”อย่าลอยตัว รองฯ-ผู้ช่วย ผบ.ตร.”ต้องเปิดหน้าเชิงรุก อย่าเดียวดาย ผบ.ต่าย คดี สจ.สั่งลูกน้องรุมยำ”ตชด.”บทสะท้อน ตร.ลุยมาเฟียเหลวชัดเจน

906



          “    กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนที่คนในสังคมกำลังถกเถียงกันอย่างหนักว่า นายสิรดนัย พลายด้วง สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา หรือ สจ.กอล์ฟ บุตรชายนายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ สั่งลูกน้องรุมทำร้ายดาบตำรวจนิสาธิต คงเทพ ตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.)ประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 7 หมู่ 2 ต.พะวง อ.เมือง สงขลา บาดเจ็บสาหัส เนื่องจากไม่พอใจที่เข้าไปตักเตือนไม่ให้ถ่ายรูปในคูหาเลือกตั้ง จะถูกจับกุมดำเนินคดีหรือไม่ ?

        เพราะชาวสงขลาต่างทราบกันดีว่าสส.สมยศ มีสัมพันธ์อันดีกับตำรวจใหญ่ทั้งในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (บช.ภ.9)และ ตชด. รวมทั้งนายสิรดนัยก็เป็นผู้กว้างขวางเคยต้องคดีหลายคดีแต่รอดมาได้ เพราะกระบวนการยุติธรรมบางช่วงอ่อนแอ

      แต่ในที่สุดถูกตำรวจภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.นายพลมือปราบ ตงฉิน ออกตัวอาสา บินลงไปตามคำสั่งของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร.ที่ประกาศว่ายอมไม่ได้ ผู้ทำผิดต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา รวมทั้งบุกค้นบ้านนายสิรดนัย หลังเข้ามอบตัว

     คดีความจะจบอย่างไร จะขยายผลถึงคดีอื่นๆหรือไม่ เมื่อสำนวนคดีส่งถึงมืออัยการ ทางอัยการจะแสดงบทบาทอย่างไร เพราะมีเสียงครหาหนักว่าคดีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ภาคใต้ส่วนใหญ่จะจบที่อัยการมากกว่าจะถูกนำขึ้นสู่ศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง ล้วนแต่ต้องคอยติดตาม


    “ประดู่แดง”คงจะไม่ก้าวล่วงถึงการสืบสวนของตำรวจ แต่อยากสื่อให้เห็นว่าคดีนี้ได้สะท้อนว่าการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ของตำรวจค่อนข้างไร้ผล โดยเฉพาะผู้มีอิทธิพลที่อาศัยคราบนักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ที่ตำรวจท้องที่ส่วนใหญ่ให้ความยำเกรง แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะกลุ่มคนเหล่านี้สามารถให้คุณและให้โทษกับตำรวจได้

        ปัญหาตำรวจท้องที่เกรงใจผู้มีอิทธิพล สามารถที่จะแก้ได้หาก รองผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.มีความตระหนักถึงภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยการทำงานแบบเชิงรุกมากกว่าที่จะทำงานแบบตั้งรับหรือเกียร์ว่างหรือนั่งหายใจทิ้งไปวันๆสิ้นเดือนรับเงินเดือนหรือเงินพิเศษที่ส่งจากข้างล่างขึ้นไป

เพราะภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ ผบ.ตร.ได้ยื่นดาบอาญาสิทธิ์ ให้แล้ว แบ่งตามโครงสร้างไว้อย่างครอบคลุมอาทิ งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม หัวใจสำคัญในการป้องกันเหตุหรือจัดการเหล่าอาชญากรทั้งในคราบผู้มีอิทธิพล มาเฟีย หรือพวกลักเล็กขโมยน้อย กำกับดูแล บช.ภ.1-9 นครบาล และท่องเที่ยว เป็นต้น มี พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบสูงสุด มี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา  และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นผู้ช่วย

งานสืบสวนสอบสวน มีบทสำคัญในการสืบสวนจับกุมคนร้าย กำกับการทำสำนวนสอบสวน มี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบสูงสุด มี  และพล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นผู้ช่วย และงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ มี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบสูงสุด มี พล.ต.ท.สำราญ  และพล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารณชัย ผู้ช่วยผบ.ตร. ดูแลพื้นที่ นครบาล (เฉพาะบก.จร.และอคฝ.) บช.ภ.9 (เฉพาะยะลา ปัตตานี นราธิวาสและ4อำเภอของสงขลา) สันติบาลและตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น มีหน้างานสำคัญคืองานมั่นคงและการข่าวทั้งการเมืองและกลุ่มผู้อิทธิพลต่างๆ จะมาปล่อยให้ที่ปรึกษาพิเศษ อย่าง พล.ต.อ อัคเดช พิมลศรี และพล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ไม่ได้รับผิดชอบหน้างานโดยตรง มาเป็นจิตอาสา ถามหน่อย รอง ผบ.ตร.ตัวหลัก อายมั่ย.?

ขณะเดียวกันเพื่อให้การทำงานด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม มีความสมบรูณ์ยิ่งขึ้น มีตัวช่วยพิเศษนั่นคือ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษและศูนย์ปฏิบัติการ ตั้งขึ้นถึง 10 ศูนย์ อาทิศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ศูนย์ป้องกันและปราบรามการฟอกเงิน ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง เป็นต้น ผบ.ตร.ตั้ง ที่ปรึกษาพิเศษ รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย  ผบ.ตร.เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ในการขับเคลื่อน

  เมื่อมองตามหน้างานแล้วจัดว่าครอบคลุมในการจัดการกับอาชญากรรมได้ทุกรูปแบบ เพราะ ผบ.ตร.ได้มอบอำนาจในการบริการจัดการได้อย่างเต็มที่ หากผู้รับผิดชอบทั้งหลายตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่แบบเชิงรุกจริง คงสยบอาชญากรรมทุกรูปแบบได้ รวมถึงจัดการกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียในพื้นที่ต่างๆได้แบบอยู่หมัด

   แต่ในทางตรงข้ามดูเหมือนว่า รองผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ได้รับมอบหมายงานตามโครงสร้าง จะอยู่ในอาการเกียร์ว่างมากกว่าที่จะออกแอ็คชั่นลงพื้นที่ไปเป็นเกราะป้องกันให้ตำรวจท้องที่ได้ลุยงานจัดกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือพวกมาเฟียที่ข่มเหงสุจริตชน แถมการขยับของ รอง ผบ.ตร.หรือผู้ช่วย ผบ.ตร.ส่วนใหญ่ ต้องให้ ผบ.ตร.กระตุ้นหรือสั่งการก่อน ถึงจะลุยงาน

      ทั้งที่ระดับนี้แล้วควรจะคิดได้ว่างานที่ได้รับมอบหมายต้องกำกับดูแลอย่างคงเส้นคงวาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆขึ้น แต่ในบางจังหวะรองผบ.ตร.หรือผู้ช่วย ผบ.ตร.บางคนลงตรวจพื้นที่ จะแสดงอาการพึงพอใจเมื่อตำรวจพื้นที่ดูแลเป็นอย่างดีทั้งเลี้ยงดูปูเสื่อแถมมีปัจจัยติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกต่างหาก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายพื้นที่ตำรวจกลายเป็นเบี้ยล่างของผู้มีอิทธิพลหรือพวกธุรกิจสีเทา

    ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบที่สงขลา รอง ผบ.ตร.และผู้ช่วยผบ.ตร. ผบช.1-9 น.ผบก ภ.จว. ซึ่งเป็นตัวหลัก ต้องไม่หน่อม แหน่ม แบบที่เป็นอยู่ ต้องขยับแบบกระตือรือร้นโดยที่ผบ.ตร.ไม่ต้องสั่งการ ลงพื้นที่กำกับให้ตำรวจท้องที่อยู่ในแถวพร้อมเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟียทั้งหลายรังแกได้ ถ้าทำได้จริงจะมีแต่เสียงเชียร์จากชาวบ้านดังกระหึ่ม !!!