เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2563 ที่ สภ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบช.ประจา ผบ.ตร.และรอง ผอ.ศปชก.ตร.ได้แถลงว่า ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้า เมืองโดยผิดกฎหมาย หรือ “ศปชก.ตร.”ที่มี พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.เป็นผู้อานวยการ ศูนย์ฯได้สั่งการให้สืบสวนหาข่าวติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลผู้กระทาความผิดตลอดมา

ต่อมาจาก วิกฤตสถานการณ์โควิดซึ่งมีการแพร่ระบาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และทางรัฐบาลโดย ศคบ.ได้ กาหนดมาตรการปิดด่านเข้าออกประเทศทั้งหมด ทาให้สถานการณ์ในประเทศดีขึ้น ประเทศไทยปราศจากตัวเลขผู้ติดเชื้อ ภายในประเทศมาเป็นเวลาเกือบสองเดือน คงมีแต่ผู้มีสัญชาติไทยที่มีสิทธิและประสงค์จะเดินเข้าประเทศซึ่งมีการตรวจพบเชื้อ และถูกกักตัวอยู่ใน state quarantine (สถานที่กักกันโรคของรัฐ) เท่านั้น แต่ด้วยสถานการณ์ในประเทศที่ดีขึ้น ทาให้ทิศทางด้าน เศรษฐกิจดีมีการจ้างงานมากขึ้น ทาให้เกิดภาวะความต้องการในตลาดแรงงาน จึงมีการลักลอบขนคนงานจากประเทศที่มี พรมแดนติดประเทศเพื่อเข้ามาทางานตอบสนองความต้องการของตลาด และเหตุผลดังกล่าวรัฐบาลได้ตระหนักถึงสถานการณ์ ดังกล่าวและเป็นห่วงว่าอาจเกิดการแพร่ระบาดของโรครอบสองขึ้นจากกลุ่มแรงงาน จึงได้กำชับให้สำนักงานตารวจแห่งชาติเร่งรัด ปราบปรามขบวนการดังกล่าวโดยเคร่งครัด

จากมาตรการดังกล่าว ศปชก.ตร.ได้รับทราบแนวทางและเล็งเห็นความสาคัญ จึงได้สืบสวนหาข่าวจนทราบพฤติการณ์ว่า กลุ่มขบวนการดังกล่าวเกิดจากแรงงานประเทศเพื่อนบ้านที่เคยทางานในประเทศและอยากจะกลับมาทางานในประเทศไทยอีก ครั้ง ได้ติดต่อกับนายหน้าต่างชาติเพื่อให้ช่วยหาวิธีลักลอบการตรวจตราตามแนวชายแดนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ชายแดนไทย กัมพูชา ระยะทางกว่า 500 กม.) ภายหลังจากการติดต่อนายหน้าต่างชาติก็จะประสานกับนายหน้าฝั่งไทย และหาช่องทาง ธรรมชาติหลบหนีเข้ามาในจังหวัดชายแดน เช่น อ.ตาพระยา อ.อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ต่อมาจึงได้ลาเลียงเข้ามาพักไว้ที่เขต พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราก่อนที่จะกระจายไปส่งยังจุดต่างๆ ในพื้นที่ชั้นใน โดยนายหน้าฝั่งไทยจะว่าจ้างรถรับจ้างมารับแรงงานเพื่อ นาส่งตามจุดหมายปลายทางที่แรงงานจะไปทางานอีกชั้นหนึ่ง จากข้อมูลดังกล่าวจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและวาง แผนการจับกุม

โดยมี พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา, พ.ต.อ.โสฬส เอี่ยมสะอาด รอง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา, พ.ต.อ.ชาติ งานพิทักษ์ ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ร่วมกับ กอรมน.จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อม ด้วย พ.อ.เฉลิม เนียมช่วย รอง ผอ.กอรมน.และฝ่ายปกครองจังหวัด ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศปชก.ตร.นำโดย พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบก.ทว.สพฐ.,ได้ประสานการปฏิบัติกับสานักงานตรวจคนเข้าเมือง และ ตารวจภูธรภาค 1 วางแผนจับกุมโดยได้ส่งคนไปซุ่มสังเกตการณ์ในเขตพื้นที่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา จนกระทั่งเวลาประมาณ 5.00 น.ของ วันเดียวกันได้สังเกตเห็นรถยนต์เป้าหมาย จานวน 1 คัน ขับเข้ามาในบริเวณดังกล่าวจึงได้สะกดรอยติดตาม เมื่อไปถึงบริเวณที่เกิด เหตุพบกลุ่มผู้ต้องหาคือ นายชวลิต ผดุงเวช กับพวก และแรงงานต่างด้าว เกือบ 100 คน พร้อมด้วยรถยนต์ที่จะนาส่งแรงงานอีก 4 คัน จอดอยู่ในบริเวณดังกล่าว จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตารวจสอบถามให้การรับสารภาพว่า นายชวลิตฯ ทาหน้าที่เป็นผู้รับ แรงงานต่างด้าวซึ่งหลบหนีเข้าเมืองจากจังหวัดสระแก้ว แล้วลักลอบนาเข้ามาในจุดดังกล่าว ก่อนที่จะให้ผู้ต้องหาที่เหลือได้แก่

นายวิโรจน์ เขจรสาย, นายสุคล วงค์สุพรรณ์, นายองอาจ ทดทสี และนายณัฐพงษ์ ดอนสินพูล ซึ่งทาหน้าที่รับส่งคนงานเข้าสู่พื้นที่ ชั้นในอีกต่อหนึ่งเป็นผู้นาพาคนงานต่างด้าวไปส่งต่อไป ทั้งนี้จากการซักถาม นายชวลิตฯ รับว่าตนจะรับเงินค่าหัวแรงงานต่างด้าว มาหัวละ 1,000 บาท ก่อนที่จะมาแบ่งให้กับคนขับรถแต่ละคันหัวละ 300 บาท ในส่วนของแรงงานต่างด้าวรับว่าเสียค่าจ้าง ให้กับนายหน้าต่างชาติในการนาเข้ามาประมาณ 3,000-4,000 บาท

,รายละเอียดอยู่ระหว่างการขยายผลชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้ง5 ราย 1ได้แก่นายชวลิต ผดุงเวช 2.นายวิโรจน์ เขจรสาย 3.นายสุคล วงค์สุพรรณ์ 4.นายองอาจ ทดทสุ 5.นายณัฐพงษ์ ดอนสินพูล

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”และแจ้งข้อกล่าวหาแรงงานต่างด้าว จานวนประมาณ 88 คน ว่า “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคตามข้อกาหนดในมาตรา 9 ฉบับที่1 ข้อ 5 แห่งพระราชกาหนดการ บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ”พร้อมตรวจยึดรถยนต์ของกลาง จำนวน 5 คัน ได้แก่
1.รถยนต์กระบะอิซูซุ สีเทา ทะเบียนป้ายแดง ง-7475 กทม.
2.รถยนต์กระบะอิซูซุ สีดา ทะเบียน บล-4769 กาฬสินธุ์
3.รถยนต์กระบะนิสสัน สีดา ทะเบียน บล-9420 สุพรรณบุรี
4 .รถยนต์กระบะอิซูซุ สีดา ทะเบียน 1 ฒข-3471 กทม.
5.รถยนต์กระบะนิสสัน สีขาว ทะเบียน กล-6584 ระยอง
พร้อมโทรศัพท์มือถือและเอกสารอื่นๆ เพื่อขยายผลและออกหมายจับนายหน้าในกลุ่มขบวนการต่อไป