ฝรั่งเศส วันที่ 11 ก.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุการณ์ชุมนุมทั่วประเทศฝรั่งเศส ภายใต้การเคลื่อนไหวที่ใช้ชื่อว่า “Block Everything” (ปิดทุกอย่าง) เพื่อแสดงความโกรธแค้นต่อประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง และนักการเมือง กับแผนการตัดลดงบประมาณครั้งใหญ่ของรัฐบาล โดยผู้ชุมนุมปิดถนนหลวงสายหลักหลายสาย ในหลายเมือง เช่น ปารีส มาร์กเซย์ มงเปลลิเยร์ รวมถึงเมืองอื่นๆ จุดไฟเผาสิ่งกีดขวาง และปะทะกับตำรวจเป็นระยะในวันพุธ
รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงกว่า 80,000 นายทั่วประเทศ เข้ารื้อถอนสิ่งกีดขวางและควบคุมสถานการณ์ ขณะที่ความตึงเครียดได้ปะทุขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในกรุงปารีสที่มีกลุ่มนักเรียนและเยาวชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีการจับกุมผู้ประท้วงแล้วกว่า 300 คน

รายงานข่าวระบุว่าการประท้วงครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจที่สั่งสมต่อสิ่งที่ผู้ชุมนุมมองว่าเป็น “ชนชั้นนำที่ไร้ประสิทธิภาพ” ซึ่งกำลังนำพาประเทศไปสู่นโยบายรัดเข็มขัดที่รุนแรงขึ้น ความโกรธแค้นปะทุขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากรัฐบาลชุดก่อนเสนอแผนตัดลดงบประมาณสูงถึง 44,000 ล้านยูโร (ประมาณ 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักในการแก้ไขปัญหาวินัยทางการคลัง โดยมีตัวเลขขาดดุลงบประมาณสูงเกือบสองเท่าของเพดานที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ที่ 3% ของ GDP และมีหนี้สาธารณะสูงถึง 114% ของ GDP
นายบรูโน เรอไตโญ รมว.มหาดไทย ยอมรับว่าจำนวนผู้ประท้วงเกือบ 200,000 คนทั่วประเทศนั้นถือเป็น จำนวนที่มีนัยสำคัญ แต่ยืนยันว่าความพยายามที่จะปิดประเทศนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้การเคลื่อนไหว “Block Everything” เริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมจากกลุ่มขวาจัดบนโซเชียลมีเดีย ก่อนที่จะถูกนำไปขยายผลต่อโดยกลุ่มฝ่ายซ้าย และซ้ายจัด ทำให้เกิดการรวมตัวของผู้คนจากหลากหลายอุดมการณ์ที่ไม่พอใจต่อรัฐบาล ก่อหน้านี้ในปี 2018 ก็มีการประท้วงครั้งใหญ่การประท้วงของกลุ่ม “เสื้อกั๊กเหลือง” ที่เริ่มต้นจากการต่อต้านการขึ้นราคาน้ำมัน ก่อนจะบานปลายเป็นขบวนการต่อต้านประธานาธิบดีมาครง และนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของเขา

