ป.ป.ส. ลุยสกัด “สารตั้งต้น” ระยอง พบโรงงานไม่แจ้งส่งออก โซเดียมคาร์บอเนตกว่า 3 ตัน เสี่ยงผลิตเฮโรอีน 750 กก.

115

ป.ป.ส. เดินเกมรุกป้องกันยาเสพติด บุกตรวจโรงงานสารเคมีบ้านฉาง จ.ระยอง หลังพบพิรุธไม่แจ้งข้อมูลส่งออกสารตั้งต้นไปประเทศเพื่อนบ้าน ตรวจยึดเคมีภัณฑ์กว่า 1.2 ตัน ชี้หากหลุดรอดอาจสร้างความเสียหายร้ายแรง ย้ำชัดนโยบาย “No Chemical No Drugs” ตัดวงจรการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ

วันพุธที่ 17 ธันวาคม 2568 พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายให้ นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และนายสราวุธ ภักดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส. ภาค 2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ บูรณาการความร่วมมือกับ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานสารเคมีในพื้นที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อป้องปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำสารเคมีไปใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด ตามมาตรการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์


.
พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล ได้มีนโยบายมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ยกระดับมาตรการตัดวงจรการผลิต มุ่งเป้าไปที่การควบคุมสารตั้งต้น (Precursor) และเคมีภัณฑ์ (Chemicals) ไม่ให้รั่วไหลเข้าสู่พื้นที่แหล่งผลิต โดยเฉพาะในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ภายใต้นโยบาย “No Chemical No Drugs” เนื่องจากหากไม่มีสารตั้งต้น ก็ไม่มียาเสพติด แม้สารเคมีเหล่านี้จะถูกใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไปอย่างถูกกฎหมาย แต่ถือเป็นปัจจัยหลักในการผลิตยาเสพติดร้ายแรง ทั้งยาบ้า ไอซ์ และเฮโรอีน

สำหรับการปฏิบัติการในวันนี้ เป็นการใช้อำนาจตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และคำสั่ง คสช. ที่ 32/2559 รวมถึงประกาศกระทรวงยุติธรรม ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องแจ้งข้อมูลการนำเข้า-ส่งออก หรือเคลื่อนย้ายสารเคมีกลุ่มเสี่ยง เช่น โซเดียมคาร์บอเนต (Sodium Carbonate) และ แอมโมเนียมคลอไรด์ (Ammonium chloride) ต่อสำนักงาน ป.ป.ส. ทุกครั้ง และสืบเนื่องจากการสืบสวนและตรวจสอบฐานข้อมูล พบว่าโรงงานดังกล่าวประกอบกิจการจำหน่ายเครื่องจักรและเคมีภัณฑ์มานานกว่า 30 ปี และมีประวัติการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน (สปป.ลาว) โดยพบข้อมูลพิรุธว่า ในห้วงปี 2567-2568 บริษัทได้ส่งออก โซเดียมคาร์บอเนต ไปยัง สปป.ลาว แล้วถึง 4 ครั้ง รวมปริมาณกว่า 3,000 กิโลกรัม โดยไม่แจ้งข้อมูลให้ สำนักงาน ป.ป.ส. ทราบตามระเบียบ ซึ่งโซเดียมคาร์บอเนต ถือเป็นสารสำคัญในขั้นตอนการเปลี่ยนมอร์ฟีนเบสให้กลายเป็นเฮโรอีนเบส หากสารจำนวน 3,000 กิโลกรัม ที่บริษัทส่งออกโดยไม่แจ้งนี้ หลุดรอดไปถึงแหล่งผลิต จะสามารถนำไปผลิตเป็นเฮโรอีนได้มากถึง 750 กิโลกรัม ซึ่งถือเป็นปริมาณมหาศาลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง

จากการเข้าตรวจค้นภายในโรงงานวันนี้ เจ้าหน้าที่พบสารเคมีและเคมีภัณฑ์ รวมปริมาณ 1,245 กิโลกรัม ประกอบด้วย คลอรีนน้ำ จำนวน 21 ถัง (420 กิโลกรัม), อะซีโตน จำนวน 10 ถัง (150 กิโลกรัม) บอแร็กซ์ จำนวน 27 กระสอบ (675 กิโลกรัม) ซึ่งสารเคมีดังกล่าว จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 และ 3 เป็นสารเคมีจำเป็นในขั้นตอนการฟอก และตกผลึกยาเสพติด (ยาบ้า/ไอซ์/เฮโรอีน) ซึ่งอยู่ภายใต้การ ควบคุมของกรมโรงงานอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบไม่พบการขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุอันตรายและไม่มีใบอนุญาตครอบครอง​ เจ้าหน้าที่จึงต้องทำการตรวจยึด เพื่อสกัดกั้นและป้องกันการกระจายของสารตั้งต้นเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการผลิตยาเสพติด

สำนักงาน ป.ป.ส. ขอเน้นย้ำไปยังผู้ประกอบการทั่วประเทศ ให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยต้องตรวจสอบการครอบครอง การใช้ และรายงานการเคลื่อนย้ายสารเคมีกลุ่มเสี่ยงอย่างถูกต้องและรัดกุม เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของขบวนการค้ายาเสพติด และช่วยกันป้องกันไม่ให้สารเคมีเหล่านี้รั่วไหลไปทำลายอนาคตของลูกหลานเรา