คนไทยลืมง่ายจริงหรือ ?

การเมืองไทยภายใน1สัปดาห์ ปรากฎภาพมากมาย ภาพอะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นก็ได้เห็น อย่างกรณีที่ นายกรัฐมนตรีป้ายแดง “ นายเศรษฐา ทวีสิน” ได้เข้าพบ ได้ไหว้ ได้มอบแจกันดอกไม้ และได้ทัวร์ทำเนียบกับ “อดีตนายกฯ ประยุทธ์” ผู้เป็นปู่โสมเฝ้าไทยคู่ฟ้ามายาวนาน 9 ปีเต็ม! หลังจากนายกฯคนที่ 30 ได้คะแนนโหวตจาก2สภามาอย่างเต็มที่ จนมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าให้ลองวิเคราะห์ที่มาของสาย สว. ให้ดีว่ามาจาก “ใคร” สายไหนที่แข็งกว่าจริง ?

จนสิ้นสงสัย เมื่อมีเฉลยตอนจบ วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กำลังจะหมดอำนาจ ว่าใน 3 ป.นั้น “น้องตู่” ดันกลายเป็นนักซุ่มผู้กุมความชนะ และ “ปิดเกม”นี้ ใช่หรือไม่ เพราะ สว.ที่เป็นภาพแทน ตั้งแต่น้องชายไปจนถึงนายทหารคนสนิท กลับเทใจให้ “นายกฯนิด” อย่างมหาศาล

อย่างที่ทราบๆกัน สมาชิกวุฒิสภา ที่ คสช.ใช้เงินมหาศาลในการคัดเลือกจิ้ม-แต่งตั้งมาทำหน้าที่ แล้วมีความโยงใยมาจาก “สองลุง” ผู้ที่สามารถกดปุ่มได้ว่าเอาไงกันดี หากมีวาระต้อง “ลงมติ” บรรดา 250 ก็ล้วนมีที่มาของเจ้าของค่ายกันซะส่วนมาก

จับสังเกตอีกหนึ่งประเด็น เมื่อลองดูภาษาในข่าว คือ ไม่แปลกนักที่พรรครวมไทยสร้างชาติกล้าพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำว่าจะเข้าร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลใหม่ แบบชัดถ้อยชัดคำเอามากๆ ในขณะที่พลังประชารัฐของอีกลุง พูดได้แค่ว่าจะโหวตอย่างไม่มีเงื่อนไข และเจ้าของพรรคก็ดันไม่มาเข้าวันโหวตในที่ประชุม แถมยังมีการปล่อยข่าวอนาคตจะลอยแพ พปชร. หรือไม่เพราะเสียงรัฐบาลนั้นล้นเหลือแล้ว

วงในการเมืองต่างฟันธงว่า พล.อ.ประวิตร มีความคิดเล็กคิดน้อยแน่นอน และยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าสุดท้ายแล้ว “ของจริง” ผู้เด็ดขาดจริง ดีลได้จริงๆ อาจเป็น ลุงผู้น้อง ไม่ใช่ลุงที่เดินช้า ๆ แต่อย่างใด

จากปรากฎการณ์มีลุงไม่มีเรา สู่ปรากฎการณ์ถ้าไม่มีลุงไม่ได้เป็นรัฐบาลนี้จึงต่อจิ๊วซอว์ได้ชัดเมื่อ ภาพที่ทำเนียบวันที่ 24 สิงหาคม 2566 ปรากฎซีนที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นคือผู้นำเก่า-ผู้นำใหม่ได้พบกันอย่างทางการ และมีการจับมือหารือกัน  แสดงออกอย่างไม่ต้องปิดบัง ทำอย่างองอาจมั่นใจ เหมือนไม่เคยมีความขัดแย้งอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

“ทั้งๆที่ตอนรัฐบาลประยุทธ์ ต่างมีการ การลุยดำเนินคดีกับรัฐมนตรีที่อยู่ในเครือข่ายทักษิณ เดินเท้าเข้าเรือนจำกันหลายชีวิต วันนี้หลายชีวิตก็ยังคงอยู่ในเรือนจำ ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำเหมือนคิดว่าคนไทย ความจำสั้น หลงๆลืมๆ ทำอะไรก็ได้ นึกอยากจะเอาแบบนี้ก็เอาแบบนี้”

สังเกตให้ดีอีกมุมคือ “เก้าอี้ดนตรี” เอ้ย! เก้าอี้รัฐมนตรีที่พรรคพรรคพวกพล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปนอนกอดก็เป็นเกรดไม่ธรรมดา ประชาชนได้แต่สงสัยว่าแล้วนโยบายอะไรๆมันจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ในเมื่อขั้วผู้มีอำนาจเดิมยังเดินวนๆอยู่ในกระทรวงพลังงาน/อุตสาหกรรม 

หลังจากนี้จึงน่าสนุกและติดตามอย่างยิ่งว่า การเมืองเรื่องดีล การเมืองเรื่องลืมอดีต การเมืองเรื่องที่ไม่เห็นหัวประชาชนที่ผลเลือกตั้งชัดมากๆ ว่าเขา “ไม่ต้องการขั้วเดิม” แต่รัฐบาลคือเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือมีเพื่อไทยกับประชาชาตินี้จะมีอะไรที่เป็นคามขัดแย้ง มีอะไรที่เป็นจุดที่ตำแหน่งรัฐมนตรี สำคัญกว่าชีวิตพี่น้องหรือไม่

ขอทุกท้ายให้ ลองอ่าน “ระหว่างบรรทัด” ที่ คุณเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงเข้าพบพูดคุย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นการไปเยี่ยมเยียนและเคารพตามมารยาท โดยพลเอกประยุทธ์ ได้ฝากความเป็นห่วงเป็นใยบ้านเมือง ฝากเรื่องบริหารจัดการบ้านเมือง มีบางส่วนคำนึงถึงและให้ระวัง ให้ใจเย็น ให้อดทน ยึดมั่นดูแลชาติศาสน์กษัตริย์ และนโยบายอะไรดีๆ ที่พลเอกประยุทธ์ได้ทำไว้ก็ให้ฝากดูแลด้วย และยังพบปะคนที่ได้ทำงานกับพลเอกประยุทธ์ด้วย ซึ่งอะไรที่เหมาะสมที่จะทำต่อเราก็จะทำ

“การพูดคุยครั้งนี้ หารือกันเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ วันนี้ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง แล้วก็มาดูแลบ้านเมืองให้ดี ซึ่งพลเอกประยุทธ์ ก็ฝากฝังไว้” นายเศรษฐา กล่าว พร้อมระบุว่า “พลเอกประยุทธ์ เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพและได้พูดคุยกันดีแบบผู้ใหญ่”

พอผู้สื่อข่าวถามถึง กระแสตอบรับที่ออกมาหลังการพบกับ พลเอกประยุทธ์ ในสถานการณ์ที่ขัดแย้ง นายเศรษฐา กล่าวว่า ความขัดแย้งมีอยู่ในหลายภาคส่วน การพบปะเพียงหนเดียวแล้วทุกอย่างจะจบไป คงลำบาก แต่ต้องให้เวลาการกระทำและการกระทำเป็นตัวพิสูจน์ แต่อย่างน้อยก็ได้ทราบเจตนารมณ์ของพลเอกประยุทธ์ก็อยากจะก้าวข้ามความขัดแย้ง และเป็นห่วงเป็นใยบ้านเมืองด้วยความจริงใจ เราต้องพยายามทำงานด้วยกันต่อไป

ต่อ 3 พารากราฟขั้นต้น มีประโยคเดียวสั้นๆ ที่ อยากถามจริงๆครับ ท่านๆทั้งหลาย คิดว่าคนไทยลืมง่ายจริงหรือ คำตอบคงอยู่ใน “คูหาเลือกตั้ง” ครั้งต่อไป ใครจะเป็นผู้ได้บทเรียน…

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img