รวมทั้งภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ ตามลำดับ ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 31.4 ลดลงร้อยละ 5.8 จากเดือนก่อนหน้า ปัจจัยด้านลบส่วนใหญ่มาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังคงมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศ การใช้มาตรการล็อกดาวน์ในหลายจังหวัด การประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ภัยแล้ง และปัญหาว่างงาน เป็นต้นและจากสถานการณ์ขณะนี้ ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการหลายแห่ง ยังไม่ปลดพนักงาน เพราะสถานการณ์เริ่มดีขึ้นจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ทำให้อัตราคนว่างงานน่าจะไม่เกิน 3 ล้านคน จากเดิมที่หลายฝ่ายประเมินว่าอาจมีสูงถึง 7 ล้านคน โดยมาตรการคลายล็อกดาวน์ระยะแรก คาดว่าจะทำให้เม็ดเงินกลับมาในระบบเศรษฐกิจ60,000-90,000ล้านบาท แต่ถ้ารัฐบาลประกาศระยะที่ 2 ในช่วงกลางเดือนนี้ คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินกลับมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรวมเป็น 130,000- 150,000ล้านบาท
นอกจากนี้ หอการค้าไทยได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ต้องควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ให้เกิดการระบาดรอบที่ 2 ให้รัฐบาลเร่งมาตรการผ่อนปรนการเปิดกิจการ เพื่อไม่ให้ธุรกิจหยุดชะงักการผ่อนปรนล็อกดาวน์ในพื้นที่ มาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้ครอบคลุมประชาชนอย่างทั่วถึง มาตรการรองรับธุรกิจที่ต้องปิดกิจการ ส่งผลให้ต้องปลดพนักงานบางส่วนส่ง
รวมถึงแผนการจัดสรรดูแลแหล่งน้ำสำหรับเกษตรกร และอุปโภค-บริโภคให้กับประชาชนจากสถานการณ์ภัยแล้ง