”พรรคกล้าธรรม“ ประชุมคึกคัก ว่าที่ผู้สมัคร สส.แห่ร่วม “ร.อ.ธรรมนัส” มั่นใจวางตัวแล้ว 85% ส่งครบ 400 เขต ลั่น พรรคทำงานจริง กล้าทำ ไม่ต้องพูดมาก

วันที่ 17 ธ.ค. 2568 พรรคกล้าธรรม (กธ.) จัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นประธานการประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก โดยมีกรรมการบริหารพรรค อดีต สส. และว่าที่ผู้สมัคร สส.จากหลายพื้นที่เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงอาทิ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรค อดีต สส.กำแพงเพชร นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว อดีต สส.สงขลา และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร อดีต สส.ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ยังมีอดีต สส.จากหลายพรรคการเมืองตบเท้าเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม เช่น พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร อดีต สส.นครปฐม พรรค รวมไทยสร้างชาติ นายสัญญา นิลสุพรรณ อดีต สส.นครสวรรค์ และนายปรเมษฐ์ จินา อดีต สส.สุราษฎร์ธานี จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

ก่อนเริ่มการประชุม ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ขณะนี้พรรคกล้าธรรมสามารถวางตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ได้แล้วประมาณ 85% โดยเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา กลุ่มของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีความพร้อม ได้เปิดตัวเข้าร่วมงานกับพรรคแล้ว และจากนี้จะมีการทยอยเปิดตัวบุคคลสำคัญในแวดวงการเมืองเพิ่มเติมอีกหลายราย ซึ่งบางส่วนยังไม่เป็นข่าว เนื่องจากต้องให้เกียรติและพูดคุยให้เรียบร้อยก่อน สำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของพรรค รวมถึงบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องเป็นไปตามกระบวนการและระบบของพรรค

“เราเป็นพรรคทำงาน ไม่ต้องพูดมาก ต้องดูผลงาน กล้าพูดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ที่ผ่านมาผมทำงานอย่างเต็มที่ แม้จะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีได้ไม่กี่เดือนก็พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคกล้าธรรมจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขตทั่วประเทศ และในวันรับสมัครรับเลือกตั้งวันที่ 27 ธันวาคม คณะกรรมการบริหารพรรคจะนำผู้สมัครไปยื่นสมัครพร้อมกัน โดยตนเองและหัวหน้าพรรคจะเป็นผู้นำทีมไปด้วยตนเอง“

ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวถึงจุดยืนของพรรคว่า สโลแกนและชื่อพรรคได้สะท้อนชัดเจนอยู่แล้ว คือ “กล้าทำ” ซึ่งเป็นแนวทางการทำงานที่พรรคยึดถือ เพื่อขับเคลื่อนการเมืองที่เน้นผลงานและการแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

ผู้สมัคร สส. พรรคประชาชน มาครบ 400 เขต 100 บัญชีรายชื่อ ติวเข้มนโยบาย ชิงธงนำประเทศไทยพ้นวงจรเก่า-เทา

วันที่ 17 ธันวาคม 2568 พรรคประชาชน จัดงานสัมนาว่าที่ผู้สมัคร สส. ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ โดยพรรคยืนยันว่าส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต และได้จัดทำบัญชีรายชื่อครบ 100 คนเรียบร้อย เพื่อเตรียมการทำไพรแมรี่ตามขั้นตอนทางกฎหมาย ก่อนจะถึงวันรับสมัครอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 ธันวาคม 2568 บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีผู้บริหารพรรคเข้าร่วมกล่าวถึงแนวทางการหาเสียง

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุธ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ขึ้นกล่าวต้อนรับว่าที่ผู้สมัคร สส. โดยย้ำถึงความสำคัญของการเลือกตั้งในฐานะวันตัดสินอนาคตประเทศไทย ว่าจะเดินหน้าต่อไปสู่การจัดการปัญหาเรื้อรังอย่างเต็มรูปแบบ หรือจมดิ่งสู่ความเทา ให้ทุนเทาดำยึดประเทศ 

นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ผู้สมัคร สส. แบบแบ่งเขตมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพราะพรรคต้องการได้ที่นั่งในสภามากที่สุด แต่ผู้สมัครเขตคือตัวแทนของพรรคในทุกพื้นที่ ที่จะต้องเดินไปพูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ถึงนโยบายและแนวทางการทำงานของพรรค ตลอดจนทำให้ประชาชนตระหนักว่า 1 เสียงของตนเองจะเป็นการชี้ชะตาอนาคตประเทศไทย ว่าจะได้รัฐบาลแบบไหนมานำพาประเทศไปข้างหน้า 

“ขอให้ว่าที่ผู้สมัครทุกคน ครองตนอยากมีวุฒิภาวะ และใช้โอกาสในการประชุมใหญ่ 2 วันนี้ เป็นเวลาเก็บเกี่ยวความรู้นโยบายกว่า 200 นโยบายของเราอย่างเต็มที่ เพื่อให้นำไปใช้ในการทำงานพื้นที่และหาเสียงเลือกตั้งต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ”

ทั้งนี้ ตลอด 2 วันของการสัมนา มีการจัดเวิร์คชอปติวเข้มผู้สมัคร สส. ใน 4 หัวข้อ ได้แก่ ชุดนโยบายความมั่นคงและประชาธิปไตยใหม่ โมเดลพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ ชุดนโยบายพลิกคุณภาพชีวิตคนไทย และชุดนโยบายปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดินครั้งใหญ่ ซึ่งพรรคประชาชนเชื่อมั่นว่านโยบายจะเป็นจุดแข็งของพรรค เช่นเดียวกับใน 2 การเลือกตั้งที่ผ่านมา และครั้งนี้ นโยบายที่ลงลึก มีทั้งหลักการและการวิธีการทำนโยบายให้เป็นจริง จะทำให้ประชาชนสามารถตัดสินใจได้ว่าจะมอบความไว้วางใจให้พรรคการเมืองใดบริหารประเทศ ซึ่งพรรคประชาชนเชื่อว่าการทำการเมืองแบบโปรงใส ไม่ซื้อเสียง ชนะใจคนด้วยนโยบาย จะสามารถสร้างมีทีมบริหารประเทศที่มีความรู้ความสามารถ พาไทยพ้นจากวงจรการเมืองทุนเทา มุ้งบ้านใหญ่ ที่ฉุดรั้งประเทศไทยมาหลายสิบปีได้

ป.ป.ส. ลุยสกัด “สารตั้งต้น” ระยอง พบโรงงานไม่แจ้งส่งออก โซเดียมคาร์บอเนตกว่า 3 ตัน เสี่ยงผลิตเฮโรอีน 750 กก.

ป.ป.ส. เดินเกมรุกป้องกันยาเสพติด บุกตรวจโรงงานสารเคมีบ้านฉาง จ.ระยอง หลังพบพิรุธไม่แจ้งข้อมูลส่งออกสารตั้งต้นไปประเทศเพื่อนบ้าน ตรวจยึดเคมีภัณฑ์กว่า 1.2 ตัน ชี้หากหลุดรอดอาจสร้างความเสียหายร้ายแรง ย้ำชัดนโยบาย “No Chemical No Drugs” ตัดวงจรการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ

วันพุธที่ 17 ธันวาคม 2568 พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายให้ นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และนายสราวุธ ภักดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส. ภาค 2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ บูรณาการความร่วมมือกับ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานสารเคมีในพื้นที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อป้องปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำสารเคมีไปใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด ตามมาตรการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์


.
พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล ได้มีนโยบายมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ยกระดับมาตรการตัดวงจรการผลิต มุ่งเป้าไปที่การควบคุมสารตั้งต้น (Precursor) และเคมีภัณฑ์ (Chemicals) ไม่ให้รั่วไหลเข้าสู่พื้นที่แหล่งผลิต โดยเฉพาะในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ภายใต้นโยบาย “No Chemical No Drugs” เนื่องจากหากไม่มีสารตั้งต้น ก็ไม่มียาเสพติด แม้สารเคมีเหล่านี้จะถูกใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไปอย่างถูกกฎหมาย แต่ถือเป็นปัจจัยหลักในการผลิตยาเสพติดร้ายแรง ทั้งยาบ้า ไอซ์ และเฮโรอีน

สำหรับการปฏิบัติการในวันนี้ เป็นการใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และคำสั่ง คสช. ที่ 32/2559 รวมถึงประกาศกระทรวงยุติธรรม ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องแจ้งข้อมูลการนำเข้า-ส่งออก หรือเคลื่อนย้ายสารเคมีกลุ่มเสี่ยง เช่น โซเดียมคาร์บอเนต (Sodium Carbonate) และ แอมโมเนียมคลอไรด์ (Ammonium chloride) ต่อสำนักงาน ป.ป.ส. ทุกครั้ง และสืบเนื่องจากการสืบสวนและตรวจสอบฐานข้อมูล พบว่าโรงงานดังกล่าวประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องจักรและเคมีภัณฑ์มานานกว่า 30 ปี และมีประวัติการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (สปป.ลาว) โดยพบข้อมูลพิรุธว่า ในห้วงปี 2567-2568 บริษัทได้ส่งออก โซเดียมคาร์บอเนต ไปยัง สปป.ลาว แล้วถึง 4 ครั้ง รวมปริมาณกว่า 3,000 กิโลกรัม โดยไม่แจ้งข้อมูลให้ สำนักงาน ป.ป.ส. ทราบตามระเบียบ ซึ่งโซเดียมคาร์บอเนต ถือเป็นสารสำคัญในขั้นตอนการเปลี่ยนมอร์ฟีนเบสให้กลายเป็นเฮโรอีนเบส หากสารจำนวน 3,000 กิโลกรัม ที่บริษัทส่งออกโดยไม่แจ้งนี้ หลุดรอดไปถึงแหล่งผลิต จะสามารถนำไปผลิตเป็นเฮโรอีนได้มากถึง 750 กิโลกรัม ซึ่งถือเป็นปริมาณมหาศาลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง

จากการเข้าตรวจค้นภายในโรงงานวันนี้ เจ้าหน้าที่พบสารเคมีและเคมีภัณฑ์ รวมปริมาณ 1,245 กิโลกรัม ประกอบด้วย คลอรีนน้ำ จำนวน 21 ถัง (420 กิโลกรัม), อะซีโตน จำนวน 10 ถัง (150 กิโลกรัม) บอแร็กซ์ จำนวน 27 กระสอบ (675 กิโลกรัม) ซึ่งสารเคมีดังกล่าว จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 และ 3 เป็นสารเคมีจำเป็นในขั้นตอนการฟอก และตกผลึกยาเสพติด (ยาบ้า/ไอซ์/เฮโรอีน) ซึ่งอยู่ภายใต้การ ควบคุมของกรมโรงงานอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบไม่พบการขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุอันตรายและไม่มีใบอนุญาตครอบครอง​ เจ้าหน้าที่จึงต้องทำการตรวจยึด เพื่อสกัดกั้นและป้องกันการกระจายของสารตั้งต้นเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการผลิตยาเสพติด

สำนักงาน ป.ป.ส. ขอเน้นย้ำไปยังผู้ประกอบการทั่วประเทศ ให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยต้องตรวจสอบการครอบครอง การใช้ และรายงานการเคลื่อนย้ายสารเคมีกลุ่มเสี่ยงอย่างถูกต้องและรัดกุม เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของขบวนการค้ายาเสพติด และช่วยกันป้องกันไม่ให้สารเคมีเหล่านี้รั่วไหลไปทำลายอนาคตของลูกหลานเรา

“ธนกร” ส่ง “ทีมเต็มเหนี่ยว” ตัดวงจรเครือข่ายแบตเตอรี่เถื่อน หลังพบก่อมลพิษต่อชุมชน-ระบบนิเวศ

กรุงเทพฯ, วันที่ 17 ธ.ค. – นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงปัญหามลพิษจากการจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้วยัง ว่ายังมีความน่ากังวล เนื่องจากกว่า 25% ของแบตเตอรี่ใช้แล้วในประเทศหายไปจากระบบ หรือราว 60,000 ตันต่อปี ส่วนใหญ่ถูกนำไปหลอมในโรงงานเถื่อน ไม่มีใบอนุญาต และไม่ได้มาตรฐาน แล้วปล่อยสารพิษ เช่น ตะกั่ว น้ำกรด และฝุ่นโลหะหนัก ลงสู่ดิน แหล่งน้ำ อากาศ และชุมชน ส่งผลต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ทั้งระบบประสาท ไต ระบบหายใจ รวมถึงพัฒนาการของเด็ก ซึ่งปัญหานี้เป็นมลพิษเงียบที่สะสมมายาวนาน กระทบต่อประชาชนและระบบนิเวศของประเทศ

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ ร่วมมือกับตำรวจ และหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อเปิดปฏิบัติการเร่งด่วนทันที ต้องตรวจเข้มโรงงานเสี่ยง ยึด–อายัดแหล่งผลิตผิดกฎหมาย และดำเนินคดีทุกราย พร้อมทั้งส่ง “ทีมเต็มเหนี่ยว” ลงพื้นที่เสี่ยงเพื่อตัดวงจรเครือข่ายโรงงานใต้ดินที่กำลังก่อมลพิษต่อชุมชน เราจะลงมือจริง ไม่จำเป็นต้องรอฟังรายงานจากใครก่อน เพราะการแก้ปัญหานี้ ต้องเน้น เร็ว–จริง–จับต้องได้ ที่สำคัญ ต้องรายงานตรงกลับมาที่ตน เพื่อเร่งตรวจสอบ ดำเนินคดี และฟื้นระบบควบคุมให้เข้มแข็งขึ้น

นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการระยะยาวนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจะเดินควบคู่ไปกับการกวาดล้างเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางโครงสร้างระบบใหม่ทั้งห่วงโซ่ ตั้งแต่มาตรฐานติดตามเส้นทางแบตเตอรี่ใช้แล้ว (Traceability), การยกระดับการกำกับโรงงานสู่ Green Industry, การเชื่อมระบบกับ Circular Economy และ Net Zero, ไปจนถึงการเตรียมมาตรการรองรับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ และ EV เพื่อสร้างระบบที่เข้มแข็ง ทันสมัย และยั่งยืน

“ผมจะไม่ยอมให้ประชาชนต้องทนสูดสารพิษ หรือต้องนั่งดูลูกหลานของเราเติบโตท่ามกลางมลภาวะที่ไม่มีใครรับผิดชอบ ปัญหานี้เราจะหยุดมันให้ได้ เพราะหน้าที่ของผมคือ ปกป้องประชาชน ไม่ขอปกป้องผลประโยชน์ของใคร ผมขอยืนยันว่า จากวันนี้เป็นต้นไป เราจะไม่ยอมให้สารพิษทำร้ายคนไทยได้อีก นี่ถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของระบบจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้วของประเทศ” นายธนกร กล่าว

CIB รวบช่างแค้นสะสมใช้ท่อนเหล็กฟาดเพื่อนร่วมงานดับ หลบหนีกว่า 15 ปี

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ ผบก.ป., พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์,
พ.ต.ท.วาทิต จิตรจันทึก, พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย, พ.ต.ท.ศรัณย์ ศรีพักตร์, พ.ต.ท.พิทยา ธนาวุฒิ รอง ผกก.5 บก.ป.


เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ธีระพงษ์ คงเขียว สว.กก.5 บก.ป., ร.ต.อ.ยุทธนา จิตจำนอง รอง สว.กก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.5 บก.ป.ร่วมกันจับกุม นายเกริกฤทธิ์ฯ หรือขาว อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปากพนังที่ 31/2554 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2554 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
สถานที่จับกุม อู่ซ่อมรถ หมู่ 1 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนกันยายน 2553 ผู้ต้องหาได้สมัครงานเป็นช่างพันมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในนากุ้ง ในพื้นที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยอยู่ในช่วงทดลองงานและพักอาศัยร่วมกับ นายคมกริชฯ ผู้ตาย ซึ่งเป็นช่างประจำมาก่อน ระหว่างทำงานผู้ต้องหาอ้างว่าถูกผู้ตายกลั่นแกล้งและกีดกันไม่ให้ผ่านการทดลองงานอยู่เป็นประจำ ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2553 ผู้ต้องหาและผู้ตายเกิดมีปากเสียงโต้เถียงกันอย่างรุนแรงเรื่องการทำงาน มีการด่าทอบุพการีกัน จนผู้ต้องหาเกิดความโมโห จึงหยิบท่อนเหล็กน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ฟาดไปที่บริเวณลำคอของผู้ตาย 1 ครั้ง ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ

ภายหลังทราบจากเพื่อนร่วมงานว่า นายคมกริชฯ ผู้ตาย เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บประมาณ 1 สัปดาห์หลังเกิดเหตุ ผู้ต้องหาจึงหลบหนีไปอาศัยอยู่กับญาติในพื้นที่อำเภอชะอวดประมาณ 5 ปี ก่อนหลบหนีไปรับจ้างกรีดยางพาราในพื้นที่อำเภอทุ่งสงอีกประมาณ 10 ปี

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหา ได้หลบหนีไปทำงานรับจ้างกรีดยางพาราและพักอาศัยอยู่หลังอู่ซ่อมรถยนต์ในพื้นที่ ม.1 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จึงเดินทางไปตรวจสอบ และวางแผนจับกุมตัวไว้ได้ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากพนัง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

หลักฐานแน่น! นายกอีสปอร์ตฯ ชี้ชัด รู้ตัวคนเล่นแทน Tokyogurl ยันทีมอื่นไม่เกี่ยว

ดราม่าวงการอีสปอร์ตเดือด นายกสมาคมกีฬาอีสปอร์ตฯ เปิดหลักฐานมัดแน่น พบใช้ Discord–ล็อกอิน 2 แอคเคาท์ ระหว่างแข่ง ยืนยันรู้ตัวผู้เล่นแทนแล้ว ขณะ Tokyogurl ยังปฏิเสธข้อกล่าวหา

กรณีร้อนในแวดวงอีสปอร์ตไทย เมื่อ นายสันติ โหลทอง นายกสมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยในรายการ โหนกระแส ถึงประเด็นการโกงการแข่งขันของผู้เล่นหญิงชื่อดัง Tokyogurl โดยยืนยันว่าขณะนี้สมาคมมีหลักฐานชัดเจนเพียงพอสำหรับการดำเนินการตามขั้นตอน

นายสันติระบุว่า จากการตรวจสอบเครื่องที่ใช้ในการแข่งขัน พบมีการติดตั้งแอปพลิเคชัน Discord และมีการล็อกอินพร้อมกันถึง 2 แอคเคาท์ ซึ่งเข้าข่ายผิดกติกาการแข่งขันอย่างชัดเจน พร้อมย้ำว่าสมาคมทราบตัวแล้วว่า ใครเป็นผู้เล่นแทน Tokyogurl ในช่วงเวลาที่เกิดข้อพิพาท และขอยืนยันหนักแน่นว่า ผู้เล่นคนอื่นในทีมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่อย่างใด

ด้าน โค้ชอั๋น เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ได้พูดคุยกับ Tokyogurl เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวยังไม่พร้อมออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ และยังคงยืนยันคำเดิมว่า ไม่ได้โกงการแข่งขัน ตามที่ถูกกล่าวหา

อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวยังคงเป็นที่จับตาของสังคมออนไลน์อย่างใกล้ชิด ขณะที่สมาคมกีฬาอีสปอร์ตฯ เตรียมดำเนินการตามระเบียบ เพื่อรักษามาตรฐานและความโปร่งใสของการแข่งขันในวงการอีสปอร์ตไทย

ปชป. ปิดสัมภาษณ์คัด 33 ผู้สมัคร เตรียมเปิดตัวกลุ่มกรุงเทพฯ ฟ้าใหม่ 22 ธ.ค.นี้ คาดคว้า 10 เขตใน กทม.

หลังจากก่อนหน้านี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์ เปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจเข้ามาสมัครเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อลงเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 33 เขต โดยมีผู้ให้ความสนใจจำนวนมากกว่า 150 คน และทำการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ของพรรคระหว่างวันที่ 16-17 ธันวาคม 2568 นี้ จำนวน 33 คน

โดยในวันนี้ (17 ธ.ค. 2568) นายสกลธี ภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า คณะกรรมการคัดเลือกตัวแทนพรรค เพื่อลงสมัครเป็นสส.กรุงเทพมหานครของพรรคได้แล้ว จำนวน 33 คน 33 เขต

“วันนี้ ทางพรรคได้คัดเลือกตัวแทนครบแล้วจำนวน 33 คน 33 เขต และทำการเปิดตัวผู้สมัครกรุงเทพมหานคร หรือกลุ่มกรุงเทพฯฟ้าใหม่ ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้” นายสกลธี กล่าว

นายสกลธี กล่าวว่า สำหรับคณะกรรมการในการคัดเลือก ประกอบไปด้วย ตนเอง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และ มล.อภิมงคล โสณกุล คณะกรรมการสรรหา และการคัดเลือกวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว และสามารถผู้สมัครได้เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ จะนำเสนอทั้ง 33 รายชื่อ ให้คณะกรรมการบริหารพรรครับรองอย่างเป็นทางการ ในวันพรุ่งนี้ (18 ธค.) ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของพรรค

นายสกลธี กล่าวอีกว่า ผู้สมัคร สส.กรุงเทพมหานครของพรรคกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นผู้สมัครใหม่ จากผู้สมัครทั้งหมดประมาณ 150 คน ซึ่งมาจากแคมเปญ “สส.ที่ดี คุณก็เป็นได้นะ” ถือเป็นความคึกคักและแตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อน

จากผลโพลในปัจจุบันของพรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่ม นายสกลธี คาดหวังจะสามารถคว้า สส.กรุงเทพฯ ประมาณ
10 ที่นั่ง เนื่องจากพื้นที่เขตกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวต่อกระแสการเมือง และมีโอกาสพลิกผันสูง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จึงต้องประเมินสถานการณ์กันแบบวันต่อวัน

เที่ยวซับลังกา…นอนผาส่งตะวัน

ฤดูการท่องเที่ยวเริ่มแล้วค่ะ ……พอถึงช่วงปลายปีทีไร ใคร ๆ ต่างก็อยากไปพักผ่อนหย่อนใจให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า  หลังจากที่ทำงานหนักมาทั้งปี  การเดินป่าศึกษาธรรมชาติก็จัดเป็นกิจกรรมยอดฮิตของคนที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ  รองเท้าแก้วขอพาไปรู้จักสถานที่เดินป่า  ที่อยากจะบอกว่าใกล้แค่ปากซอย !

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า “ซับลังกา”  ตั้งอยู่ที่ ตำบลกุดตาเพชร อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี  ที่นี่นับว่าเป็นป่าผืนสุดท้ายของ จ. ลพบุรี ที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยมีเนื้อที่ร่วม 1 แสนไร่ รายล้อมไปด้วยหุบเขาและป่าไม้  จึงเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารอย่างลำสนธิ  นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่า  เราจึงได้พบเห็นสัตว์ป่าอย่าง เลียงผา หมูป่า ช้าง นกยูง ไก่ฟ้าและนกหายาก แม้ซับลังกาจะไม่โด่งดังหวือหวา  แต่ก็น่าค้นหาและชวนให้สัมผัสค่ะ เพื่อน ๆ  ต้องมาลองเที่ยวดูแล้วจะรู้ว่าป่าลับ ๆ ที่ซับลังกาก็น่าสนใจไม่น้อยค่ะ 

สำหรับกิจกรรมก็มีหลากหลายค่ะ ทั้งเดินป่า ปีนเขา เข้าถ้ำ ย่ำน้ำตก และฟังเสียงนกร้องอย่างเพลิดเพลิน  นักท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ตามใจชอบ  ในส่วนของเส้นทางเดินป่าซึ่งเป็นที่นิยมก็มี 2 เส้นทางด้วยกันคือ ห้วยพริก-น้ำตกผาผึ้ง ระยะทางไป-กลับประมาณ 3.2 กิโลเมตร   ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที และ เส้นทางเดินป่า ห้วยประดู่-ถ้ำพระนอก-ถ้ำสมุยกุย ไป-กลับ ประมาณ 1.8 กิโลเมตร  หากดูจากระยะทางเพื่อน ๆ อาจคิดว่าไม่ไกล  แต่รู้ไหมว่าทำเอาเหงื่อไหลชุ่มได้เลยค่ะ

ระหว่างทางเดินเรายังได้ตื่นตาตื่นใจกับกล้วยไม้ป่าอย่างรองเท้านารีสีสันสวยงาม  ซึ่งมักขึ้นในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ซึ่งหาดูยากในภาคกลาง  แต่ด้วยความสมบูรณ์ของป่าผืนนี้จึงทำให้เราได้พบเห็นค่ะ  และข้อสำคัญของการเดินป่า คือ อย่า ! เดินออกนอกเส้นทางที่เจ้าหน้าที่กำหนดนะคะ  มิเช่นนั้นอาจหลงป่า หรือได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าได้ค่ะ

หากเพื่อน ๆ รู้สึกเหนื่อยล้ากับการเดินป่าก็สามารถเล่นน้ำตกให้ชุ่มชื่นใจก่อนที่จะไปค้างแรมต่อ ซึ่งที่นี่ก็มีบ้านพักและลานกางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ หรือถ้าชอบบรรยากกาศส่วนตัวก็ไปนอนกินลมชมวิวแบบไกลสุดสายตา  แนะนำให้ไปกางเต็นท์ได้ที่ “ผาส่งตะวัน” ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างอำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี และอำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ที่นี่จะเป็นพื้นที่โล่งกว้างบนยอดเขา เหมาะแก่การแคมป์ปิ้งดูดาวยามค่ำคืนอีกด้วยค่ะ

สำหรับการเดินทางนั้นแสนง่าย ใช้เส้นทางหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ไป จ.สระบุรี จากนั้นใช้เส้นทางสระบุรี – ชัยบาดาลเลี้ยวขวาเข้า อ. ชัยบาดาล ไปตามทางหลวงหมายเลข 205 ชัยบาดาล – ลำสนธิ ก่อนถึง อ. ลำสนธิ 2 กม. แยกเลี้ยวซ้ายเข้า ต. วังเชื่อม อีก 37 กม. ก็สามารถไปถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซักลังกา รวม 260 กม. จาก กทม.ค่ะ

ขอบคุณภาพจาก Facebook  # เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่……เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา  061 597 3807, 0915973807

รองเท้าแก้ว 

“ซาบีดา” ยัน “กรมศิลป์” มีศักยภาพบูรณะปราสาทได้ แต่ต้องรอเหตุการณ์สงบ  รับ ลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์ภูมิใจไทย เชื่อได้ไปต่อ

ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย, 17 ธันวาคม – น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการบูรณะโบราณสถานที่ได้รับความเสียหายจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา โดยยืนยันว่า ไทยไม่ได้โจมตีก่อน แต่ดำเนินการตามหลักการป้องกันตัวตามหลักสากล และตามหลักความมั่นคงของประเทศ และการที่โบราณสถานถูกทำลายนั้น เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุว่ามีการถูกทำลายก่อนเกิดการปะทะหรือไม่ เพราะอย่างที่ทุกคนทราบ โบราณสถาณเหล่านี้ประเทศไทยเพิ่งได้ยึดคืนมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และการยึดของเรา เราก็ต้องพิสูจน์ว่าเมื่อโบราณสถานเหล่านั้น อยู่ในพื้นที่อธิปไตยของเราแล้ว เราจะต้องวางแผนงบประมาณในการบูรณะซ่อมแซม พร้อมยืนยันว่า เราไม่ได้ใช้โบราณสถานในการเป็นบังเกอร์หรือใช้เป็นวัตถุประสงค์ทางการทหาร แต่เราจะทำโบราณสถาณให้เป็นโบราณสถานจริงๆ แล้วก็จะต้องมีการบูรณะซ่อมแซม

นางสาวซาบีดา กล่าวเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นกรมศิลปากรยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ทำการสำรวจได้ แต่เรื่องเทคนิคการซ่อมแซมไม่ได้มีความซับซ้อน และกรมศิลปากรมีศักยภาพพอที่จะเข้าไปบูรณะซ่อมแซม ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน อีกทั้งต้องรอฝ่ายความมั่นคงให้คำยืนยันว่าเราสามารถเข้าไปสำรวจ และทำการบูรณะได้ พร้อมย้ำว่า จะต้องมีการเคลียร์พื้นที่ และเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยถึงจะสามารถเข้าไปสำรวจได้

ขอบคุณภาพจากเพจ Thai Burma railway ทางรถไฟสายมรณะ

ส่วนจะใช้ซากเดิมขึ้นมาบูรณะหรือใส่วัสดุใหม่หรือไม่นั้น  รมว.วัฒนธรรม ระบุว่า ตอนนี้มีเทคนิคใหม่ในการซ่อมแซม แต่รูปแบบยังคงเหมือนเดิม ซึ่งได้มีการศึกษาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ย้ำว่า จะต้องมีการสำรวจก่อนเข้าบูรณะอย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องที่ทหารกัมพูชาเข้าไปใช้ตัวปราสาทในการเป็นฐานปฏิบัติการนั้น และเมื่อเกิดการปะทะกัมพูชาโจมตีไทยว่าทำลายโบราณสถาน จะมีการทำหนังสือประท้วงอย่างไรบ้าง น.ส.ซาบีดา กล่าวว่า การที่ประเทศไทยจะทำอะไรต้องยึดหลักสากล และดูข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ตอนนี้เหมือนเรากำลังพูดถึงปลายเหตุจนลืมไปว่าต้นเหตุของโบราณสถานถูกทำลายเกิดจากอะไร ซึ่งกัมพูชาใช้เป็นวัตถุประสงค์ทางการทหารจนทำให้ประเทศไทยต้องป้องกันตัว และปกป้องอธิปไตยของไทย “ เราใช้ทุกเวทีในการตอบโต้ อย่างเวทียูเนสโก้ล่าสุด และตอบโต้ด้วยเหตุ และผลด้วยถ้อยแถลง “ นางสาวซาบีดา กล่าว

นอกจากนี้ นางสาวซาบีดา กล่าวยอมรับว่าตนได้ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากเขตในจังหวัดอุทัยธานีเต็มแล้ว และจากการที่ได้ทำงานเพื่อประชาชนเกือบ 1 ปี มีพลังในการที่จะเป็นตัวแทนของประชาชน และคิดว่าน่าจะไปต่อได้  และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี ในฐานะคุณพ่อ ได้ให้คำปรึกษาอะไรหรือไม่ นางสาวซาบีดา กล่าวว่า คุณพ่อไม่ได้บอกอะไรบอกเพียงว่าต้องมีผลงาน

“ เป็นความตั้งใจมากกว่า ส่วนผลตอบรับจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องทำให้ดีที่สุด ในทุกๆ บทบาท ทุกๆ หน้าที่ “  นางสาวซาบีดา กล่าวทิ้งท้าย

ด่วน “หลักสูตรวัคซีนชีวิต รุ่น 2” หมดเขตรับสมัคร 19 ธ.ค. นี้

หลักสูตรวัคชีนชีวิตเพื่อสังคม ของสมาคมตำรวจร่วมกับภาคเอกชน ได้เปิดรับสมัคร รุ่น 2 แล้ว ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. ถึง 19 ธ.ค. นี้

หลักสูตรวัคซีนชีวิต สำหรับผู้บริหารชั้นสูงเพื่อสังคม รุ่นที่ 2 ของสมาคมตำรวจร่วมกับภาคเอกชน (Vaccine for Life and Social) ซึ่งเปิดรับสมัคร จำนวน 150 คน ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน -19 ธันวาคม 2568 นี้

คุณสมบัติผู้สมัครเข้ารับการอบรม: ข้าราชการระดับสูงในหน่วยงานของรัฐ: นักการเมือง สส. , สว. และนักการเมืองท้องถิ่น: เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ มียศตั้งแต่พลตรีพลเรือตรี พลอากาศตรีและพลตำรวจตรี ขึ้นไป: ข้าราชการพลเรือนระดับซี 9 ขึ้นไป: ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน: เจ้าของกิจการส่วนตัว

ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการอบรม: ภายในวันที่ 29 ธันวาคม 2568

ค่าใช้จ่ายการเรียนและดูงานภายในประเทศตลอดหลักสูตร 160,000บาท (รวมค่าใช้จ่ายศึกษาดูงานในประเทศทั้ง 4 ภาค 4 ครั้ง และปฐมนิเทศรับน้องต่างจังหวัดเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง รวมเป็น 5 ครั้ง) รวมถึงการศึกษาดูงานหน่วยงานราชการตำรวจและภาคเอกชนสำหรับดูงานต่างประเทศ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ทวีปยุโรป กับทวีปเอเซีย(ในส่วนนี้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถเลือกได้และจะต้องรับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายในการดูงานเอง)

สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว กรุณาชำระเงินภายในวันที่ 9 มกราคม 2569 เพื่อเป็นการยืนยันสิทธิ์

เริ่มการอบรมสูตร: ระหว่างวันที่ 17 มกราคม – 30 มิถุนายน 2569 ประมาณ 5 เดือน เรียนทุกวันเสาร์ (รวม 22 ครั้ง)

สถานที่จัดอบรม: ณ สโมสรตำรวจ กรุงเทพฯ หรือสถานที่อื่น ตามความเหมาะสม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: สมาคมตำรวจหรือ สำนักงานเลขานุการหลักสูตร คุณแพรวพรรณ โทร.085-122-4469 คุณฐานิกา โทร.086-795-1097หรือ E-mail : lifevaccine.social@gmail.com

ผู้สนใจสามารถกรอกข้อมูลลงทะเบียน https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSd79J0l_DhJGr_So5KeXJwzfGgpWgLoTrbPZD2clbDjyJ4GjQ/viewform