นับแต่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล นั่งตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)เพียงเดือนกว่าๆ มีปัญหาสารพัดรุมเร้าไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วยสติ๊กเกอร์ที่จุดพลุด้วยรถบรรทุกดินจากไซด์งานสร้างคอนโดมิเนียมตกท่อย่านสุขุมวิท ตำรวจภาค 6 ข้ามแดนขึ้นค่านักเลงในถิ่นพม่า และปัญหาจีนเทาที่รัฐบาลถึงขั้นจะดึงตำรวจจีนมาช่วยงาน เป็นต้น
ขณะเดียวกันบรรดาคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมาธิการตำรวจ มุ่งหวังให้ตำรวจเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมโดยเฉพาะการพนันออนไลน์ บ่อนการพนันทั่วประเทศ ธุรกิจสีเทา และคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนและการปฏิรูปประเทศ บุกถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติหารือช่วยคนไทยในพม่า และส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก เป็นต้น
ยังไม่นับรวมถึงต้องเข้าไปมีบทบาทในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่แพร่ระบาดทุกหย่อมหญ้า รวมถึงการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ที่ต้องนอนผวาเพราะโจรชุมยิ่งกว่ายุง และปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ระบาดหนักเพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่ ทุกปัญหาล้วนมีค่าใช้จ่ายที่ต้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายแทบทั้งสิ้น
หากยังจำกันได้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เคยสะท้อนว่า การปราบปรามอาชญากรรมให้บรรลุเป้าหมายล้วนต้องใช้เงิน บางคดีที่รัฐบาลหรือผู้บังคับบัญชาต้องการให้เห็นผลงาน ต้องควักเงินส่วนตัวนับล้านบาท ผลงานถึงจะออกมา
ปัญหาดังกล่าวตำรวจที่ทำงานหวังสร้างผลงานต่างรู้กันดี ว่าเงินที่ใช้สืบสวนในแต่ละคดีค่อนข้างสูง แต่งบประมาณที่ได้จากรัฐใช้แค่หาเบาะแสคนร้ายก็หมดแล้ว แต่เพื่อให้การสืบสวนคดีบรรลุเป้าหมายจำเป็นต้องหาเงินนอกระบบมาจุนเจือ
จึงไม่แปลกที่ตำรวจบางคนมีข่าวพัวพันกับบ่อนการพนัน ธุรกิจนอกระบบ เพียงเพื่อได้เงินมาช่วยพยุงงานให้รุดหน้า ซึ่งความจริงนี้ในแวดวงสีกากีต่างทราบกันดี
ครั้นมาส่องงานระดับโรงพัก เป็นหัวใจสำคัญงานบริการประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาย ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โรงพักคือสถานที่แห่งแรกที่นึกถึงและหวังพึ่ง
แต่บ่อยครั้งที่ชาวบ้านมาโรงพักแล้วพกความผิดหวังกลับไป เพราะหัวหน้าโรงพักไร้ภาวะผู้นำ แต่ส่วนใหญ่มักจะได้รับบริการที่ดีแต่ดำเนินไปแบบพื้นๆ เพราะงบประมาณที่รัฐจัดให้ค่อนข้างจำกัด
บ่อยครั้งที่รถสายตรวจ หัวใจสำคัญในการป้องกันอาชญากรรม ต้องวิ่งตรวจแบบวันเว้นวันหรือวิ่งหนึ่งวันหยุดสองวัน เพราะงบค่าน้ำมันไม่เพียงพอ
ขณะเดียวกันสวัสดิการด้านต่างๆแทบจะไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะที่พักอาศัย ตำรวจบางส่วนต้องควักเงินจ่ายค่าเช่าบ้านเอง เมื่อเงินชักหน้าไม่ถึงหลังจะไปซุกปีกผู้มีอิทธิพลรัฐบาลบางยุคเห็นความสำคัญด้านสวัสดิการ ทุ่มงบประมารสร้างแฟลตและโรงพักใหม่ แต่พองบประมาณออกมาถูกนักการเมืองเลวเบียดบังผลประโยชน์เข้ากระเป๋า แฟลตและโรงพักถูกทิ้งร้างบางแห่งได้แค่โครงสร้าง
ดังนั้นถ้ารัฐบาลและ สส.ที่สังกัดในคณะกรรมาธิการชุดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงานตำรวจ อยากให้ตำรวจเป็นตำรวจอาชีพ ทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนอย่างแท้จริง ต้องให้ความสนใจถึงความเป็นอยู่ของตำรวจทุกระดับชั้นทั่วประเทศด้วย เพราะถ้าตำรวจทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดี สวัสดิการพร้อมเงินเดือนเพียงพอต่อการดำรงชีพแบบไม่ต้องไปซุกปีกผู้มีอิทธิพล เพื่อให้เงินมายาไส้ และสำคัญควรจัดงบพิเศษเพื่อการสืบสวนสอบสวนคดีที่เพียงพอ ไม่ต้องควักกระเป๋าตัวเองหรือไม่ต้องอิงแอบกับธุรกิจสีเทา
หากทำได้จริงไม่ต้องครบ 100 เปอร์เซ็นต์ เอาแค่ 80 เปอร์เซ็นต์ก็พอ รับรองว่าตำรวจกว่าสองแสนนายทำงานสนองนโยบายรัฐบาลและบรรดา ส.ส.บรรลุเป้าหมายและประชาชนจะใช้ชีวิตปลอดภัยอย่างแน่นอน
แต่ทั้งนี้รัฐบาลและบรรดา สส.จะต้องไม่ใช้อิทธิพลแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในทุกรูปแบบ เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หากคดีที่เกี่ยวข้องกับพวกรัฐบาล สส.และเครือข่าย ตำรวจมักจะถูกบังคับให้เลือกปฏิบัติเสมอมา
บ่อยครั้งที่มีคดีเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในวงการต่าง ไม่ว่าจะเป็นลูกเมียหรือญาติพี่น้อง คนใกล้ชิดมักจะถูกคนในรัฐบาลหรือพวก สส.และสว.แอบสั่งการให้ตำรวจเลือกปฏิบัติเสมอมา ตำรวจหลายคนต้องคอตกเข้าคุกเพราะต้องจำทนปฏิบัติตาม
ดังนั้นเมื่อรัฐบาลและบรรดา สส.อยากเห็นตำรวจทำงานเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขอย่างแท้จริง รวมถึงการบ้านต่างๆที่ฝากให้ตำรวจสะสางเพื่อสร้างผลงาน ก็ควรจัดหางบประมาณมาสนับสนุนในทุกด้านด้วย เพราะทุกวันนี้ตำรวจระดับปฏิบัติงานส่วนใหญ่อยู่แบบจำกัดจำเขี่ยมานานแล้ว
แต่หากฝากงานมาแค่เอกสารหรือลมปาก คงเข้าทำนองฝากลมได้ลม ซึ่งไม่ต่างกับที่ตำรวจหลายนายไปวิ่งเต้นขอตำแหน่งกับคนในรัฐบาลหรือผู้มีอิทธิพลวงการต่างๆแบบไร้ปัจจัย ผลคือได้ความผิดหวังกลับมา
ที่สำคัญเมื่อจัดงบประมาณมาให้แล้วอย่าตามมาขอส่วนบุญเบียดบังเอาผลประโยชน์แบบนักการเมืองที่มีพฤติกรรมเลวๆบางคน !!!