15มีค.2563ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ ผบก.ทล., พ.ต.อ.วัฒนา แก้วดวงเทียน รอง ผบก.ทล, พ.ต.อ.มล.สันธิกร วรวรรณ รอง ผบก.ทล.
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจทางหลวง 2 กก.8 บก.ทล. นำโดย พ.ต.ท.ภคพล สุชล สารวัตรใหญ่ สถานีตำรวจทางหลวง 2 กก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.ฐิติวัฒน์ ชาญชัยจิรโรจน์ สว.สถานีตำรวจทางหลวงฯ, ร.ต.อ.อภิภพ กิจพฤกษ์ รอง สว.ฯ
ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายธีรพล เนียมสกุล อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.877/2562 ลงวันที่ 24 ธ.ค. 62 ต้องหาว่า “ยักยอก”
และตรวจสอบเพิ่มเติมพบอีก 1 หมายจับ เป็นหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 301/2561 ลงวันที่ 10 ต.ค.61 ต้องหาว่า “แต่งเครื่องแบบทหารโดยไม่มีสิทธิ์ฯและร่วมกันฉ้อโกง”
ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ตรวจสอบรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งซึ่งขับด้วยความเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ผ่านกล้องตรวจจับความเร็ว จึงได้ออกใบสั่งไปถึงผู้เสียหาย ต่อมาผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งว่าตนเองไม่ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าว แล้วเนื่องจากถูกผู้ต้องหายักยอกรถไป โดยได้แจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว และจากการซักถามได้ความว่า ผู้เสียหายได้ไปรู้จักกับผู้ต้องหาที่ร้านประดับยนต์แห่งหนึ่งหลังตลาดมีนบุรีเมื่อปลายปี 59 โดยผู้ต้องหาได้เข้ามาแนะนำตัวว่าตนเองเป็นทหารตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ จากนั้นจึงได้พูดคุยกันเรื่อยมา และอ้างว่าตนเองมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องรถ และมีพรรคพวกที่รู้จัก รับซื้อขายรถด้วย
ต่อมาผู้เสียหายต้องการขายรถเพื่อนำมาใช้หนี้ให้ครอบครัว จึงได้ปรึกษาผู้ต้องหา และเมื่อวันที่ 18 ส.ค.60 ผู้ต้องหาได้พาผู้เสียหายไปขายรถที่ร้านคาร์แคร์ของเพื่อนผู้ต้องหาแถว จว.สมุทรปราการ ในราคา 280,000 บาท จากนั้นได้แนะนำชักจูงให้ผู้เสียหายซื้อรถคันใหม่ (คันที่ถูกยักยอก) ไปจากเพื่อนของผู้ต้องหา ในราคาเดียวกันกับราคาที่ขายรถไป คือ 280,000บาท ผู้ต้องหาใจอ่อนจึงยอมซื้อ โดยทำสัญญาซื้อขายในวันนั้นเลย
หลังจากได้รถมาเมื่อผู้เสียหายใช้ได้ประมาณ 5 เดือน รถคันดังกล่าวเกิดเสียไม่สามารถใช้การได้ จึงแจ้งให้ผู้ต้องหาทราบ ผู้ต้องหาจึงนำรถไปซ่อมให้ จากนั้นผู้เสียหายก็ไม่ได้รับรถคืนอีกเลยและไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้อีก ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ฉลองกรุง ดำเนินคดี
จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทราบอีกว่า ผู้ต้องหายังมีหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ข้อหาแต่งเครื่องแบบทหารโดยไม่มีสิทธิ์ฯและร่วมกันฉ้อโกง สืบเนื่องจากประมาณ เดือนกันยายน 2557 ผู้ต้องหากับพวกได้เข้าไปหลอกลวงผู้เสียหายที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ว่าตนเองกับพวกสามารถทำให้โครงการผนังกั้นน้ำในหมู่บ้านอนุมัติผ่านได้ แต่ต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งในวันนั้นผู้ต้องหาได้เเต่งเครื่องแบบทหารเรือไปด้วย ทำให้กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อใจ จึงจ่ายค่าดำเนินการไปให้จำนวนนึง แต่ต่อมาโครงการไม่คืบหน้าและไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้จึงเข้าแจ้งความกับ พงส.สภ.พนมไพร จว.ร้อยเอ็ด ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา
จนกระทั่งวันที่ 14 มี.ค.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบ พบผู้ต้องหา เดินอยู่ภายในซอยร่มเกล้า 24 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม.จึงได้ทำการจับกุมตัวส่ง พงส.สน.ฉลองกรุง ดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา