นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมพูดคุยในรายการ ต้องถาม ทางสถานีโทรทัศน์ฟ้าวันใหม่ ดำเนินรายการโดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ต่อที่มาของการมีระบบการเมืองอาชีพว่า ตนเชื่อในระบบที่มีการเมืองอาชีพ และนักการเมืองอาชีพ โดยเห็นว่าในประเทศที่พัฒนาระบบการเมืองมา ไม่เฉพาะแต่ประเทศประชาธิปไตย แม้แต่ประเทศจีนที่คนทำงานการเมืองในพรรคคอมมิวนิสต์ เขาจะต้องทุ่มเทให้กับงานการเมืองเต็มเวลา เรียนรู้ทักษะต่างๆ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่างานการเมืองนี้ต้องศึกษาตั้งแต่เรื่องของปัญหาของประเทศชาติ ประชาชน ซึ่งกระบวนการนี้ต้องรับฟังข้อมูล ทั้งจากข้อมูลราชการ ทั้งจากการสัมผัสกับประชาชนเอง และต้องเรียนรู้ว่านโยบาย วิธีการแก้ปัญหานั้น จะต้องทำอย่างไร เรียนรู้เรื่องการรับกับความเปลี่ยนแปลง มองไปอนาคตว่าจะต้องเตรียมในเรื่องของนโยบายสาธารณะ รองรับความเปลี่ยนแปลงอย่างไร และจะต้องเข้าใจทั้งเรื่องของกฎหมาย ขั้นตอนของราชการ เพราะลำพังการที่จะรู้ว่านโยบายเป็นอย่างไรแล้ว แต่ว่าถ้าไม่เข้าใจสายสนกลในขั้นตอนการปฏิบัติกฎหมายต่างๆ ก็อาจจะไม่สามารถที่จะผลักดันได้
โดยในความเห็นของนายอภิสิทธิ์มองว่ามันก็เป็นทักษะเฉพาะของอาชีพการเมือง แต่ในอดีตที่ผ่านมา เราไม่ได้สนับสนุนกลไกการเมืองอาชีพแบบต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 1. พรรคการเมืองไม่มีความเข้มแข็งเท่าที่ควร 2. สังคมรู้สึกว่าอาชีพนักการเมืองนั้น เหมือนกับไม่ใช่อาชีพเสียทีเดียว ใครอยากจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็เข้ามาได้ และบางครั้งก็คิดว่าคนนอกเข้ามาก็ได้ประโยชน์ส่วนนึง ทั้งนี้ก็มองว่าหากจะมีนักการเมืองไซด์ไลน์ ก็น่าจะหมายถึงผู้ที่ไม่ใช่สนใจในการทำงานการเมือง แต่เอาการเมืองไปตอบสนองเป้าหมายอื่น เช่นมีธุรกิจอื่นอยู่ มีผลประโยชน์อยู่ แล้วเพียงแต่ต้องการที่จะเอาอำนาจ ตำแหน่งทางการเมืองมาสนับสนุน มาเอื้อประโยชน์นั้น แม้จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ใจกับเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่งานการเมือง กลับกลายเป็นไปทำเรื่องเหล่านั้น ซึ่งวิกฤติการเมืองที่มักจะพูดกันนี้ หลายคนมองว่าพวกนักการเมืองอาชีพเป็นตัวปัญหา แต่ตนกลับมองว่านักการเมืองที่สร้างความเสียหายส่วนใหญ่ไม่ได้มีลักษณะของนักการเมืองอาชีพ
“ในอดีตนั้นเราไม่เคยมีหรอก ความคิดของนักการเมืองที่เติบโตมากับการเมืองว่า ใครไม่เลือก ไม่ทำงานให้ เราไม่เคยมีความเชื่อกันว่า ใครมีอำนาจแล้วต้องไปยึดกุมทุกอย่าง สื่อมวลชน กลไกราชการ แทรกแซงตรงนั้นตรงนี้ เพราะลักษณะนั้นเป็นลักษณะการคิดที่ไม่ใช่วัฒนธรรมทางการเมือง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
โดยนายอภิสิทธิ์ได้แยกประเภทของนักการเมืองไซด์ไลน์เอาไว้ 2 ประเภท ประเภทแรกในยามปกติจะมีนักการเมืองที่แอบแฝง เป็นนักหากินกับระบอบประชาธิปไตย คิดแต่ว่าประชาธิปไตยนั้นเป็นทางผ่าน เพื่อให้เข้าสู่อำนาจ ประเภทที่ 2 ในสถานการณ์ปัจจุบันเรามีการรัฐประหาร เพราะฉะนั้นคนที่มาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งในที่นี้ก็จะประกอบไปด้วยคณะรัฐมนตรี ประกอบไปด้วยสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และอาจจะมีกลไกอื่นๆ ซึ่งถือได้ว่าเป็นตำแหน่งการเมืองก่อนหน้านี้ เช่น สภาปฏิรูปอะไรต่างๆ
“พบความเป็นจริงว่า 1. หลายคนก็กลายเป็นไซด์ไลน์ เพราะยังมีตำแหน่งประจำ ทั้งในภาคราชการ ทั้งในภาคธุรกิจ และ 2. ผมก็พบปะกับผู้คนเหล่านี้จำนวนมาก จะไม่ค่อยยอมรับว่าตัวเองเป็นนักการเมือง อ้างว่า ผมไม่ได้เป็นนะนักการเมือง ผมเข้ามาเพื่ออะไรก็แล้วแต่ ชั่วคราว ช่วยงานกัน ยังไม่ยอมรับที่จะเป็นนักการเมือง แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่นะครับ เพราะท่านพูดแล้วว่าท่านเป็นนักการเมือง” นายอภิสิทธิ์กล่าว