YOU ARE OUR HERO

อยากจะเปลี่ยน คอลัมน์จากครุ่นคิดเป็น คอลัมน์ ครุ่น…เครียด กับการ นำกฏหมายใหม่ป้ายแดง พ.ร.บ.ตำรวจ ปี พ.ศ.2565 ร่วมกับ กฏ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ กับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจวาระประจำปี เขียนล๊อคกฏเหล็กใว้ตายตัวในรายละเอียด แต่ก็ถูกลองของโดยวิธีเดิม เลยถูก อดีตรอง ผบ.ตร.อย่าง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กูรูด้านกฏหมายตัวจริง ที่มาจากการเลือกตั้งจากตำรวจระดับ ผกก.ทั่วประเทศ ทำหน้าที่ได้ดั่งใจของบรรดาตำรวจที่เลือกมา แบบฮีโร่ เรียกศรัทธา จากตำรวจทั่วประเทศ ที่ต่างปรบมือรัวๆให้ ที่ออกมานำทีม ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมด้วย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง รวม ก.ตร. รายอื่นๆ จัดเต็ม จนนายกลุงตู่ ร้องถอยดีกว่า มีทั้งผิดธรรมาภิบาล ผิดกฏหมาย ชัดเจน อย่างเช่นบัญชีผู้เหมาะสม หรือ อ้างสัญญาน นอกกฏหมาย
สุดท้ายแล้วจึงได้รู้ว่าใครรักตำรวจจริง เห็นได้จากประชุม ก.ตร. ที่ผ่านมา
ลูกกระจ๊อกข่าวแว่วดังมาแต่ไกลว่า…การประชุมคณะกรรมตำรวจเที่ยวนี้ไฟลุกท่วมห้องประชุมเลยทีเดียว… ด้วยเพราะมีวีรบุรุษซึ่งเป็นนายตำรวจระดับสูงอดีต รอง ผบตร ได้แถลงชี้แจงถึงหลักการและเจตนารมณ์ที่แท้จริงสำหรับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจตามกฎหมายใหม่ของตำรวจที่มีผลบังคับใช้แล้วตอกย้ำให้ที่ประชุมได้รับทราบ

ซึ่งในกฎหมายใหม่ฉบับนี้ ได้กำหนดแนวทางการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจไว้อย่างชัดเจนโดยให้คำนึงหลักอาวุโสใน 50% แรก ส่วนอีก 50% ที่เหลือของตำแหน่งที่ว่างก็ยังให้พิจารณาจากหลักอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน ทั้งนี้ก็เพื่อแก้ไขปัญหาการแต่งตั้งที่เสียดแทงใจข้าราชการตำรวจส่วนใหญ่ในองค์กรสีกากีมานานแสนนาน
การกระทำของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านนี้ ซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากหมู่มวลข้าราชการตำรวจให้มาทำหน้าที่เป็นกรรมการคณะข้าราชการตำรวจเพื่อเป็นปากเป็นเสียงของพวกเขา เพื่อดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม และเพื่อปฏิรูปวงการตำรวจให้ไปข้างหน้า นับว่า กรรมการท่านนี้ไม่ทำให้มวลหมู่ข้าราชการตำรวจที่เลือกท่านมารู้สึกผิดหวังแต่อย่างใดเลย ตรงกันข้าม กลับรู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่ยังมีนายตำรวจแบบนี้ และภูมิใจที่ได้เลือกคนมาอย่างถูกต้อง ถูกคน และถูกเวลา
“แม้นายตำรวจท่านนี้จะไม่ใช่นายตำรวจที่จบมาจากสถาบันหลักขององค์กรสีกากี แต่ท่านผู้นี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เลือดในกายของเขานั้นเข้มข้นยิ่งกว่านายตำรวจบางคนที่จบจากสถาบันหลักเสียด้วยซ้ำไป หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ความรักต่อองค์ตำรวจนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาบันที่ร่ำเรียนศึกษามาเลย แต่มันคือจิตวิญญาณที่มีสำนึกในตัวคนต่างหาก”
การจะทำให้ตำรวจไทยเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ได้รับความเชื่อถือจากนานาประเทศ คงจะต้องแสดงให้เห็นถึงการยึดมั่นในหลักการ ยึดมั่นในเจตนารมณ์ตามกฎหมายขององค์กรให้คนในองค์กรให้เห็นประจักษ์ชัดเสียก่อน เพราะหากคนในองค์กรยังไม่ได้รับความยุติธรรมเสียแล้ว ก็อย่าไปคาดหวังเลยว่า ตำรวจจะไปสร้างสรรค์จรรโลงความยุติธรรมให้กับชุมชนประชาชนและสังคมได้อย่างไร
“นึกย้อนหลังไปที่ช่วงเวลาที่ผ่านมา นายตำรวจท่านนี้เกือบจะได้เป็นจ่าฝูงสีกากีมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่แม้ท่านผู้นี้จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดขององค์กร ท่านก็ไม่ได้แสดงความท้อแท้ หรือหมดหวังแต่อย่างใดเลย.. การแสดงออกในการยึดมั่นต่อหลักการ ตอกย้ำต่อนายตำรวจรุ่นน้องหลายคนที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ปัจจุบัน ช่างเป็นความสง่างาม และเป็นภาพให้เห็นว่า ดวงจิตตำรวจดีนั้น ไม่มีวันตายอย่างแท้จริง”
เชื่อเหลือเกินว่า ตำรวจน้อยใหญ่ที่เฝ้าดูการแต่งตั้งที่ผ่านมา คงอยากจะกล่าวสดุดีแซ่ซ้องนายตำรวจกรรมการคณะกรรมการข้าราชการตำรวจท่านนี้อย่างยิ่งยวด และคงช่วยกันส่งแรงเชียร์กำลังใจให้นายตำรวจท่านนี้ผลักดันการปฏิรูปตำรวจให้ก้าวหน้าต่อไป เพราะรูปธรรมที่ชัดที่สุดของการเริ่มต้นการปฏิรูปตำรวจไทยนั้น ไม่ต้องไปดูประเด็นไหนอื่นใดเลย เพียงทำให้การแต่งตั้งในองค์กรมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นไปตามหลักการและเจตนารมณ์ของกฎหมาย นำคนดี คนมีความรู้ความสามารถถูกกับลักษณะงานที่เขาถนัด และมีประสบการณ์ตรงตามภารกิจและลักษณะงานของหน่วยงานนั้นๆ ให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นในหน่วยงานที่เขาปฏิบัติหน้าที่อยู่ ก็ถือว่า การปฏิรูปตำรวจไทยที่เฝ้ารอกันมานานได้เริ่มต้นขึ้นเห็นอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
“กฎกมายจะดีอย่างไร หากไม่ถูกบังคับใช้โดยคนดี ก็ยากที่องค์กรหรือชุมชนนั้นจะเดินไปข้างหน้าได้”
จึงขอเป็นกำลังใจ และแรงเชียร์ส่วนหนึ่งจากใจให้กับ “พลตำรวจเอกเอก อังสนานนท์”กรรมการคณะกรรมการข้าราชการตำรวจผูัทรงคุณวุฒิ ผู้จุดประกายความหวังการปฏิรูปตำรวจที่สังคมไทยเฝ้าดูอยากเห็นเกิดขึ้นเสียที เพื่อให้ข้าราชการตำรวจที่ทำงานดี มีความรู้ความสามารถ และเป็นคนดี ได้มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
–ลูกกระจ๊อก (เขียนแทน ยังเติร์ด)–

