โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค กล่าวว่า งบประมาณที่กำลังจะผ่านสภา มีความสำคัญในการตรวจสอบ และต้องปรับงบประมาณให้เกิดความเหมาะสม เพราะทุกเม็ดเงินจะต้องไปตอบโจทย์การฟื้นฟูเศรษฐกิจได้จริง ซึ่งในการจัดงบประมาณ ปี 64 มองว่าจะมีปัญหา เพราะรัฐบาลจัดทำงบไม่มีความเหมาะสม ไม่มีการเตรียมพร้อมรองรับวิกฤติเศรษฐกิจ จัดงบประมาณอย่างไม่มีวิสัยทัศน์ จัดงบที่ไม่เตรียมพร้อมให้ประเทศมีศักยภาพในการแข่งขันหลังวิกฤติโควิด เพราะหลังวิกฤติโควิด เศรษฐกิจจะเกิดปัญหา กำลังซื้อทั่วโลกหดหาย เหลือแค่กำลังซื้อในประเทศ การจะเปิดประเทศต้องสร้างความมั่นใจด้านสาธารณสุข แต่รัฐบาลยังมองความมั่นคงด้านอาหาร การป้องกันประเทศ ไม่มองถึงด้านสาธารณสุข แม้รัฐบาลจะบอกว่างบประมาณของกระทรวงกลาโหมจะลดลง แต่เห็นว่ายังมีงบผูกพันที่ต้องดำเนินการ และในงบ ปี 64 ยังตั้งงบผูกพันในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อยู่ ซึ่งมองว่าเป็นงบที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้กับประชาชน รวมถึงการจัดงบรัฐบาลไม่คำนึงถึงภาระทางการคลัง โดยเฉพาะรายรับรองประเทศ แต่จัดงบที่เพิ่มภาระให้กับประเทศ และยังเห็นว่าการจัดงบประมาณ ปี 64 นี้ ส่อให้เกิดการทุจริต เพราะมีการจัดงบแบบซับซ้อนซ่อนเงื่อน เพื่อเปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้ ดังนั้นประชาชนจะต้องจับตาดูงบประมาณที่สูงถึง 8.5 ล้านล้านบาท ซึ่งรวมทั้งงบเงินกู้ งบประมาณ ปี63 และงบประมาณปี 64 รัฐบาลจะสามารถนำไปฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ประชาชนอยู่ดี กินดีได้หรือไม่
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรค กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการศึกษาเอกสารงบประมาณ ปี 64 แล้วเห็นว่า ส.ส. ของพรรคไม่ควรรับหลักการ ในวาระ 1 และให้ไปชักชวนพรรครัฐบาลร่วมไม่รับหลักการด้วย เพราะคิดว่าการจัดทำงบประมาณ ปี 64 ของรัฐบาลตั้งอยู่บนความประมาท อาจนำประเทศไปสู่ภาวะล้มละลายทางการคลัง และการจัดงบ ประมาณไม่สามารถรองรับภาระหนี้สาธารณะที่เกิดจากการทำงบประมาณ เพราะมีรายจ่ายประจำที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ถือเป็นการสร้างภาระ และลดความพร้อมในการกู้เงินมาชดเชยภาระการขาดดุลงบประมาณในอนาคตได้