ย้อนรอยตลาดโบราณ 120 ปี กับ บะหมี่ทรงเสวย ที่ ตลาดนางเลิ้ง

2183

ตลาดนางเลิ้ง เป็นตลาดแห่งแรกของประเทศไทย ที่ไม่ได้มีการค้าขายกันทางน้ำ และไม่มีท่าเทียบเรือ เป็นตลาดย่านถนน นครสวรรค์ ที่ชุมชนใกล้เคียง อย่าง ชุมชน หลานหลวง แม้นศรี วัดโสมนัส (เทวกรรม) ต่างก็มาจับจ่ายใช้สอยกันที่นี่ สินค้าต่างๆ นำขึ้นมาจากตลาดท่าน้ำบริเวณใกล้เคียง อย่างเช่น ปากคลองตลาด และนำมาค้าขายในตลาดนางเลิ้งแห่งนี้ สมัยก่อนเขาเรียกกันว่า “ตลาดบก” ที่เป็นตลาดใหญ่แห่งแรกในพระนคร

ปัจจุบันตลาดนางเลิ้ง มีอายุยาวนานกว่า 120 ปี เริ่มมีตลาดในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นแหล่งรวม สินค้าต่างๆ ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน รวมไปถึงอาหารคาวหวาน และขนมโบราณ โดยเฉพาะ”ขนมหวาน ตำรับชาววัง” ที่ค้าขายมาหลายรุ่น และหลายเจ้า ที่ยังขายอยู่ที่ตลาดนี้ รวมไปถึงความบันเทิง ที่เป็นโรงภาพยนตร์ เป็นอาคารไม้ มีอายุ กว่า 90 ปี ชื่อโรงภาพยนตร์เฉลิมธานี หรือ ชาวบ้านเขาเรียกกันว่า”โรงหนังนางเลิ้ง” เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ของคนในย่านนี้ รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พึ่งทางใจ “ศาลกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์” ก็ประดิษฐานอยู่กลางตลาดนางเลิ้ง แห่งนี้

** โรงภาพยนตร์เฉลิมธานี เป็นโรงหนังที่ตัวอาคารสร้างด้วยไม้ ที่เหลืออยู่แห่งเดียวในประเทศไทย บูรณะเสร็จเรียบร้อย และฉลอง 107 ปี เมื่อกลางเดือนเมษายน ที่ผ่านมา **

สวัสดี เพื่อนๆ นักเที่ยว นักกิน นักชิม ทั้งหลาย พบกับ คอลัมน์ กินกับลุง อร่อยเต็มพุง กับลุงดุลย์ ทาง สำนักข่าวออนไลน์ ไทยแท็บลอยด์ เป็นประจำทุกวันพุธ

ทริปนี้ ลุงพาเพื่อนๆ มาสักการะเสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรฯ และหาของกิน ย้อนอดีตวัยเยาว์ บริเวณ ข้างๆโรงภาพยนต์ เฉลิมธานี (โรงหนังนางเลิ้ง) กับร้านอาหาร และ ร้านขนมไทยโบราณ ที่ขายมายาวนาน ภายในตลาดนางเลิ้ง แห่งนี้ กันครับ

ลุงมาเดินตลาดนางเลิ้ง(ด้านใน) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนอื่น ต้อง สักการะเสด็จเตี่ย เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นอันดับแรก ก่อนจะตระเวนหาของกิน ทั่วตลาดเสียดาย ร้านค้าหยุดไปหลายร้าน แต่ก็ยังมีร้านอร่อย ที่ขึ้นชื่อและมีตำนานเปิดอยู่ เป็นร้านบะหมี่”ฮกเกี้ยน” ร้านนี้ มีดีที่บะหมี่ ที่ทำเส้นบะหมี่สดเอง ทุกวัน

” รุ่งเรือง บะหมี่ เกี๊ยว หมูแดง ปู ” ที่อยู่คู่กับตลาดนางเลิ้ง มายาวนาน และ เคยเป็นเครื่องเสวยขึ้นโต๊ะ ให้”ควีนอลิสซาเบธที่ 2″ แห่งสหราชอาณาจักร เมื่อครั้งเสด็จ มาเยือนประเทศไทยเมื่อ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2515 หรือเมื่อ 53 ปี ที่แล้ว

จากร้านร้านขายบะหมี่ จากห้องแถวไม้ในตลาด ค้าขาย และควบคุม คุณภาพ ของบะหมี่เส้นสด หมูแดง ที่ย่างเอง และเครื่องเคราต่างๆที่เป็นส่วนประกอบของบะหมี่ จนขายดิบขายดี และขยับขยายกิจการ เปิดร้านในตลาด อีก 1 ห้องฝั่งตรงข้ามติดแอร์เย็นสบาย

ลุงมาถึงร้าน เลือกเข้าในห้องแอร์ ได้ที่นั่งเสร็จสรรพ ดูเมนูต่างๆที่ทางร้านมี ก็ไม่ได้เพิ่มเมนูอะไรมากมาย ลุงก็สั่งบะหมี่พิเศษ แบบ”แห้งชาม น้ำชาม” ตามสันดานของลุง เพราะถ้าจะต้องกินก๋วยเตี๋ยว หรือ บะหมี่ให้อร่อยตามสูตร ก็ต้องแห้งชาม น้ำชาม ….!!

เริ่มจากบะหมี่แห้ง ปู หมูแดง

เส้นบะหมี่ ลวกมาเหนียวนุ่ม สู้ปาก สู้ฟัน คลุกเคล้ากับ น้ำมันกระเทียมเจียว หอมหวลชวนให้ลิ้มลอง ปู และหมูแดงที่ให้มาก็ไม่น้อย ลุงปรุงรสจัดตามที่ลุงชอบ พริกดอง พริกป่น น้ำปลา น้ำตาล คลุกเคล้าเครื่องปรุงให้ทั่ว แล้วเอาตะเกียบคีบเข้าปาก ค่อยๆเคี้ยว จนได้รสสัมผัสเส้นบะหมี่ที่เหนียวนุ่ม หมูแดงนุมหนา ที่ย่างมาจนหอม และ ตบด้วย เนื้อปูสด อร่อยจริง…ขอบอก

ชามต่อไป บะหมี่น้ำ ปู หมูแดง

บะหมี่น้ำ ชามนี้”ไม่ต้องปรุง” เพราะความจัดจ้านของรสชาติ อยู่ที่บะหมี่แห้งชามแรก …!!

บะหมี่น้ำร้อนๆ ยกมาวางตรงหน้า กลิ่นน้ำซุปหอมขึ้นจมูก จัดการค่อยๆซดน้ำซุป ร้อนๆ ตามด้วยคีบเส้นบะหมี่ และหมูแดงรสละมุน ส่งเข้าปาก เป็นการ ล้างความเผ็ดร้อนในปาก จากบะหมี่แห้ง ที่ปรุงรสจัดชามแรก ทำให้ บะหมี่น้ำ ที่ไม่ต้องปรุงชามนี้ ได้รับรสชาติแท้ๆของเส้นบะหมี่สด ที่ผ่านน้ำซุปร้อนๆ เป็นความอร่อยในแบบ”หยินและหยาง” เพราะวัตถุดิบ ทุกอย่าง มีรสชาติในตัวของมันอยู่แล้ว โดยเฉพาะน้ำซุปกระดูก รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นน้ำต้มกระดูก ใสๆเชงๆ

ความอร่อยแบบ”แห้งชาม น้ำชาม”ตามสันดานของลุง(การปรุง) ซึ่งเป็น”สูตรความอร่อยส่วนตัว” สำหรับการกินก๋วยเตี๋ยว หรือ บะหมี่ แบบแห้งชาม น้ำชาม เพื่อนๆจะนำวิธีนี้ไปลองทำดูก็ได้

ร้านแรกผ่านไป รุ่งเรือง บะหมี่เกี๊ยว ในตำนาน

ร้านต่อไป อยู่ตรงข้ามโรงหนัง เป็นร้านผัดไท กับขนมผักกาด เจ๊เกี้ย

มาเดินตลาดนางเลิ้งทั้งที ขนมผักกาดร้านนี้ ยังไงลุงก็ต้องไม่พลาด ที่จะแวะชิม และยังเหลือที่พอให้ใส่ ขนมผักกาด ลงในท้องได้อีก ขนมผักกาด รสชาติดี

หัวผักกาดนึ่งกับแป้งข้าวจ้าวจนสุก นำไปทอด แบ่งจนเป็นก้อน เป็นชิ้นพอคำ ทอดจนกรอบนอกนุ่มใน ผัดคลุกเคล้า และปรุงรส ตามสูตร ของทางร้านเจ๊เกี้ย รสชาติ หอม อร่อย กินเมื่อไหร่ อร่อยคงเดิม รสไม่เปลี่ยนแปลง

ร้านที่ 2 ผ่านไป เดินไปหาของหวานตบท้าย ที่ร้าน”เจ๊หงษ์”ขนมไทย ร้านนี้มีขนมไทยโบราณหลายอย่าง โดยเฉพาะ”ขนมหม้อแกง”อร่อยมาก แต่หมด ลุงเลยเลือก เป็น”ข้าวเหนียว น้ำกระทิทุเรียน” แทน เอามาล้างปากเป็นการตบท้าย ก่อนกลับ

ข้าวเหนียวมูนดีมาก น้ำกระทิเข้มข้น ไม่หวานมาก ใส่ทุเรียนสุกไม่งอมจัด รสชาติอร่อยลงตัว

อิ่มแล้ว เดินเที่ยวทั่วตลาด สุขใจที่ได้กินอาหารที่มีตำนาน และความเป็นมา ทำให้ระลึกถึงอดีตเมื่อวัยเยาว์ ที่เคยได้มาเที่ยวที่ ตลาดนางเลิ้ง แห่งนี้ และเป็นการ ย้อนรอย ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อในตำนาน และร้านขนมโบราณ ในอดีต ที่ยังมีลมหายใจ

พบกันครั้งต่อไป ว่าลุงดุลย์ จะพาไปเที่ยว ไปกิน ไปชิมที่ไหน ติดตาม คอลัมน์ กินกับลุง ได้ทางสำนักข่าว ไทยแท็บลอยด์ เป็นประจำทุกวันพุธ……สวัสดี

ลุงดุลย์