยาบาลตำรวจครบ 180 วัน ซึ่งได้ใช้สิทธิตามเกณฑ์ต่างๆ แบบพอดีวัน จนถึงวันได้กลับบ้านของจริง หลังจากเหยียบแผ่นดินไทยในรอบ 15ปีจากการเหยียบครั้งสุดท้าย ทุกสายตาจึงหมายปองไปที่(จันทร์ส่องหล้า) ที่พักย่านจรัญสนิทวงศ์ ในอดีตที่สมัยเป็นนายกฯถูกใช้เป็นฐานบัญชาการและเป็นสถานที่ที่เสมือนสัญลักษณ์ศูนย์รวมอำนาจ นี่จึงเป็นกลับบ้านที่มีความหมายมาก เพราะนาทีนี้ “ศูนย์กลางอำนาจ” กลับมาอยู่ในมือพรรคเพื่อไทยอีกหน และเป็นช่วงวัยที่บุตรสาว (แพทองธาร) โตขึ้นพอที่จะเข้ามานำทัพพรรคของพ่อ ที่บ่มเพาะและอยู่การเมืองไทยมายาวนาน

คุณทักษิณ เป็นเหมือนสัญลักษณ์อะไร หลาย ๆ อย่าง ตลอดหลายทศวรรษการเมืองไทยที่พลิกโฉมไปมากมาย และเป็นช่วงที่รัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทย ได้กลับมามีอำนาจในรอบเกือบทศวรรษ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ครองอำนาจเบ็ดเสร็จและยาวนาน จึงทำให้คนมองเกมว่า “ถ้าไม่ได้รับอนุญาต” หรือถ้าไม่มีการเจรจาใด ๆ รูปการณ์คงไม่ออกมาอย่างที่เห็นเช่นวันนี้ เพราะเดิมทีอย่างที่ทราบกัน “พรรคเพื่อไทย” อยู่ตรงข้ามกับขั้วอำนาจทหาร-ชนชั้นนำเสมอ แต่พอวันนี้มี “ปีศาจตัวใหม่” ในมุมของทหาร-ชนชั้นนำ จึงทำให้พลังเก่ากับพลังฝั่งทักษิณต้องร่วมมือกันรับมือ “กระแสธารของคนรุ่นใหม่ที่หัวก้าวหน้า”นี้กันก่อน
ในส่วนคดีความหรือในส่วนคำร้องข้ออ้างต่าง ๆ สังคมคงวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งคำถามถึงอาการป่วย และอีกๆหลายๆปมที่เป็นดราม่าและเป็นมีม ก็ว่ากันไป แต่ “ครุ่นคิด” อยากชวนคิดถึง “ผู้คน”อีกจำนานมากที่ต้อง ติดคุก สูญเสียทรัพย์ สูญเสียอิสรภาพ สูญเสียหัวหน้าครอบครัว สูญเสียทุกอย่างที่มีในชีวิต ตลอด2ทศวรรษการเมืองไทยที่ขัดแย้ง แดงเหลืองมานาน แล้วทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ?

หลายคนคงคิดและเชื่อว่า “คดีทางการเมือง”จำนวนมาก พรากชีวิตผู้คน พรากโอกาสหลายครอบครัว พรากอิสรภาพหลายชีวิต จนวันนี้หลายคนไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิต ได้รับสิทธิเทียบเท่า หรือได้กอดกับครอบครัวแบบที่มนุษย์ที่มีหัวใจและรักในครอบครัวและคนรักจะแสดงต่อกันได้ หลายทศวรรษที่ผ่านมา ที่เข่นฆ่า ขัดแย้ง เพื่อนแตกคอกัน ชีวิตผู้คน การล้มละลายทางชีวิตครอบครัว ตลอดจนเศรษฐกิจอันเป็นผลพวงที่ติดมากับความขัดแย้งที่ “สูญเปล่า”นี้ ทำให้มีอีกหลายลมหายใจไม่มีความหมายและจากกันไปดั่งร่างไร้วิญญาณ ก็ไม่รู่ว่าจะไปทวงถามความยุติธรรมที่ไหน

ไม่ว่าจะคนเสื้อแดง เสื้อเหลือง ผู้สนับสนุน ผู้ชุมนุมผู้ต่อสู้แทนทุกฝ่ายในความขัดแย้งการเมืองที่กดทับกันมาเป็นสิบ ๆ ปี นี้กลับเป็นเหมือนเรื่องที่ไม่มีความหมายในสายตาใครเลยหรือไม่ เป็นสิ่งที่หลายคนอดคิดไม่ได้ ในวันนี้ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้โอกาส ไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้รับสิ่งเดียวกับที่อดีตนายกฯ หรือแกนนำช่วง(ทุกกลุ่มสีเสื้อ) ได้รับ ลูกหลายคนต้องจากพ่อ เพราะการแสดงออกหรือไปเกี่ยวพันทางการเมือง ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมากกับทศวรรษที่สูญเปล่า เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ที่สำคัญสิ่งที่คอลัมน์นี้ย้ำอยู่เสมอคือการไม่เคยถอดบทเรียน ไม่เคยเรียนรู้อะไรเลย ปล่อยให้สังคมวนอยู่ในอ่างนี้ประเทศก็ไม่ไปไหน มีคนต้องตายฟรี โอกาสและการพัฒนาไม่เกิด หลายๆสิ่งหลายๆอย่าง เตลิดไปไกลกว่านี้จะกลับมาแก้ไขอะไรได้ สงสารแทนใครหลายๆคนที่ต้องจมกับภาวะนี้ และไม่มีโอกาสที่จะได้รับสิทธิในมาตรฐานพิเศษ ที่มีคนตั้งคำถามเอาไว้จริงๆ ก็ได้แต่ภาวนาและหวังว่าสังคมไทยจะมีสติ และพากันก้าวไปข้างหน้า อย่าวนกันแบบนี้อีกเลย และจะมีอีกหล่ายคนที่ไม่ได้กลับบ้าน และไม่ได้มีลมหายใจที่จะได้อยู่ดูความเปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่บอกลาคนที่รักด้วยซ้ำ….