CIB รวบช่างแค้นสะสมใช้ท่อนเหล็กฟาดเพื่อนร่วมงานดับ หลบหนีกว่า 15 ปี

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ ผบก.ป., พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์,
พ.ต.ท.วาทิต จิตรจันทึก, พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย, พ.ต.ท.ศรัณย์ ศรีพักตร์, พ.ต.ท.พิทยา ธนาวุฒิ รอง ผกก.5 บก.ป.


เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ธีระพงษ์ คงเขียว สว.กก.5 บก.ป., ร.ต.อ.ยุทธนา จิตจำนอง รอง สว.กก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.5 บก.ป.ร่วมกันจับกุม นายเกริกฤทธิ์ฯ หรือขาว อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปากพนังที่ 31/2554 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2554 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
สถานที่จับกุม อู่ซ่อมรถ หมู่ 1 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนกันยายน 2553 ผู้ต้องหาได้สมัครงานเป็นช่างพันมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในนากุ้ง ในพื้นที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยอยู่ในช่วงทดลองงานและพักอาศัยร่วมกับ นายคมกริชฯ ผู้ตาย ซึ่งเป็นช่างประจำมาก่อน ระหว่างทำงานผู้ต้องหาอ้างว่าถูกผู้ตายกลั่นแกล้งและกีดกันไม่ให้ผ่านการทดลองงานอยู่เป็นประจำ ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2553 ผู้ต้องหาและผู้ตายเกิดมีปากเสียงโต้เถียงกันอย่างรุนแรงเรื่องการทำงาน มีการด่าทอบุพการีกัน จนผู้ต้องหาเกิดความโมโห จึงหยิบท่อนเหล็กน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ฟาดไปที่บริเวณลำคอของผู้ตาย 1 ครั้ง ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ

ภายหลังทราบจากเพื่อนร่วมงานว่า นายคมกริชฯ ผู้ตาย เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บประมาณ 1 สัปดาห์หลังเกิดเหตุ ผู้ต้องหาจึงหลบหนีไปอาศัยอยู่กับญาติในพื้นที่อำเภอชะอวดประมาณ 5 ปี ก่อนหลบหนีไปรับจ้างกรีดยางพาราในพื้นที่อำเภอทุ่งสงอีกประมาณ 10 ปี

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้สืบสวนทราบว่าผู้ต้องหา ได้หลบหนีไปทำงานรับจ้างกรีดยางพาราและพักอาศัยอยู่หลังอู่ซ่อมรถยนต์ในพื้นที่ ม.1 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จึงเดินทางไปตรวจสอบ และวางแผนจับกุมตัวไว้ได้ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากพนัง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

หลักฐานแน่น! นายกอีสปอร์ตฯ ชี้ชัด รู้ตัวคนเล่นแทน Tokyogurl ยันทีมอื่นไม่เกี่ยว

ดราม่าวงการอีสปอร์ตเดือด นายกสมาคมกีฬาอีสปอร์ตฯ เปิดหลักฐานมัดแน่น พบใช้ Discord–ล็อกอิน 2 แอคเคาท์ ระหว่างแข่ง ยืนยันรู้ตัวผู้เล่นแทนแล้ว ขณะ Tokyogurl ยังปฏิเสธข้อกล่าวหา

กรณีร้อนในแวดวงอีสปอร์ตไทย เมื่อ นายสันติ โหลทอง นายกสมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยในรายการ โหนกระแส ถึงประเด็นการโกงการแข่งขันของผู้เล่นหญิงชื่อดัง Tokyogurl โดยยืนยันว่าขณะนี้สมาคมมีหลักฐานชัดเจนเพียงพอสำหรับการดำเนินการตามขั้นตอน

นายสันติระบุว่า จากการตรวจสอบเครื่องที่ใช้ในการแข่งขัน พบมีการติดตั้งแอปพลิเคชัน Discord และมีการล็อกอินพร้อมกันถึง 2 แอคเคาท์ ซึ่งเข้าข่ายผิดกติกาการแข่งขันอย่างชัดเจน พร้อมย้ำว่าสมาคมทราบตัวแล้วว่า ใครเป็นผู้เล่นแทน Tokyogurl ในช่วงเวลาที่เกิดข้อพิพาท และขอยืนยันหนักแน่นว่า ผู้เล่นคนอื่นในทีมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่อย่างใด

ด้าน โค้ชอั๋น เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ได้พูดคุยกับ Tokyogurl เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวยังไม่พร้อมออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ และยังคงยืนยันคำเดิมว่า ไม่ได้โกงการแข่งขัน ตามที่ถูกกล่าวหา

อย่างไรก็ตาม ประเด็นดังกล่าวยังคงเป็นที่จับตาของสังคมออนไลน์อย่างใกล้ชิด ขณะที่สมาคมกีฬาอีสปอร์ตฯ เตรียมดำเนินการตามระเบียบ เพื่อรักษามาตรฐานและความโปร่งใสของการแข่งขันในวงการอีสปอร์ตไทย

ปชป. ปิดสัมภาษณ์คัด 33 ผู้สมัคร เตรียมเปิดตัวกลุ่มกรุงเทพฯ ฟ้าใหม่ 22 ธ.ค.นี้ คาดคว้า 10 เขตใน กทม.

หลังจากก่อนหน้านี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์ เปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจเข้ามาสมัครเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อลงเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 33 เขต โดยมีผู้ให้ความสนใจจำนวนมากกว่า 150 คน และทำการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ของพรรคระหว่างวันที่ 16-17 ธันวาคม 2568 นี้ จำนวน 33 คน

โดยในวันนี้ (17 ธ.ค. 2568) นายสกลธี ภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า คณะกรรมการคัดเลือกตัวแทนพรรค เพื่อลงสมัครเป็นสส.กรุงเทพมหานครของพรรคได้แล้ว จำนวน 33 คน 33 เขต

“วันนี้ ทางพรรคได้คัดเลือกตัวแทนครบแล้วจำนวน 33 คน 33 เขต และทำการเปิดตัวผู้สมัครกรุงเทพมหานคร หรือกลุ่มกรุงเทพฯฟ้าใหม่ ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้” นายสกลธี กล่าว

นายสกลธี กล่าวว่า สำหรับคณะกรรมการในการคัดเลือก ประกอบไปด้วย ตนเอง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และ มล.อภิมงคล โสณกุล คณะกรรมการสรรหา และการคัดเลือกวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว และสามารถผู้สมัครได้เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ จะนำเสนอทั้ง 33 รายชื่อ ให้คณะกรรมการบริหารพรรครับรองอย่างเป็นทางการ ในวันพรุ่งนี้ (18 ธค.) ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของพรรค

นายสกลธี กล่าวอีกว่า ผู้สมัคร สส.กรุงเทพมหานครของพรรคกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นผู้สมัครใหม่ จากผู้สมัครทั้งหมดประมาณ 150 คน ซึ่งมาจากแคมเปญ “สส.ที่ดี คุณก็เป็นได้นะ” ถือเป็นความคึกคักและแตกต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อน

จากผลโพลในปัจจุบันของพรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่ม นายสกลธี คาดหวังจะสามารถคว้า สส.กรุงเทพฯ ประมาณ
10 ที่นั่ง เนื่องจากพื้นที่เขตกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวต่อกระแสการเมือง และมีโอกาสพลิกผันสูง ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จึงต้องประเมินสถานการณ์กันแบบวันต่อวัน

เที่ยวซับลังกา…นอนผาส่งตะวัน

ฤดูการท่องเที่ยวเริ่มแล้วค่ะ ……พอถึงช่วงปลายปีทีไร ใคร ๆ ต่างก็อยากไปพักผ่อนหย่อนใจให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า  หลังจากที่ทำงานหนักมาทั้งปี  การเดินป่าศึกษาธรรมชาติก็จัดเป็นกิจกรรมยอดฮิตของคนที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ  รองเท้าแก้วขอพาไปรู้จักสถานที่เดินป่า  ที่อยากจะบอกว่าใกล้แค่ปากซอย !

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า “ซับลังกา”  ตั้งอยู่ที่ ตำบลกุดตาเพชร อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี  ที่นี่นับว่าเป็นป่าผืนสุดท้ายของ จ. ลพบุรี ที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยมีเนื้อที่ร่วม 1 แสนไร่ รายล้อมไปด้วยหุบเขาและป่าไม้  จึงเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารอย่างลำสนธิ  นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่า  เราจึงได้พบเห็นสัตว์ป่าอย่าง เลียงผา หมูป่า ช้าง นกยูง ไก่ฟ้าและนกหายาก แม้ซับลังกาจะไม่โด่งดังหวือหวา  แต่ก็น่าค้นหาและชวนให้สัมผัสค่ะ เพื่อน ๆ  ต้องมาลองเที่ยวดูแล้วจะรู้ว่าป่าลับ ๆ ที่ซับลังกาก็น่าสนใจไม่น้อยค่ะ 

สำหรับกิจกรรมก็มีหลากหลายค่ะ ทั้งเดินป่า ปีนเขา เข้าถ้ำ ย่ำน้ำตก และฟังเสียงนกร้องอย่างเพลิดเพลิน  นักท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ตามใจชอบ  ในส่วนของเส้นทางเดินป่าซึ่งเป็นที่นิยมก็มี 2 เส้นทางด้วยกันคือ ห้วยพริก-น้ำตกผาผึ้ง ระยะทางไป-กลับประมาณ 3.2 กิโลเมตร   ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที และ เส้นทางเดินป่า ห้วยประดู่-ถ้ำพระนอก-ถ้ำสมุยกุย ไป-กลับ ประมาณ 1.8 กิโลเมตร  หากดูจากระยะทางเพื่อน ๆ อาจคิดว่าไม่ไกล  แต่รู้ไหมว่าทำเอาเหงื่อไหลชุ่มได้เลยค่ะ

ระหว่างทางเดินเรายังได้ตื่นตาตื่นใจกับกล้วยไม้ป่าอย่างรองเท้านารีสีสันสวยงาม  ซึ่งมักขึ้นในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ซึ่งหาดูยากในภาคกลาง  แต่ด้วยความสมบูรณ์ของป่าผืนนี้จึงทำให้เราได้พบเห็นค่ะ  และข้อสำคัญของการเดินป่า คือ อย่า ! เดินออกนอกเส้นทางที่เจ้าหน้าที่กำหนดนะคะ  มิเช่นนั้นอาจหลงป่า หรือได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าได้ค่ะ

หากเพื่อน ๆ รู้สึกเหนื่อยล้ากับการเดินป่าก็สามารถเล่นน้ำตกให้ชุ่มชื่นใจก่อนที่จะไปค้างแรมต่อ ซึ่งที่นี่ก็มีบ้านพักและลานกางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ หรือถ้าชอบบรรยากกาศส่วนตัวก็ไปนอนกินลมชมวิวแบบไกลสุดสายตา  แนะนำให้ไปกางเต็นท์ได้ที่ “ผาส่งตะวัน” ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างอำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี และอำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ที่นี่จะเป็นพื้นที่โล่งกว้างบนยอดเขา เหมาะแก่การแคมป์ปิ้งดูดาวยามค่ำคืนอีกด้วยค่ะ

สำหรับการเดินทางนั้นแสนง่าย ใช้เส้นทางหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ไป จ.สระบุรี จากนั้นใช้เส้นทางสระบุรี – ชัยบาดาลเลี้ยวขวาเข้า อ. ชัยบาดาล ไปตามทางหลวงหมายเลข 205 ชัยบาดาล – ลำสนธิ ก่อนถึง อ. ลำสนธิ 2 กม. แยกเลี้ยวซ้ายเข้า ต. วังเชื่อม อีก 37 กม. ก็สามารถไปถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซักลังกา รวม 260 กม. จาก กทม.ค่ะ

ขอบคุณภาพจาก Facebook  # เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่……เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา  061 597 3807, 0915973807

รองเท้าแก้ว 

“ซาบีดา” ยัน “กรมศิลป์” มีศักยภาพบูรณะปราสาทได้ แต่ต้องรอเหตุการณ์สงบ  รับ ลงสมัครปาร์ตี้ลิสต์ภูมิใจไทย เชื่อได้ไปต่อ

ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย, 17 ธันวาคม – น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการบูรณะโบราณสถานที่ได้รับความเสียหายจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา โดยยืนยันว่า ไทยไม่ได้โจมตีก่อน แต่ดำเนินการตามหลักการป้องกันตัวตามหลักสากล และตามหลักความมั่นคงของประเทศ และการที่โบราณสถานถูกทำลายนั้น เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุว่ามีการถูกทำลายก่อนเกิดการปะทะหรือไม่ เพราะอย่างที่ทุกคนทราบ โบราณสถาณเหล่านี้ประเทศไทยเพิ่งได้ยึดคืนมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และการยึดของเรา เราก็ต้องพิสูจน์ว่าเมื่อโบราณสถานเหล่านั้น อยู่ในพื้นที่อธิปไตยของเราแล้ว เราจะต้องวางแผนงบประมาณในการบูรณะซ่อมแซม พร้อมยืนยันว่า เราไม่ได้ใช้โบราณสถานในการเป็นบังเกอร์หรือใช้เป็นวัตถุประสงค์ทางการทหาร แต่เราจะทำโบราณสถาณให้เป็นโบราณสถานจริงๆ แล้วก็จะต้องมีการบูรณะซ่อมแซม

นางสาวซาบีดา กล่าวเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นกรมศิลปากรยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ทำการสำรวจได้ แต่เรื่องเทคนิคการซ่อมแซมไม่ได้มีความซับซ้อน และกรมศิลปากรมีศักยภาพพอที่จะเข้าไปบูรณะซ่อมแซม ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน อีกทั้งต้องรอฝ่ายความมั่นคงให้คำยืนยันว่าเราสามารถเข้าไปสำรวจ และทำการบูรณะได้ พร้อมย้ำว่า จะต้องมีการเคลียร์พื้นที่ และเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยถึงจะสามารถเข้าไปสำรวจได้

ขอบคุณภาพจากเพจ Thai Burma railway ทางรถไฟสายมรณะ

ส่วนจะใช้ซากเดิมขึ้นมาบูรณะหรือใส่วัสดุใหม่หรือไม่นั้น  รมว.วัฒนธรรม ระบุว่า ตอนนี้มีเทคนิคใหม่ในการซ่อมแซม แต่รูปแบบยังคงเหมือนเดิม ซึ่งได้มีการศึกษาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ย้ำว่า จะต้องมีการสำรวจก่อนเข้าบูรณะอย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องที่ทหารกัมพูชาเข้าไปใช้ตัวปราสาทในการเป็นฐานปฏิบัติการนั้น และเมื่อเกิดการปะทะกัมพูชาโจมตีไทยว่าทำลายโบราณสถาน จะมีการทำหนังสือประท้วงอย่างไรบ้าง น.ส.ซาบีดา กล่าวว่า การที่ประเทศไทยจะทำอะไรต้องยึดหลักสากล และดูข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ตอนนี้เหมือนเรากำลังพูดถึงปลายเหตุจนลืมไปว่าต้นเหตุของโบราณสถานถูกทำลายเกิดจากอะไร ซึ่งกัมพูชาใช้เป็นวัตถุประสงค์ทางการทหารจนทำให้ประเทศไทยต้องป้องกันตัว และปกป้องอธิปไตยของไทย “ เราใช้ทุกเวทีในการตอบโต้ อย่างเวทียูเนสโก้ล่าสุด และตอบโต้ด้วยเหตุ และผลด้วยถ้อยแถลง “ นางสาวซาบีดา กล่าว

นอกจากนี้ นางสาวซาบีดา กล่าวยอมรับว่าตนได้ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากเขตในจังหวัดอุทัยธานีเต็มแล้ว และจากการที่ได้ทำงานเพื่อประชาชนเกือบ 1 ปี มีพลังในการที่จะเป็นตัวแทนของประชาชน และคิดว่าน่าจะไปต่อได้  และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี ในฐานะคุณพ่อ ได้ให้คำปรึกษาอะไรหรือไม่ นางสาวซาบีดา กล่าวว่า คุณพ่อไม่ได้บอกอะไรบอกเพียงว่าต้องมีผลงาน

“ เป็นความตั้งใจมากกว่า ส่วนผลตอบรับจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องทำให้ดีที่สุด ในทุกๆ บทบาท ทุกๆ หน้าที่ “  นางสาวซาบีดา กล่าวทิ้งท้าย

ด่วน “หลักสูตรวัคซีนชีวิต รุ่น 2” หมดเขตรับสมัคร 19 ธ.ค. นี้

หลักสูตรวัคชีนชีวิตเพื่อสังคม ของสมาคมตำรวจร่วมกับภาคเอกชน ได้เปิดรับสมัคร รุ่น 2 แล้ว ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. ถึง 19 ธ.ค. นี้

หลักสูตรวัคซีนชีวิต สำหรับผู้บริหารชั้นสูงเพื่อสังคม รุ่นที่ 2 ของสมาคมตำรวจร่วมกับภาคเอกชน (Vaccine for Life and Social) ซึ่งเปิดรับสมัคร จำนวน 150 คน ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน -19 ธันวาคม 2568 นี้

คุณสมบัติผู้สมัครเข้ารับการอบรม: ข้าราชการระดับสูงในหน่วยงานของรัฐ: นักการเมือง สส. , สว. และนักการเมืองท้องถิ่น: เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ มียศตั้งแต่พลตรีพลเรือตรี พลอากาศตรีและพลตำรวจตรี ขึ้นไป: ข้าราชการพลเรือนระดับซี 9 ขึ้นไป: ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน: เจ้าของกิจการส่วนตัว

ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการอบรม: ภายในวันที่ 29 ธันวาคม 2568

ค่าใช้จ่ายการเรียนและดูงานภายในประเทศตลอดหลักสูตร 160,000บาท (รวมค่าใช้จ่ายศึกษาดูงานในประเทศทั้ง 4 ภาค 4 ครั้ง และปฐมนิเทศรับน้องต่างจังหวัดเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง รวมเป็น 5 ครั้ง) รวมถึงการศึกษาดูงานหน่วยงานราชการตำรวจและภาคเอกชนสำหรับดูงานต่างประเทศ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ทวีปยุโรป กับทวีปเอเซีย(ในส่วนนี้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถเลือกได้และจะต้องรับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายในการดูงานเอง)

สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว กรุณาชำระเงินภายในวันที่ 9 มกราคม 2569 เพื่อเป็นการยืนยันสิทธิ์

เริ่มการอบรมสูตร: ระหว่างวันที่ 17 มกราคม – 30 มิถุนายน 2569 ประมาณ 5 เดือน เรียนทุกวันเสาร์ (รวม 22 ครั้ง)

สถานที่จัดอบรม: ณ สโมสรตำรวจ กรุงเทพฯ หรือสถานที่อื่น ตามความเหมาะสม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: สมาคมตำรวจหรือ สำนักงานเลขานุการหลักสูตร คุณแพรวพรรณ โทร.085-122-4469 คุณฐานิกา โทร.086-795-1097หรือ E-mail : lifevaccine.social@gmail.com

ผู้สนใจสามารถกรอกข้อมูลลงทะเบียน https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSd79J0l_DhJGr_So5KeXJwzfGgpWgLoTrbPZD2clbDjyJ4GjQ/viewform

กทม. – นครเจิ้งโจว หารือความร่วมมือด้านต่าง ๆ พร้อมแนวทางพัฒนาความสัมพันธ์สู่เมืองพี่เมืองน้อง

(17 ธ.ค. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้การต้อนรับ นายเฉิน หงเหว่ย (Mr. Chen Hongwei) รองนายกเทศมนตรีนครเจิ้งโจว และคณะผู้แทนเขตนครเจิ้งโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ห้องอมรพิมาน ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เข้าเยี่ยมคารวะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในโอกาสเยือนกรุงเทพมหานคร พร้อมหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครกับนครเจิ้งโจวอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การจัดการเมือง การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และอาชีวศึกษา รวมถึงหารือถึงการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างเมือง

โอกาสนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้กล่าวต้อนรับรองนายกเทศมนตรีนครเจิ้งโจวและคณะ ซึ่งที่ผ่านมากรุงเทพมหานครมีความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องกับประเทศจีน จำนวน 11 เมือง การมาเยือนของรองนายกเทศมนตรีนครเจิ้งโจวในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างกรุงเทพมหานครและนครเจิ้งโจวในอนาคตได้ ที่ผ่านมาตนเคยไปเยือนซัวเถา และเซินเจิ้น มีความประทับใจในความก้าวหน้าของประเทศจีนเป็นอย่างมาก ทั้งแง่ด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และความเป็นอยู่ของผู้คน โดยเฉพาะนครเจิ้งโจวมีการพัฒนาที่เข้มแข็งทั้งด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม เป็นสิ่งที่ประเทศไทยสามารถเรียนรู้ได้ เพราะพื้นฐานของไทยเป็นเกษตรกรรมแต่ก็ต้องพัฒนาด้านอุตสาหกรรมให้เข้มแข็งขึ้นด้วย เชื่อว่าในการมาเยือนครั้งนี้จะมีประโยชน์และน่าจะพัฒนาความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้ ซึ่งการมีสายการบินตรงจากนครเจิ้งโจวมากรุงเทพมหานครน่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากเรื่องของเทคโนโลยี การเชื่อมโยงระหว่างคนก็เป็นเรื่องสำคัญ เช่น ศิลปะ วัฒนธรรม ถ้ามีโครงการในอนาคตจะทำให้ 2 เมืองมีความแน่นแฟ้นขึ้น โดยจะมอบหมายให้คณะทำงานลองทำงานร่วมกันในลักษณะเหมือนข้อตกลงก่อน เช่น แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม อาจมีการเชิญชวนนครเจิ้งโจวมาจัดนิทรรศการแนะนำนครเจิ้งโจวให้ชาวกรุงเทพฯ ได้รู้จักนครเจิ้งโจวมากขึ้น มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนบ้าง ก็จะเกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกัน แล้วพัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง เพราะความสัมพันธ์และการเชื่อมโยงระหว่างกันมีอยู่แล้ว หวังว่าการมาเยือนในครั้งนี้จะพัฒนาไปสู่การเป็นเมืองพี่เมืองน้องในอนาคตได้ ซึ่งจะมีการประสานในรายละเอียดต่อไป ส่วนนักลงทุนจากนครเจิ้งโจวที่อยู่ที่กรุงเทพฯ กรุงเทพมหานครยินดีให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง

ด้านรองนายกเทศมนตรีนครเจิ้งโจว กล่าวว่า นครเจิ้งโจวมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะสานสัมพันธ์ระหว่างนครเจิ้งโจวและกรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองพี่เมืองน้องต่อไป พร้อมกันนี้ได้เชิญชวนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและคณะเดินทางเยือนนครเจิ้งโจว

โอกาสนี้ นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับรองนายกเทศมนตรีนครเจิ้งโจว และคณะผู้แทนเขตนครเจิ้งโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบด้วย นางสาวหวัง ซู่เหมย ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคม นครเจิ้งโจว นางสาวซ่ง เส้าตาน ผู้อำนวยการสำนักสถิติ นครเจิ้งโจว เจ้าหน้าที่นครเจิ้งโจว และนักลงทุนจากนครเจิ้งโจว โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้มอบชุดจานโชว์เบญจรงค์ ขนาด 9 นิ้ว จำนวน 1 ชุด เป็นของที่ระลึก

ทีมยัดห่วงหญิงไทยสุดเจ๋ง!! คว้าชัย 2 นัดรวด เข้ารอบตัดเชือก ซีเกมส์

กรุงเทพฯ วันที่ 17 ธ.ค. ทีมบาสเกตบอลหญิงทีมชาติไทย ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 หลังเก็บชัยชนะ 2 นัดติดต่อกัน คว้าอันดับ 1 ของกลุ่มได้สำเร็จ พร้อมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ โดยจะเข้าไปยืนรอพบกับผู้ชนะระหว่างทีมชาติมาเลเซียและทีมชาติเวียดนาม หลังจบการแข่งขัน ไมช่า โปปาดิช (Misa Popadic) หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมบาสเกตบอลหญิงทีมชาติไทย ให้สัมภาษณ์แสดงความพอใจในผลงานของลูกทีม พร้อมชื่นชมถึงวินัยและทัศนคติในการเล่น

 “ผมภูมิใจในตัวนักกีฬาทุกคนมาก เด็กๆ เล่นด้วยวินัยสูง ทำตามแผนที่ซ้อมมาอย่างเคร่งครัด และช่วยกันเล่นเป็นทีม นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดในเกมระดับนานาชาติ”

โค้ชมิช่ายังกล่าวถึงศักยภาพของนักกีฬาหญิงไทยในระยะยาว โดยมองว่าหลายคนสามารถก้าวไปสู่เวทีที่สูงกว่านี้ได้  “จากที่ผมเห็น มีนักกีฬาหลายคนที่มีคุณภาพ ทั้งพื้นฐาน ทัศนคติ และความมุ่งมั่น หากได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และได้สัมผัสระบบการแข่งขันที่เข้มข้น ผมเชื่อว่านักกีฬาบางคนมีโอกาสไปเล่นในยุโรปได้จริง”

พร้อมกันนี้ โค้ชไมช่ายังย้ำถึงเป้าหมายในรอบต่อไปว่า ทีมจะไม่ประมาทคู่แข่ง และจะโฟกัสที่การพัฒนาฟอร์มการเล่นของตัวเองเป็นหลัก  “ไม่ว่าเราจะเจอกับใคร สิ่งสำคัญคือการเล่นตามมาตรฐานของเราเอง และยกระดับเกมให้ดียิ่งขึ้นในทุกนัด”

ศรัทธาถูกฉวยโอกาส! ตม.1 จับสึกพระกัมพูชาลอบเข้าเมือง สวมจีวรตระเวนบิณฑบาตกลางกรุง​ !!

ตม.1 ร่วมสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สนธิกำลังเข้ม จับพระกัมพูชาหลบหนีเข้าเมือง สวมจีวรออกบิณฑบาตในพื้นที่สาธารณะ เข้าข่ายฉวยโอกาสจากความศรัทธาประชาชน ก่อนทำพิธีสึกและส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ย้ำช่วงสถานการณ์ชายแดนตึงเครียด เพิ่มการเฝ้าระวังต่างด้าวแฝงตัวสร้างสถานการณ์

ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบช.ศ. ปฏิบัติราชการ สตม., พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ ผกก.สืบสวน บก.ตม.1, พ.ต.ท.ยศธน กระบิน รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ที่กำชับให้ยกระดับตรวจเข้มต่างชาติ ในช่วงเวลานี้ มีรายงานเหตุปะทะประปรายตามแนวชายแดน เจ้าหน้าที่จึงได้ เพิ่มระดับการเฝ้าระวังพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมือง การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และลดความเสี่ยงที่สถานการณ์ชายแดนจะถูกใช้เป็นช่องทางในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.68 เวลา 06.00 น. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และชุดปฎิบัติการธนบุรี กก.สืบสวน บก.ตม.1 นำโดย พ.ต.ต.ภัทรโชติ ฉัตรทวีศักดิ์ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 พร้อมชุดปฏิบัติการ ได้ทำการสืบสวนหาข่าวพบคนต่างด้าว มีพฤติกรรมแต่งกายคล้ายพระภิกษุ ออกบิณฑบาตในพื้นที่สาธารณะ โดยมีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นการแสวงหาประโยชน์จากศรัทธาประชาชน และอาจสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นคนต่างด้าวดังกล่าวมีสัญชาติกัมพูชา ไม่มีเอกสารอนุญาตประจำตัว และเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวมายังวัดวิสุทธาราม หรือวัดน้อย โดยมีพระครูปรีชาวุฒิกร เจ้าคณะเขตบางบอนและพระปลัดชัยมงคล คุตฺตสีโล เจ้าคณะแขวงบางบอน เป็นผู้สอบปากคำเบื้องต้น ก่อนทำพิธีสึกพระต่างด้าวทั้งสองรูปตามขั้นตอน เพื่อส่งดำเนินการตรวจสอบสถานะบุคคล และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียนดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองต่อไป

เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวน บก.ตม.1 ขอเน้นย้ำว่า คนต่างด้าวแต่งกายเลียนแบบพระภิกษุ หรือเป็นพระภิกษุ แต่ออกบิณฑบาตหรือเรี่ยไรเพื่อรับเงินหรือสิ่งของจากประชาชน เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและบ่อนทำลายความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพระพุทธศาสนา หากประชาชนพบเห็นพฤติการณ์ลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สำนักงานพระพุทธศาสนา เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ มีรายงานเหตุปะทะตามแนวชายแดน

เจ้าหน้าที่สืบสวนกองกำกับการสืบสวน บก.ตม.1 จึงได้เพิ่มระดับการเฝ้าระวังพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมือง การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และลดความเสี่ยงของกลุ่มบุคคลต่างด้าวที่อาจจะเข้ามาเพื่อสร้างสถานการณ์ ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียดอยู่ในขณะนี้

“อัครา” ห่วงใยกลุ่มเปราะบาง-ปชช. ชายแดนไทย-กัมพูชา ส่ง ทีม พม.ใกล้คุณจังหวัด เร่งช่วยเหลือ เยียวยาจิตใจ

วันที่ 17 ธันวาคม 2568 นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ตามที่ ตนได้กำชับให้หน่วยงานทีม พม.ใกล้คุณจังหวัด ที่ประสบภัยจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา เร่งลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือดูแลกลุ่มเปราะบาง อาทิ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีความเปราะบางมากที่สุด และต้องได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ (ศบปภ.) กระทรวง พม. ว่า ทีม พม.ใกล้คุณ จังหวัดสระแก้ว ได้เร่งให้ความช่วยเหลือดูแลกลุ่มเปราะบางและประชาชนที่ประสบภัย ซึ่งอพยพเข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว จังหวัดสระแก้ว โดยเก็บข้อมูลครัวเรือนเปราะบาง คัดกรองกลุ่มเปราะบาง และสำรวจความต้องการช่วยเหลือตามสิทธิสวัสดิการสังคมของกระทรวง พม. , ออกหน่วยเคลื่อนที่ให้บริการตัดผม ร่วมกับอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) จังหวัดสระแก้ว และจัดกิจกรรมดูแลเยียวยาจิตใจ กิจกรรมนันทนาการ สร้างความผ่อนคลายความเครียด ลดความกังวล ให้กับเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ และประชาชน อาทิ การร้องเพลงประกอบจังหวะ การวาดภาพระบายสี ฐานการเรียนรู้ และการออกกำลังกาย นอกจากนี้ ทีม พม.ใกล้คุณ จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย -กัมพูชา พร้อมรายงานปัญหาอุปสรรค และร่วมกันแนวทางการดำเนินงานช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่อง

นายอัครา กล่าวว่า สำหรับพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ นั้น ทีม พม.ใกล้คุณ จังหวัดสุรินทร์ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ปฏิบัติการเชิงรุกในศูนย์พักพิงชั่วคราว หลายแห่งที่ทางจังหวัดจัดตั้งขึ้น เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือดูแลกลุ่มเปราะบางและประชาชนที่ประสบภัย ได้แก่ การมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น อาทิ สิ่งของสนับสนุนจาก UNICEF สำหรับเด็กแรกเกิด -1 ปี , ชุดของใช้เด็ก (Baby Kit) และชุดสุขอนามัย (Hygiene Kit) , การเยียวยาสภาพจิตใจ , การสอบข้อเท็จจริงเพื่อมอบเงินสงเคราะห์สำหรับกลุ่มเปราะบาง และการจัดกิจกรรมนันทนาการเพื่อผ่อนคลายความเครียด อาทิ การบริการเพ้นท์เล็บและทาสีเล็บ การวาดรูประบายสี การเล่นเกมการศึกษาสำหรับเด็ก นอกจากนี้ ทีม พม.ใกล้คุณ จังหวัดสุรินทร์ ได้สอบถามความต้องการสิ่งของจำเป็นเร่งด่วน พบว่า ในพื้นที่ยังขาดแคลนผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ และนมกล่องรสจืด จำนวนมาก ซึ่งจะได้ประสานกระทรวง พม. และเครือข่ายท้องถิ่น เพื่อขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมต่อไป

นายอัครา กล่าวว่า สำหรับพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น ทีม พม.ใกล้คุณ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เร่งให้ความช่วยเหลือดูแลกลุ่มเปราะบางและประชาชนที่ประสบภัยในศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยพิจารณาจ่ายเงินสงเคราะห์กรณีฉุกเฉิน , ให้คำแนะนำปรึกษาเรื่องสิทธิสวัสดิการสังคมของรัฐตามภารกิจกระทรวง พม. , เยียวยาจิตใจสร้างขวัญกำลังใจ , คัดกรองกลุ่มเปราะบางและสอบถามความต้องการช่วยเหลือเร่งด่วน , ร่วมประสานการจัดหาสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับกลุ่มเปราะบาง , จัดกิจกรรมนันทนาการและกิจกรรมเรียนรู้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และจิตอาสา อาทิ การร้อยลูกปัด เล่นเกม วาดภาพ ระบายสีตุ๊กตาปูนพลาสเตอร์ เล่านิทาน เล่นบัตรคำ ร้องเพลง และเล่นดนตรี เพื่อสร้างความผ่อนคลายความเครียด ลดความกังวล และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และตั้งครัว พม. บุรีรัมย์ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ร่วมกับภาคีเครือข่าย

อย่างไรก็ตาม กระทรวง พม. ขอส่งกำลังใจ และความห่วงใยกลุ่มเปราะบางและประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา และขอให้ทุกท่านปลอดภัยและสถานการณ์คลี่คลายคืนสู่ความสงบโดยเร็ว หากต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ติดต่อ “พม.ใกล้คุณ” พร้อมเคียงข้างคุณ โทร. 1300 สายด่วน พม. ตลอด 24 ชั่วโมง