หน้าแรกการเมือง'พระสุวิทย์' ฟ้อง 'กลุ่มสมาคมพระพุทธศาสนา' หลังโดนสมาคมฯ ประกาศขับไล่ออกจากหมู่สงฆ์

‘พระสุวิทย์’ ฟ้อง ‘กลุ่มสมาคมพระพุทธศาสนา’ หลังโดนสมาคมฯ ประกาศขับไล่ออกจากหมู่สงฆ์

พระสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม อดีตหนึ่งในแกนนำ กปปส. โพสต์ข้อความเฟสบุ๊คส่วนตัว ‘หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)‘ กล่าวถึงประเด็นที่ พระพุทธะอิสระ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พระเมธีธรรมาจารย์ หรือ เจ้าคุณประสาร จันทสาโร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ,นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.),พระอธิการฉัตรชัย อธิจิตโต ประธานองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนากลุ่มพระสงฆ์ภาคใต้ และพระปลัดนรุตม์ชัย อภินันโท เลขาธิการองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนากลุ่มพระสงฆ์ภาคใต้ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 และ 328 โดยกลุ่มจำเลยประกาศจะขับไล่ พระพุทธอิสระออกจากหมู่สงฆ์ด้วยการประกาศอุกเขปนียกรรมด้วยการวางเฉย ไม่ร่วมสังฆกรรมด้วยที่เป็นวิธีการลงโทษกับสงฆ์ผู้ต้องอาบัติแต่ไม่ยอมรับอาบัติ และยังได้ชักชวนเจ้าคณะปกครอง กระทำการอันมิชอบต่อโจทก์ด้วย

พระพุทธะอิสระ กล่าวว่า ที่ฟ้องหาใช่เพราะไร้เมตตา แต่เพราะอยากสอนให้รู้ว่า อย่าบังอาจทำให้พระธรรมวินัยวิปริต วันนี้ต้องเดินทางไปศาลอาญารัชดาแต่เช้า เพราะศาลท่านนัดสืบคำฟ้องในคดีที่พุทธะอิสระฟ้องเจ้าคุณประสารและพวก ที่บังอาจสมคบกันลงอุกเขปนียกรรมเถื่อน (คือการตัดสิทธิ์การร่วมสมาคมด้วย) แก่พุทธะอิสระ ทั้งที่ตามหลักพระธรรมวินัยและกฎนิคหกรรมแล้ว คนพวกนี้เขาไม่มีสิทธิ์ แต่จักมีสิทธิ์ลงอุกเขปนียกรรมและนิคหกรรมต่อพุทธะอิสระได้หรือไม่ ก็คงต้องรอฟังคำพิพากษาของศาลท่าน

พระพุทธะอิสระกล่าวต่อว่า เหตุที่ต้องฟ้องก็เพราะต้องการจะสอนให้เจ้าคุณประสานและพวกได้สำนึกว่า อย่าบังอาจใช้พระธรรมวินัยมาสนองตัณหาตนเองโดยกลั่นแกล้ง รังแกผู้ที่ตนไม่ชอบด้วยคิดว่าตนมีพวกมาก อยากทำอะไรกับใครก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง อีกทั้งต้องการให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานแก่สังฆมณฑลในกาลข้างหน้า ต่อวิธีปฏิบัติตามหลักอุกเขปนียกรรมและกฎนิคหกรรม วันข้างหน้าภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย จักได้ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติสืบไป วันนี้มีจำเลยมาศาลแค่ 3 คน คือ นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ จำเลยที่ 2 พระอธิการฉัตรชัย อธิจิตโต และ พระปลัดนรุตม์ชัย อภินันโท จำเลยที่ 3 และ 4 บรรยากาศในศาลวันนี้ ศาลท่านปรารภว่า คดีนี้น่าจะพูดคุยกันได้ จึงเรียกโจทก์ และจำเลยมาคุย ศาลจึงขอให้โจทก์คือพุทธะอิสระ ได้แสดงความคิดเห็น พุทธะอิสระจึงได้แจ้งต่อศาลโดยสรุปว่า เหตุที่ฟ้องนี้ ฟ้องในกรณีจำเลยร่วมกันลง อุกเขปนียกรรมที่ไม่ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย ซึ่งมีหลักฐานปรากฏ ดังที่ได้ยื่นให้แก่ศาลไปแล้ว หากศาลมีคำวินิจฉัยตัดสินมาอย่างไร อนุสงฆ์รุ่นหลังๆ จักได้นำไปใช้เป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติแก่คณะสงฆ์สืบไป

พระพุทธะอิสระ กล่าวด้วยว่า ส่วนในกรณีที่ศาลต้องการให้พุทธะอิสระได้พูดคุยกับจำเลยที่ 3 ที่ 4 คือ พระอธิการฉัตรชัย อธิจิตโต และ พระปลัดนรุตม์ชัย อภินันโท พุทธะอิสระจึงได้สอบถามกับจำเลยทั้งสองว่า ท่านทราบและยอมรับหรือไม่ว่า การประกาศลงอุกเขปนียกรรมของพวกท่านมันขัดต่อหลักพระธรรมวินัย จำเลยทั้งสองยอมรับผิดว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่แจ่มชัดในพระธรรมวินัย จึงกระทำการไปด้วยความประมาท จึงขอขมาโทษ พุทธะอิสระเห็นถึงความจริงใจ ต่อการยอมรับผิด อีกทั้งจำเลยทั้งสองก็ได้มีความตั้งใจดีน่าจะทำคุณแก่พระพุทธศาสนาได้สืบไป แม้จักหลงผิดออกมาปกป้องคนผิดไปบ้างก็ถือว่า รู้เท่าไม่ถึงการณ์ พุทธะอิสระจึงได้ให้อภัย อโหสิกรรม อดโทษให้ ถอนฟ้องให้จำเลยทั้งสอง ส่วนจำเลยที่ 1 – 2 คือ พระเมธีธรรมาจารย์ หรือ เจ้าคุณประสาร และ นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ ศาลได้ขอให้มีการเจรจาอีกครั้งเพราะจำเลยที่ 1 มิได้มาศาล จึงนัดในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2561 เวลา 09.00 น. หวังว่าการให้อภัยครั้งนี้คงจะเป็นคุณแก่พระธรรมวินัย ส่วนพวกที่ร่วมกันกระทำอุกเขปนียกรรมเถื่อน คงจะมีการดำเนินการในทางคดีสืบไป


 

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img