โดยนายพิทักษ์ กล่าวว่า ตนยังมองด้วยว่ากิจการประเภทนวดแผนโบราณหรือนวดเพื่อสุขภาพไม่ได้มีความแตกต่างจากกิจการประเภทเสริมความงาม เพราะเป็นการดำเนินการเกี่ยวกับเรือนร่างของคนเหมือนกันซึ่งไม่เกี่ยวกับการทำใบหน้า แต่กิจการประเภทเสริมความงามกับได้รับการผ่อนปรน จึงได้มายื่นเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาปลดล็อคกิจการประเภทนวดแผนไทยหรือนวดเพื่อสุขภาพ
ทั้งนี้นายพิทักษ์กล่าวว่า ตนได้แนบรายชื่อผู้ประกอบการทั้งหมดที่มีกว่า 500 รายชื่อ ซึ่งในกรณีเงินเยียวยาของรัฐบาล 5,000 บาทนั้นถือว่าไม่พอในหลักของความเป็นจริงเนื่องจากผู้ประกอบการรวมถึงลูกจ้างนวดแผนโบราณหรือนวดเพื่อสุขภาพ ต้องใช้งบในการดูแลตัวเองระหว่างที่ไม่ได้ประกอบอาชีพรวมถึงการเสียค่าเช่าที่พักเป็นจำนวนมากตนจึงเชื่อว่าเงินเยียวยาที่รัฐบาลให้ 5,000 บาทนั้นไม่เพียงพอ