ผบ.ตร. นำทีมสืบสวนติดตาม อดีตนักการเมือง เมื่อวันที่ 23 ก.พ.63 ผบ.ตร., ทีมหนุมานกองปราบ, ชุดสืบสวนกองปราบปราม ประสานกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจนครบาล, ตำรวจน้ำ, เจ้าหน้าที่ พฐ.ตร. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. ลงพื้นที่ร่วมกันจับกุม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 57 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 221/2563 ลง 19 ก.พ.63 ข้อหา “ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานฯ, เป็นซ่องโจรฯ และเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่โดยหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดฯ”, นายมานัส (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปีตามหมายจับศาลอาญา ที่ 222/2563 ลง 19 ก.พ.63 ข้อหา “ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานฯ, เป็นซ่องโจรฯ และเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่โดยหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดฯ”,นายณรงศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 223/2563 ลง 19 ก.พ.63 ข้อหา “ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานฯ, เป็นซ่องโจรฯ และเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่โดยหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดฯ”
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 4 ก.พ.63 น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า นายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชายของตนถูกกลุ่มคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดลักพาตัวไป โดยคนร้ายได้ข่มขู่ว่าจะกักตัวนายวีรชัยฯ ไว้ จนกว่า น.ส.พนิดาฯ จะพิพากษายกฟ้องและคืนหุ้นทั้งหมดในคดีที่ พ.ต.ท.บรรยินฯ กับพวก ตกเป็นจำเลยในความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่การที่ตนได้กระทำความผิดเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้” และหาก น.ส.พนิดาฯ ไม่ทำตามจะทำให้พี่ชายของ น.ส.พนิดาฯ หายตัวไป (ฆาตรกรรม)
ซึ่งในส่วนของคดีที่ พ.ต.ท.บรรยินฯ ตกเป็นจำเลยนั้น สืบเนื่องมาจากการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนกับต้นไม้ริมทาง ที่บริเวณ ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. โดยมี พ.ต.ท.บรรยินฯ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งทางญาติของนายชูวงษ์ฯ ตั้งข้อสังเกตว่าการตายของนายชูวงษ์ฯ น่าจะเป็นการจัดฉาก และยังตรวจสอบพบว่าก่อนนายชูวงษ์ฯ เสียชีวิต หุ้นของนายชูวงษ์ถูกโอนไปยังบัญชีของผู้หญิง 2 รายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.บรรยินฯ โดยมีมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท ทางญาติของนายชูวงษ์ฯ จึงได้ร้องเรียนไปยังสำนักตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอโอนคดีให้กองปราบปรามเข้ามาดำเนินการ ซึ่งในขั้นตอนกระบวนการพิจารณาคดีของศาล พ.ต.ท.บรรยินฯ ได้ยื่นขอประกันตัว และจะต้องเข้ารับฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 มี.ค.63 จึงเป็นเหตุเชื่อได้ว่าการหายตัวไปของพี่ชาย น.ส.พนิดาฯ ผู้พิพากษาในคดีนี้ พ.ต.ท.บรรยินฯ เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ต่อมาวันที่ 19 ก.พ.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนคดี ได้รวบรวมพยานหลักฐานประกอบกับการตรวจสอบข้อมูลกล้องวงจรปิด ตรวจสอบข้อมูลการติดต่อสื่อสาร ตรวจสอบข้อมูลการใช้รถ จนทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุดังกล่าว จึงได้ขออนุญาตศาลอาญาเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมด พยานผู้เกี่ยวข้อง และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทางคดี เพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป