พลิกแฟ้ม “ข่าวดังในอดีต”!
ย้อนยุค “กบฏเมษาฮาวาย”
นาทีระทึกเข็มประวัติศาสตร์
ยุคสมัยที่ พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศภาวะการเงิน การคลัง ของบ้านเมืองทรุดลงอย่างหนัก ดังนั้น พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาล จึงต้องแบกภาระนี้อย่างเต็มตัวหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปัญหาเศรษฐกิจของชาติที่เผชิญอยู่ขณะนั้นคือ “น้ำมัน” ขาดแคลนราคาน้ำมันและสินค้าต่างๆ มีราคาสูงขึ้นอย่างบ้าเลือด โดยเฉพาะ “น้ำตาล” อัตราเงินเฟ้อสูงลิ่ว แต่ราคาสินค้าภาคเกษตรกลับตกลง รัฐบาลพลเอกเปรม ต้องทุ่มเทความรู้ความสามารถแก้ปัญหาอย่างหนัก มรสุมทางเศรษฐกิจและการเมืองโหมกระหน่ำรัฐนาวา พลเอกเปรม ตลอดมาไม่ว่าเรื่อง “เทเล็กซ์น้ำมันอัปยศ” การเลิกสัญญาโรงกลั่นน้ำมันบางจากวิกฤตน้ำมัน ได้กลายเป็นกรณีให้พรรคร่วมรัฐบาลแตกแยกกันในที่สุด พล.อ.เปรม จึงตัดสินใจปรับปรุงคณะรัฐมนตรีครั้งแรก
“รัฐบาลเปรม 2” ประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์, ชาติไทย, สหพรรค, รวมไทยและแนวมหาชน แต่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจยังไม่ปรากฏผล ประกอบกับ พล.อ.เปรม มีความจำเป็นต้องต่ออายุราชการตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุดต่อไปอีก 1 ปี ทำให้กลุ่มทหารหนุ่มหรือ “ยังเติร์ก” ซึ่งมีพ.อ.มนูญ รูปขจร พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร เป็นแกนนำ ไม่พอใจส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งเห็นว่านักการเมืองไม่สามารถแก้ไขปัญหาของชาติได้ นายพันเอกทั้งสองจึงเข้าพบ พล.อ.เปรม เพื่อให้ท่านทำการปฏิวัติแต่ท่านปฏิเสธ
คืนวันที่ 31 มีนาคม 2524 การปฏิวัติก็เกิดขึ้นจริงๆโดยกลุ่ม “ยังเติร์ก” มี พ.อ.มนูญ รูปขจร พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร เป็นแกนนำ พล.อ.สัณห์ จิตรปฏิมา เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ
พ.อ. มนูญ รูปขจร พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร และทหารจำนวนหนึ่งไปที่บ้านสี่เสา ซึ่งพล.อ.เปรม พำนักอยู่ ขอร้องให้ท่านร่วมการปฏิวัติอีก แต่พล.อ.เปรม ก็ยังยืนยันคำปฏิเสธของท่านเช่นเดิม ดังนั้น พล.อ.เปรม จึงเท่ากับถูกควบคุมตัวโดยปริยาย แต่นายทหารหนุ่มกลุ่ม “ยังเติร์ก” ซึ่งเป็นลูกน้องเก่าไม่กล้าควบคุมตัวอย่างจริงจัง เนื่องจากยังมีความเคารพยำเกรงพอสมควร
เมื่อเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติระหว่างวันที่ 1-3 เมษายน 2524 “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขสถานการณ์อย่างมาก เพียงแต่บทบาทของ “บิ๊กจิ๋ว” ไม่ค่อยปรากฏออกมาโดดเด่นต่อสาธารณชนเท่านั้น
คืนวันที่ 31 มีนาคมต่อเนื่องกับวันที่ 1 เมษายน 2524 พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า “ความจริงมีคนเขาเตือนแล้วว่าจะมีการปฏิวัติแต่เราไม่เชื่อ เพราะเช็คข่าวแล้วไม่มีบอกเลย ผมเป็นเจ้ากรมยุทธการ ฉะนั้นน่าจะมีข่าวบอกผม เขาเตือนมาแต่เราไม่เชื่อ จนเขาบอกว่ามันแจกปืนกันแล้วนะ”
“ผมก็รีบออกไป พอออกปั๊บถูกต้องเลยก็รีบไปบอก “ป๋า” แต่ไม่ทันปรากฏว่า “ป๋า” ถูกจับแล้วจะเรียกว่าถูกจับคงไม่ใช่คือเขาเอากำลังไปอารักขาเห็นนั่งอยู่ที่หน้าตีนบันไดบ้านสี่เสาหลายคนผมจำได้มี ประจักษ์ วีรยุทธ มีพัลลภ มีใครต่อใครเต็มไปหมด เมื่อ “ป๋า” รู้ว่าผมมาก็ให้ผมไปพบข้างบนมีแอ๊ด (พันโทสุรยุทธ์ จุลานนท์ ยศขณะนั้น) อยู่ด้วย ป๋าถามผมว่า “จิ๋วจะเอาอย่างไร” ผมตอบว่า “สู้ๆครับป๋า” ป๋าถามอีกว่า “สู้ยังไง” ผมบอกป๋าว่า “ป๋าใจเย็นๆ”
และแล้ว พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ต้องเดินทางเข้าไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยที่กลุ่มนายทหารผู้ก่อการปฏิวัติยินยอมให้ พล.อ.เปรม เดินทางออกจากบ้านสี่เสาไปโดยดี ทั้งๆ ที่ตามแผนการ ซึ่งกำหนดไว้แต่แรกว่าจะต้อง “คุมตัว” ป๋าเอาไว้โดยเฉพาะ พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร ผู้มีหน้าที่ควบคุม พล.อ.เปรม คงได้กล่าวว่านี่คือบารมีของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
หลังจากป๋าไปแล้ว บิ๊กจิ๋วและพันเอกมงคล อัมพรพิสิฏฐ์ (ยศขณะนั้น) จึงถูกนำตัวไปรอพบ พล.อ.เปรมที่ ศปก.ทบ. ไปถึงก็ถูกควบคุมตัวไว้ทันที ณ ที่นั่น พลโทหาญ ลีนานนท์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ (ยศขณะนั้น) และนายทหารระดับสูงหลายต่อหลายคนถูกควบคุมอยู่ด้วยแล้วเวลาประมาณตี 2-3 พล.ท.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็
เข้ามา “บิ๊กจิ๋ว” รีบกระซิบบอก พล.ท.สุรยุทธ์ อยากพูดอะไรแล้วให้พูดดังๆ ให้นายทหารฝ่ายปฏิวัติได้ยินว่า “ป๋ายอมแพ้แล้วไม่มีเรื่องราวอะไร” ทหารเหล่านั้นก็เฮกันด้วยความดีใจ จากนั้นได้ปล่อย “บิ๊กจิ๋วเป็นอิสระ”
วันที่ 1 เมษายน 2524 พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ติดตามไปพบ พล.อ.เปรม ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยได้ทบทวนเหตุการณ์ตอนนี้ว่าเราไปโคราชกัน ที่ห่วงว่าพวกมันจับดักจับมากที่สุด ก็คือหน้ากองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ฯ พวกมันคงนึกว่าชนะแล้ว เราก็ผ่านได้สะดวกจนถึงโคราช พอลงจากรถ พี่ลักษณ์ (พล.ท.ลักษณ์ ศาลิคุปต์) ซึ่งเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ก็บอกว่า “เฮ้ย จิ๋ว มาแล้วเหรอ…ป๋าบ่นคิดถึงอยู่”
ผมก็ถอดรองเท้าเปิดประตูเข้าไปเพราะรู้ว่าสมเด็จฯ ประทับอยู่ข้างในแต่ไม่รู้ประทับอยู่ชั้นไหน ก็คงคิดว่าคงประทับชั้นบน ก็คลานถืบดืบเข้าไป เกิดไปชนขาใครก็ไม่รู้ ก็เงยหน้าขึ้นดู ปรากฏว่าเป็นพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านรับสั่งว่า “นายกฯเขาตามหาอยู่”…สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การจัดร่างแถลงการณ์พิมพ์เป็นแสนใบ ให้นักบินเอามาโปรย ตอนกลางคืนป๋าออกทีวี เราเริ่มทำงานกันคืนนั้น ทำงานกันทางจิตวิทยา วันที่ 2 ทนไม่ได้ทานเข้าไปหา “ป๋า” เพราะผู้ใหญ่อยู่กันเยอะบอกว่า “ป๋าครับ ขออนุญาตนำกำลังเข้ากรุงเทพฯ”
ตอนนั้นมี ตุ๋ย (พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี) มา (พล.อ.วิมล วงศ์วานิช) ศัลย์ (พล.อ.ศัลย์ ศรีเพ็ญ) ยะ (พล.อ.อารียะ อุโฆษกิจ) เอากำลังมาทางพื้นดิน ส่วนผมคุมกำลังมาทางอากาศ 5 กองพัน ลงที่ดอนเมือง พล.อ.อ. สุวิทย์ จันทประดิษฐ์ ตอนนั้นมียศนาวาเอก พอวางแผนเสร็จก็รายงานป๋า…ระบุว่า “เราพร้อมแล้ว”
ที่นี้ระหว่างนั่งเครื่องบินมานั้นก็ปรึกษา “หมง” ว่าจะหากระสุนที่ไหน.. “พี่จะเอาอะไรบ้าง” พล.อ อ.เกษตร โรจนนิล “บิ๊กเต้” ถามผมตอบว่าเอาวิทยุ 40-50 ตัว จะเอาทหาร เอารถ “เต้” ก็จัดให้ทั้งนั้น ทุกคนก็ออกทำงานกัน เราผ่านไปจุดไหนปืนของฝ่ายตรงข้ามก็เหี่ยวลงตรงนั้น ความจริงพวกมันถามตั้งแต่เมื่อคืนนั้นนะว่า “ใครเอากำลังมา” พวกนั้นก็ตอบว่า “พี่จิ๋ว” มันยังบอกว่า “เออดีเหมือนกัน..จะได้พูดกัน”
แผนการต่อต้านคณะปฏิวัติซึ่ง พล.อ.ชวลิต เป็นหัวหน้าวางแผนได้กำหนดไว้ว่าแบ่งกำลังออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ฉก.สุรนารี มากับเครื่องบินลงดอนเมือง อีกส่วนหนึ่งคือ ฉก.ชลบุรี หรือกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ลัดเลาะเคลื่อนทัพมาทางภาคพื้นดินด้านตะวันออก ส่วนด้านตะวันตกเปิดเอาไว้ เพื่อเปิดโอกาสให้ฝ่ายก่อการปฏิวัติหนีได้ ไม่ต้องการให้เกิดภาวะจนตรอกถึงขั้นสู้รบกัน
ดังนั้นเมื่อกำลังต่อต้านการปฏิวัติเคลื่อนเข้ามา จึงไม่ปรากฏว่ามีการยิงกันเลย พล.อ.สัณห์ จิตรปฏิมา หนีไปทางกาญจนบุรี ออกไปทางเวียงกาตี้ รถที่นั่งไปถึงกลับตกเขา หลวงพ่ออุตตมะท่านได้ช่วยเหลือไว้
บ่ายวันที่ 3 เมษายน 2524 เหตุการณ์ไม่สงบยุติแกนนำฝ่ายก่อการปฏิวัติถูกควบคุมตัวไว้หมดเวลาประมาณ 5 โมงเย็น “บิ๊กจิ๋ว” มีคำสั่งถอนกำลังฝ่ายต่อต้านการปฏิวัติกลับที่ตั้งทั้งหมด เพื่อรักษาภาพพจน์ประเทศชาติ
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เดินทางกลับเข้ากรุงเทพ เช้าวันที่ 4 เมษายน พร้อมด้วย พล.ต.อาทิตย์ กำลังเอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 (ยศขณะนั้น)
ที่สำคัญเหนือสิ่งใด ด้วยเดชะพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เหตุการณ์จึงสงบเรียบร้อย โดยที่คนไทยไม่ต้องรบกับคนไทยด้วยกันเอง
(เปิดบันทึกบางบรรทัด…การเดินทางกว่า 2 แสนกิโลเมตร สู่ยุทธการรกแต่หากพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ)
ดิน แดนไท….บันทึก